สำนักข่าวหุ้นอินไซด์( 12 กันยายน 2568)------บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศจัดอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว ให้กับหุ้นกู้ไม่มีหลักประกันและไม่ด้อยสิทธิของบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS (อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวที่ AAA(tha) แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ) มูลค่าไม่เกิน 1.6 หมื่นล้านบาท ที่ ‘AAA(tha)’ เงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้จะนำไปใช้ในการชำระคืนหนี้ที่มีอยู่ สนับสนุนค่าใช้จ่ายเพื่อการลงทุน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน อันดับเครดิตของหุ้นกู้ดังกล่าวอยู่ในระดับเดียวกันกับอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของ AIS เนื่องจากหุ้นกู้มีสถานะเท่าเทียมกับหนี้ไม่มีหลักประกันและไม่ด้อยสิทธิของบริษัท
ปัจจัยที่มีผลต่ออันดับเครดิต
สถานะทางเครดิตที่แข็งแกร่ง: อันดับเครดิตของ AIS สะท้อนสถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง จากความเป็นผู้นำในธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่และอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง โดยมีส่วนแบ่งตลาดตามจำนวนผู้ใช้บริการที่ร้อยละ 49 และร้อยละ 47 ตามลำดับ การขยายธุรกิจสู่การให้บริการแก่ลูกค้าองค์กร (Enterprise) ศูนย์ข้อมูล (Data Center) และบริการคลาวด์ ช่วยกระจายแหล่งที่มาของรายได้ เสริมความแข็งแกร่งของสถานะทางการตลาด และสนับสนุนการเติบโตของรายได้และความมั่นคงของกระแสเงินสดในระยะกลาง ฟิทช์คาดว่า AIS จะยังคงรักษาอัตราส่วนหนี้สินให้สอดคล้องกับอันดับเครดิตปัจจุบันต่อไปในช่วง 2 ถึง 3 ปีข้างหน้า
กระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่สม่ำเสมอ: ฟิทช์คาดว่า กำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ของ AIS จะเติบโตต่อเนื่องมาอยู่ที่ประมาณ 9.2-9.3 หมื่นล้านบาทต่อปีในปี 2568 และ 2569 (ครึ่งปีแรก 2568: 5.2 หมื่นล้านบาท, ปี 2567: 8.6 หมื่นล้านบาท) โดยได้แรงหนุนจากความต้องการใช้บริการอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงและโทรศัพท์เคลื่อนที่ เพิ่มขึ้น เราคาดว่ารายได้เฉลี่ยต่อผู้ใช้บริการ (ARPU) ของธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่จะปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง จากการแข่งขันด้านราคาที่ไม่รุนแรง และการเพิ่มสัดส่วนแพ็กเกจบริการมูลค่าสูง
สถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง: ฟิทช์คาดว่าอัตราส่วนหนี้สินของ AIS จะยังคงแข็งแกร่งในช่วงสองถึงสามปีข้างหน้า โดยมี อัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA net leverage) ที่ระดับประมาณ 0.9-1.0 เท่าในปี 2568 และ ปี 2569 (ครึ่งปีแรก 2568: 0.9 เท่า, ปี 2567: 1.0 เท่า) ฟิทช์คาดว่ากระแสเงินสดสุทธิ (Free Cash Flow) ที่เป็นกลางถึงเป็นบวกเล็กน้อยในปี 2568 และ 2569 จากกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง ที่เพียงพอรองรับค่าใช้จ่ายเพื่อการลงทุนและเงินปันผล ค่าใช้จ่ายเพื่อการขยายโครงข่ายน่าจะอยู่ในระดับที่ไม่สูงมากนัก เนื่องจากความครอบคลุมของโครงข่ายในปัจจุบันน่าจะเพียงพอรองรับการเติบโตของความต้องการในระยะ 2-3 ปีข้างหน้า นอกจากนี้ การได้มาซึ่งคลื่นความถี่ 2.1GHz เมื่อเดือนมิถุนายน 2568 จะช่วยรองรับการขยายความจุโครงข่ายเพิ่มเติมในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า
การแข่งขันที่สมเหตุสมผลยังคงดำเนินต่อไป: ฟิทช์เชื่อว่าอุตสาหกรรมโทรศัพท์เคลื่อนที่ของไทยจะยังคงได้ประโยชน์จากการแข่งขันด้านราคาที่อยู่ในระดับที่เป็นเหตุเป็นผล ซึ่งจะสนับสนุนรายได้เฉลี่ยต่อผู้ใช้บริการ และการเติบโตของรายได้ของ AIS อุตสาหกรรมโทรศัพท์เคลื่อนที่และอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงในประเทศไทย มีสัญญาณการเติบโตที่ดีขึ้น หลังการแข่งขันที่มีเสถียรภาพมากขึ้น ภายหลังการควบรวมกิจการระหว่างบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) และการเข้าซื้อกิจการ ทริปเปิ้ล ทรี บรอดแบนด์ ของ AIS ในปี 2566 ปัจจุบันผู้ประกอบการหันมาให้ความสำคัญกับความสามารถในการทำกำไร โดยให้ความสำคัญกับคุณภาพการให้บริการเหนือการแย่งชิงส่วนแบ่งตลาด และการแข่งขันด้านราคา
การกำหนดอันดับเครดิตโดยสรุป
อันดับเครดิตของ AIS มีความแข็งแกร่งกว่าอันดับเครดิตของบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) หรือ ThaiBev ซึ่งมีอันดับเครดิตที่ ‘AA(tha)’ แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ ซึ่งเป็นผู้นำในตลาดสุราและเบียร์ในประเทศไทย เวียดนาม และเมียนมาร์ AIS และ ThaiBev มีสถานะทางธุรกิจในระดับใกล้เคียงกัน เนื่องจากบริษัททั้งสองเป็นผู้นำในธุรกิจที่ตนดำเนินการอยู่ AIS มีการกระจายตัวของธุรกิจในด้านภูมิภาคที่น้อยกว่า ThaiBev แต่อันดับเครดิตภายในประเทศของ AIS อยู่ในระดับสูงกว่า ThaiBev อยู่สองอันดับเนื่องจาก AIS มีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งกว่า
อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของ AIS อยู่ในระดับเดียวกันกับอันดับเครดิตของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท. ซึ่งมีอันดับเครดิตที่ ‘AAA(tha)’ แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ ซึ่งเป็นผู้ดำเนินธุรกิจน้ำมันและก๊าซธรรมชาติแบบครบวงจรรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย AIS มีสถานะทางธุรกิจที่อ่อนแอกว่ากว่า ปตท. เล็กน้อย โดย ปตท. มีขนาดธุรกิจที่ใหญ่กว่า และมีการกระจายตัวของธุรกิจมากกว่า AIS ซึ่งช่วยลดทอน ความผันผวนที่เกิดจากธุรกิจย่อยแต่ละธุรกิจ ในขณะที่ธุรกิจโทรคมนาคมของ AIS มีความผันผวนน้อยกว่า นอกจากนี้ AIS มีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งกว่า โดยมีอัตราส่วน EBITDA Net Leverage อยู่ที่ระดับประมาณ 0.9-1.0 เท่า เมื่อเทียบกับ ปตท. ที่ระดับ 1.7-2.0 เท่า
สมมุติฐานที่สำคัญ
สมมุติฐานที่สำคัญของฟิทช์ที่ใช้ในการประมาณการ
- รายได้จากการให้บริการเติบโตประมาณร้อยละ 6 ต่อปี ในปี 2568 และร้อยละ 2 ต่อปี ในปี 2569 สะท้อนความต้องการใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่และอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงที่เพิ่มขึ้น;
- Operating EBITDA margin อยู่ที่ประมาณร้อยละ 41-42 ในปี 2568 และ 2569 (ปี 2567 อยู่ที่ร้อยละ 40);
- ค่าใช้จ่ายเพื่อการลงทุน (CAPEX) จำนวน 4.97 หมื่นล้านบาท ในปี 2568 และ 3.82 หมื่นล้านบาทในปี 2569 (ปี 2567 อยู่ที่ 3.81 หมื่นล้านบาท);
- จ่ายเงินปันผลในอัตราร้อยละ 95 ของกำไร
ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต
ปัจจัยลบ
- อัตราส่วน EBITDA net leverage สูงกว่า 2.0 เท่าอย่างต่อเนื่อง;
- การเปลี่ยนแปลงทางกฏหมายที่ส่งผลกระทบในทางลบ
ปัจจัยบวก
- ไม่มีการปรับเพิ่มอันดับเครดิต เนื่องจากอันดับเครดิตดังกล่าวอยู่ในระดับสูงสุดของอันดับเครดิตภายในประเทศ
สภาพคล่องและโครงสร้างหนี้
สภาพคล่องของ AIS อยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้ ฟิทช์คาดว่าหนี้ที่ถึงกำหนดชำระภายใน 12 เดือนนับจากสิ้นเดือนมิถุนายน 2568 จำนวน 3.26 หมื่นล้านบาท จะได้รับการสนับสนุนบางส่วนจากเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ครั้งนี้จำนวน 1.6 หมื่นล้านบาท ส่วนที่เหลือจะได้รับการสนับสนุนจากเงินสดคงเหลือจำนวน 2.07 หมื่นล้านบาท ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2568 สภาพคล่องของ AIS ยังได้รับการสนับสนุนจากความสามารถในการเข้าถึงแหล่งเงินกู้ภายในประเทศ เนื่องจากสถานะทางเครดิตที่แข็งแกร่งของบริษัท
เกี่ยวกับบริษัท: AIS เป็นผู้ประกอบการโทรศัพท์เคลื่อนที่รายใหญ่ที่สุดของไทยโดยมีโดยมีส่วนแบ่งตลาดตามจำนวนผู้ใช้บริการร้อยละ 49 และเป็นผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงทั่วประเทศ โดยมีลูกค้าจำนวน 5.1 ล้านราย บริษัทมีส่วนแบ่งทางการตลาดตามจำนวนผู้ใช้บริการอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงประมาณร้อยละ 47 บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) และ Singtel เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท โดยมีสัดส่วนการถือหุ้นร้อยละ 40 และ 23 ตามลำดับ
อันดับเครดิตที่เกี่ยวโยงกับอันดับเครดิตอื่น
อันดับเครดิตของ AIS และบริษัทลูกซึ่งได้แก่ บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลสเน็ทเวอร์ค จำกัด หรือ AWN (อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวที่ ‘AAA(tha)’ แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ) อยู่ในระดับเดียวกัน ซึ่งสะท้อนถึงแรงจูงใจในการให้การสนับสนุนด้านกลยุทธ์ และด้านการดำเนินงาน จาก AIS ที่อยู่ในระดับสูง ต่อ AWN