Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

บล.เอเซีย พลัส : บทวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นรายวัน

93


SET อาจพักช่วงสั้น


HORIZON MARKET VIEW
•ศุกร์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นหสรัฐฯ ยังดีดตัวขึ้นต่อเนื่องราว 0.4% -0.7% ปัจจัยหนุนหลักๆ ยังคงมาจากความคาดหวังต่อการลดดอกเบี้ยของ FED บวกกับการหมดอายุของออปชันมูลค่า $5 ล้านล้าน (TRIPLE WITCHING) รวมถึงความเชื่อมั่นในแนวโน้มกำไรของบริษัทและการเติบโตของ AI
• นอกจากนี้ยังมีแนวโน้มที่ดีขึ้นของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศจีน-สหรัฐฯ หลังปธน. XI และ TRUMP โทรคุยกัน ซึ่งมีความคืบหน้าในการเจรจา TIKTOK โดยสหรัฐฯ เป็นผู้ถือหุ้นหลัก (ORACLE, SILVER LAKE และ ANDREESSENHOROWITZ) และ BYTEDANCE จะลดสัดส่วนการถือหุ้นเหลือประมาณ 20%
• ศุกร์นี้รอการประกาศตัวเลขเงินเฟ้อ PCE สหรัฐฯ เดือน ส.ค. 68 โดยCONSENSUS คาดปรับตัวสูงขึ้นเป็น +2.7%YOY (เดือนก่อน +2.6%YOY)

 

REGION RADAR
•ช่วงสั้นๆ มีปัจจัยภายนอก จากพายุไต้ฝุ่น RAGASA ที่พัดเข้าฝั่งฮ่องกงในช่วงนี้ อาจกดดันดัชนี HSI ย่อตัวในสัปดาห์นี้ได้ แต่เชื่อว่าเป็นจังหวะในการสะสมก่อนเข้าสู่ช่วง GOLDEND WEEK
• ราคาของหุ้นในดัชนี HSI ส่วนใหญ่อยู่เหนือเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน อีกทั้งในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ดัชนี HANG SENG TECH ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า NASDAQ 100 แสดงถึงหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีของจีนปรับตัวขึ้นได้ดีกว่าหุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯ ยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นในกลุ่มTERRIFIC 10 หากย่อตัวเป็นโอกาสสะสม กลุ่มคลาวด์: ALIBABA,BAIDU กลุ่มเกม: TENCENT, NETEASE และกลุ่มชิป: SMIC

 

SYNAPSE STRATEGY
• หุ้นไทยในช่วงครึ่งปีหลังมา (ก.ค.-ก.ย.) ดีดปรับตัวขึ้นไปแล้ว 19%เป็นอันดับ 5 ของโลก แต่ในเดือน ก.ย. หลังภาพรัฐบาลใหม่ชัดเจนหุ้นไทยปรับขึ้นมา 5% เป็นอันดับ 8 ของโลก ซึ่งในเชิงเทคนิคถือว่าเข้าเขตOVERBOUGHT หรือขึ้นมาแรงมากเกินไป
• แนะนำ หุ้นกลุ่มท่องเที่ยว ERW CENTEL AAV, หุ้น DEFENSIVEเลือก BDMS, BCH และ หุ้น HIGH DIVIDEND YIELD เลือก SCBปันผล 8% ต่อปี, PTT ปันผล 6.4%


THAI FOCUS
•แพ็กเกจกระตุ้นเศรษฐกิจมาเต็ม ทั้งโครงการคนละครึ่ง, รถไฟฟ้า 35–40 บาทตลอดสาย และการลดค่าไฟฟ้า(FT) เป้าหมายเพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายด้านปากท้องของประชาชน
• แต่มีข้อท้าทาย คือ ต้องใช้งบประมาณสูง ซึ่งสอดคล้องกับการเตือนของ IMF แนะให้ลดหนี้สาธารณะต่ำกว่า 60% ของ GDP เพื่อสร้างพื้นที่ทางการคลังไว้รับมือวิกฤต และควรลดการกู้เงินนอกงบประมาณ ซึ่งอาจส่งผลต่อการประเมิน RATING ของไทยในอนาคต

 

HORIZON MARKET VIEW
ปัจจัยแวดล้อมยังไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น
ศุกร์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นหสรัฐฯ ยังดีดตัวขึ้นต่อเนื่องราว 0.4% - 0.7% โดยดัชนี S&P 500 ปิดที่ 6,660 จุด มีการซื้อขายหุ้นกว่า 27.7 พันล้านหุ้น ซึ่งมากที่สุดเป็นอันดับ 3 ตั้งแต่ปี 2008 ปัจจัยหนุนหลักๆ ยังคงมาจากความคาดหวังต่อการลดดอกเบี้ยของ FED บวกกับการหมดอายุของออปชันมูลค่า $5 ล้านล้าน (TRIPLEWITCHING)รวมถึงความเชื่อมั่นในแนวโน้มกำไรของบริษัทและการเติบโตของ AI

นอกจากนี้ยังมีแนวโน้มที่ดีขึ้นของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศจีน-สหรัฐฯ หลังปธน. XI และ TRUMP โทรคุยกันซึ่งมีความคืบหน้าในการเจรจา TIKTOK โดยสหรัฐฯ เป็นผู้ถือหุ้นหลัก (ORACLE, SILVER LAKE และANDREESSEN HOROWITZ) และ BYTEDANCE จะลดสัดส่วนการถือหุ้นเหลือประมาณ 20%(สหรัฐฯ จะครอง6 จาก 7 ที่นั่งในบอร์ดของ TIKTOK สหรัฐฯ) อีกทั้งผู้นำทั้ง 2 ประเทศยังตกลงจะพบกันตัวต่อตัวในเดือนหน้า ซึ่งอาจเห็นความพยายามบรรลุข้อตกลงการค้าก่อนการประชุม APEC ที่เกาหลีใต้

 

อีกประเด็นสำคัญในสัปดาห์นี้ คือ การประกาศตัวเลขเงินเฟ้อ PCE สหรัฐฯ เดือน ส.ค. 68 โดย CONSENSUSคาดปรับตัวสูงขึ้นเป็น +2.7%YOY (เดือนก่อน +2.6%YOY) แม้เงินจะมีแนวโน้มสูงขึ้นเล็กน้อย แต่FED คาดว่าในปี 2025 เงินเฟ้อ PCE สหรัฐฯ จะขยายตัว +3.0%YOY

ดังนั้น หากเงินเฟ้ออยู่ภายใต้การควบคุม ก็ไม่จะทำให้ทิศทางดอกเบี้ยของ FED ในปี 2025 เปลี่ยนแปลงไป โดยล่าสุด FEDWATCH TOOL ยังคาดว่าปีนี้ FED จะลดดอกเบี้ย 2 ครั้ง (เท่ากับคาดการณ์ DOT PLOT)

 

REGION RADAR

พายุ RAGASA กดดันหุ้นจีนตก แต่ยังเป็นจังหวะในการสะสมหุ้นจีน
ช่วงสั้นๆ มีปัจจัยภายนอก จากพายุไต้ฝุ่น RAGASA ที่พัดเข้าฝั่งฮองกงในช่วงนี้ คาดสนามบินจะมีการหยุดชั่วคราว 36 ชั่วโมง อาจกดดันดัชนี HSI ย่อตัวในสัปดาห์นี้ได้ แต่เชื่อว่าเป็นจังหวะในการสะสมก่อนเข้าสู่ช่วงGOLDEND WEEK

อีกทั้งยังเห็นภาพรวมหุ้นในดัชนี HSI ยังแข็งแกร่ง จากทั้งหมด 88 ตัว พบว่ามีหุ้นถึง 82 ตัว ที่ราคาอยู่เหนือเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน แสดงถึงการขึ้นที่ค่อนข้างกระจายตัว โดยการขึ้นแบบนี้เป็นการขึ้นที่มีโมเมนตัมค่อนข้างแข็งแกร่ง


รวมถึงตั้งแต่ 4 ก.ค. 2025 ดัชนี HANG SENG TECH (HSTECH ประกอบด้วย TERRIFIC10 78% ของMARKET CAP รวม) ให้ผลตอบแทนที่โดดเด่นกว่าดัชนี NASDAQ 100 (NDX) สะท้อนถึงตลาดกลับมาให้ความสนใจหุ้นเทคโนโลยีจีนมากขึ้นในช่วงนี้เมื่อเปรียบเทียบกับหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีสหรัฐฯ

 

จากภาพที่ SENTIMENT หุ้น BIG TECH จีนดูมีความน่าสนใจกว่าหุ้น BIG TECH ในสหรัฐฯ ยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นในกลุ่ม TERRIFIC 10 (หุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ของจีน 10 บริษัท) โดยยังชอบ 3 กลุ่มด้วยกันประกอบด้วย กลุ่มคลาวด์: ALIBABA, BAIDU กลุ่มเกม: TENCENT,NETEASE และกลุ่มชิป: SMIC

 


THAI FOCUS


แพ็กเกจกระตุ้นเศรษฐกิจมาเต็ม แต่ระวังหนี้สาธารณะสูงเกิน
หลังวันศุกร์ที่ผ่านมา พระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง ครม.เรียบร้อย กระบวนการถัดไปเตรียมเข้าถวายสัตย์ ต่อด้วยแถลงนโยบายต่อรัฐสภาช่วงปลาย ก.ย.-ต้น ต.ค.68 โดยเน้น 3 เรื่องหลักที่เกี่ยวข้องกับค่าใช้จ่ายประชาชน ดังนี้
• โครงการคนละครึ่ง (โฉมใหม่) โดยปรับสัดส่วนการช่วยเหลือให้เหมาะสมกับสิทธิที่ควรได้รับมากกว่าเดิม คาดว่าเริ่มโครงการ ต.ค.68
• รถไฟฟ้า 35–40 บาทตลอดสาย มีราคาต่อเที่ยวที่กำหนดไว้ จะช่วยลดค่าเดินทางของประชาชนโดยเฉพาะคนทำงานที่ต้องต่อรถหลายสาย
• การลดค่าไฟฟ้า(FT) ให้ลงเหลือ 3.94 บาทต่อหน่วย โดยเป็นช่วงเวลา ก.ย.–ธ.ค.68และ ม.ค.–เม.ย. 69ทั้ง 3 นโยบายนี้จะ “ทำทันทีใน 4 เดือน”(ภายใน 4 เดือนแรกหลังรัฐบาลอนุทินเริ่มทำงาน) เป้าหมายเพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายด้านปากท้องของประชาชน ทั้งอาหาร (ผ่านโครงการคนละครึ่ง), การเดินทาง (รถไฟฟ้าราคาถูก),และสาธารณูปโภค (ค่าไฟ) แต่มีข้อท้าทาย คือ ต้องใช้งบประมาณสูง โดยเฉพาะโครงการคนละครึ่งและการอุดหนุนค่าไฟอาจมีข้อถกเถียงเรื่องความคุ้มค่าและความยั่งยืนทางการคลัง ซึ่งสอดคล้องกับการเตือนของ IMFแนะให้รัฐบาลไทยลดหนี้สาธารณะให้ต่ำกว่า 60% ของ GDP ในระยะกลาง และกลับไปใช้เพดานหนี้ที่ 60% เพื่อสร้างพื้นที่ทางการคลังไว้รับมือวิกฤต รวมถึงควรลดการกู้เงินนอกงบประมาณ เพื่อเพิ่มความโปร่งใสและหลีกเลี่ยงหนี้ที่ไม่คาดคิด ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวไปจะส่งผลต่อการประเมิน RATING ของไทยในอนาคต


SYNAPSE STRATEGY

SET อาจติดๆ บ้าง หลังขึ้นมาแรง
หุ้นไทยในช่วงครึ่งปีหลังมา (ก.ค.-ก.ย.) ดีดปรับตัวขึ้นไปแล้ว 19%เป็นอันดับ 5ของโลก แต่ในเดือน ก.ย. หลังภาพรัฐบาลใหม่ชัดเจนหุ้นไทยปรับขึ้นมา 5% เป็นอันดับ 8ของโลก ซึ่งในเชิงเทคนิคถือว่าเข้าเขต OVERBOUGH หรือขึ้นมาแรงมากเกินไป อาจมีย่อตัวลงบ้างจาก 3 ปัจจัยดังนี้

1. ในเชิงเทคนิค SET มีจำนวนหุ้นเยอะกว่าปกติขึ้นมาเร็วเกินไป โดยมีหุ้นอยู่ในตลาดมีประมาณ 600 กว่าบริษัท มีRSI > 70 หรือเข้าเขต OVERBOUGH แล้วประมาณ 17% ของหุ้นที่จดทะเบียนในตลาดทั้งหมด ดังนั้นอาจจะมีการพักฐานได้บ้าง หากเป็นไปตามสถิติย้อนหลัง ถ้า SET INDEX ขยับขึ้นจนมีหุ้นที่มี RSI เข้าเขต OVERBOUGHT เกิน 15% จะย่อตัวลงในช่วงสั้นๆ

2. FUND FLOW เริ่มเห็นการชะลอลง ในช่วง 3 วันทำการที่ผ่านมา ต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทยทุกวัน 6.6พันล้านบาท

3. ในมุม UPSIDE ตลาดเริ่มแคบ โดย BLOOMBERG CONSENSUS คาดการณ์เป้าหมายดัชนีหุ้นไทยที่ระดับ 1,380 จุด ใน 12 เดือนข้างหน้า เหลืออัพไซด์เพียง 6% ซึ่งปกติถ้าอัพไซด์ต่ำกว่า 10% หุ้นไทยมีโอกาสย่อพักฐานก่อนช่วงสั้น หลังจากที่ตลาดตอบรับข่าวที่เกิดขึ้นในเชิงบวกระดับหนึ่ง


กลยุทธ์การลงทุนเน้นหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว
▪ หุ้นกลุ่มท่องเที่ยว รับกระแสใกล้เข้าสู่วันหยุดยาวแห่งชาติของจีน GOLDEN WEEK อย่าง ERWCENTEL AAV
▪ หุ้น DEFENSIVE ราคาแลกการ์ด เลือก BDMS, BCH
▪ หุ้น HIGH DIVIDEND YIELD เลือก SCB ปันผล 8% ต่อปี, PTT ปันผล 6.4%



Research Division
จัดทำโดย
ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

มีแรงขาย By : แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ วันนี้ ดัชนีหุ้นไทย เลื้อยไป เลื้อยมา ระหว่างทาง มีแรงขาย สลับแรงซื้อ พยายามรักษา...

iPhone 17 Series By : เจ๊มดแดง

เจ๊มดแดง ไต่กิ่งมะม่วง เห็นบรรยากาศการซื้อขายiPhone 17 Series แล้ว กระแสแรง สะท้อนถึงกำลังซื้อของเหล่า บรรดาสาวก....

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้