Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

พาณิชย์ ย้ำสองมาตรการใหญ่ปี 2569 … จะคุมเข้มนำเข้า “ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ปลอดการเผา” ร่วมแก้ฝุ่นพิษข้ามพรมแดนให้คนไทย และคุม “ส่งออกสินค้า DUI ที่เกี่ยวข้องกับนิวเคลียร์” เสริมแกร่งความเชื่อมั่นนักลงทุนโลก

102

 

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(22 กันยายน 2568)---------นายดวงอาทิตย์ นิธิอุทัย รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศเปิดเผยว่า ในปี 2569 กระทรวงพาณิชย์โดยกรมการค้าต่างประเทศ เตรียมเดินหน้าบังคับใช้มาตรการใหม่และเป็นมาตรการสำคัญ 2 เรื่อง ได้แก่ การออกมาตรการนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่ปลอดการเผาเพื่อลดปัญหามลพิษ PM 2.5 ข้ามพรมแดน อันเป็นการร่วมปกป้องสุขภาพของคนไทยทั้งประเทศ และการเริ่มใช้มาตรการใบอนุญาตส่งออก (Export License) สำหรับสินค้าที่สามารถนำไปใช้เพื่อเป็นสินค้าปกติและใช้เป็นส่วนประกอบในอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง (WMD) ได้ด้วยที่เรียกว่า สินค้าสองทาง (Dual-Use Items : DUI) ที่เกี่ยวข้องกับนิวเคลียร์ เพื่อเสริมสร้างความมั่นใจสินค้าไทยในเวทีโลกและนักลงทุนต่างชาติว่าไทยยืนอยู่ข้างสันติภาพของโลก

คุมนำเข้า “ข้าวโพดปลอดการเผา” ลดฝุ่นพิษ–ปกป้องสุขภาพคนไทยและหนุนการค้าเป็นมิตรสิ่งแวดล้อม

 


นายดวงอาทิตย์ กล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2569 เป็นต้นไป กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าต่างประเทศ จะกำหนดให้ผู้นำเข้าสินค้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ จะต้องมีหลักฐานเพื่อแสดงว่าสินค้าที่นำเข้ามาจากกระบวนการผลิตที่ “ปลอดการเผา” เพื่อลดการก่อฝุ่นพิษ PM 2.5 ข้ามพรมแดนที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน และเพื่อสร้างมาตรฐานการค้าใหม่ที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ เนื่องจากข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เป็นสินค้าที่ในประเทศผลิตไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้ ต้องนำเข้าปีละกว่า 1.3 – 2 ล้านตัน โดยส่วนใหญ่มีแหล่งนำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้านที่หลายพื้นที่ยังใช้วิธีเผาไร่หลังเก็บเกี่ยว ทำให้เกิดฝุ่น PM 2.5 ลอยข้ามมาไทย

 


มาตรการใหม่จะกำหนดให้ผู้นำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ต้องขึ้นทะเบียนรายปีกับกรมฯ และในการนำเข้าจะต้องแสดงหลักฐานว่าสินค้ามาจากการผลิตแบบปลอดการเผาตามหลักฐานที่กำหนด โดยในช่วงแรกถือเป็นช่วงเปลี่ยนผ่าน (transitional period) ของผู้นำเข้าไทย โดยมีเป้าหมายจะเริ่มตั้งแต่ ม.ค. 2569 ไปจนกระทั่ง พ.ร.บ อากาศสะอาด และกฎหมายลูกมีผลบังคับใช้ โดยจะให้ผู้นำเข้าสามารถรับรองตนเองได้ว่าสินค้านำเข้ามาจากแหล่งที่ไม่เผา หรือใช้เอกสารจากหน่วยงานรัฐของประเทศผู้ส่งออกหรือองค์กรที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลเป็นผู้รับรองก็ได้ พร้อมกับจะต้องมีการบันทึกข้อมูลการเพาะปลูก และที่ตั้งแปลงปลูกของสินค้าที่นำเข้า เพื่อให้สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ถึงแปลงเพาะปลูกในกรณีที่เกิดเหตุอันควรสงสัย ทั้งนี้ ในระยะที่สอง จะเริ่มภายหลังจาก พ.ร.บ อากาศสะอาด และกฎหมายลูกมีผลบังคับใช้เป็นต้นไปแล้ว จะใช้มาตรการที่มีความเข้มงวดมากขึ้น อาทิ การนำเข้าจะต้องใช้ใบรับรองจากหน่วยงานที่ยอมรับของประเทศผู้ส่งออกเท่านั้น จะต้องมีแผนที่แปลงการเพาะปลูกมาประกอบด้วย เป็นต้น

 


นายดวงอาทิตย์ เพิ่มเติมว่า ถือเป็นครั้งแรกที่ไทยใช้มาตรการด้านสิ่งแวดล้อมกับการนำเข้าสินค้าเกษตรซึ่งเป็นมาตรการที่ร่วมกันตกผลึกตั้งแต่ต้นปี 2568 ระหว่างหน่วยงานรัฐ เอกชน เกษตรกร และนักลงทุนไทยในประเทศเพื่อนบ้าน โดยร่วมกันหาแนวทางที่มีประสิทธิภาพ ค่อยเป็นค่อยไป ตรวจสอบได้ ไม่เป็นอุปสรรคเกินไปต่อการค้าระหว่างประเทศ และบังคับใช้อย่างเท่าเทียมทั้งสินค้ามาจากต่างประเทศและในประเทศอันสอดคล้องกับพันธกรณีระหว่างประเทศทั้ง ASEAN และ WTO อย่างมีสมดุล อย่างไรก็ดี มาตรการนี้ อยู่ระหว่างการนำเสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี ควบคู่ไปพร้อมกับแนวทางการป้องกันการขาดแคลนข้าวโพดเพื่อใช้ผลิตอาหารสัตว์ในกรณีที่การนำเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้านมีปัญหา ที่กำหนดโดยคณะกรรมการนโยบายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ (นบขพ) อาทิ การขยายโควตานำเข้าในกรอบองค์การการค้าโลก (WTO) ในระดับที่เหมาะสม พร้อมลดภาษีลงเหลือ 0% เป็นต้น โดยที่ยังคงมาตรการป้องกันผลกระทบที่จะเกิดกับเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์อย่างเข้มงวดเช่นกัน เช่น มาตรการผู้นำเข้าต้องซื้อข้าวโพดในประเทศ 3 ส่วน ต่อการนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ หรือ ข้าวสาลีจากต่างประเทศ 1 ส่วน เป็นต้น

 


สินค้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ถือเป็นวัตถุดิบสำคัญของการผลิตอาหารสัตว์ โดยในปี 2567/2568 ไทยมีผลผลิตในประเทศ ต่อ ความต้องการใช้ อยู่ที่ 4.558 ล้านตัน : 8.436 ล้านต้น และในปี 2568/2569 อยู่ที่ 4.739 ล้านตัน : 9.201 ล้านตัน ทำให้มีการนำเข้าในปี 2567 และ 2568 (ม.ค. - มิ.ย.) อยู่ที่ 2.01 ล้านตัน และ 1.169 ล้านต้น ตามลำดับ โดยปี 2567 นำเข้าจาก เมียนมา (87%) ลาว (12.61%) กัมพูชา (0.39%) ในขณะที่ ประเทศที่ส่งออกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์สำคัญของโลก ได้แก่ สหรัฐอเมริกา บราซิล และ อาร์เจนตินา

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้