วันพฤหัสบดีที่ผ่านมาดัชนีเคลื่อนไหวในแดนบวก ตามทิศทางตลาดต่างประเทศ โดยได้แรงหนุนจากสหรัฐเผยตัวเลขเงินเฟ้อ PPI ปรับตัวขึ้นต่ำกว่าคาด ทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้นว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์หน้า มีแรงซื้อนำโดยหุ้น DELTA และ PTT ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่1,288.03 จุด +9.98 จุด +0.78% มูลค่าการซื้อขาย 46,753.07 ลบ. Program Trading +877.37 ลบ.ต่างชาติ+1,483.72 ลบ. TFEX -538 สัญญา ตราสารหนี้-4,674.92 ลบ.

ปัจจัยบวก
+ ดัชนีดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 617.08 จุด หรือ +1.36% โดยทั้ง 3 ดัชนีหลักปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากข้อมูลแรงงานและตัวเลขเงินเฟ้อ ที่มีการเปิดเผยล่าสุดเป็นปัจจัยหนุนการคาดการณ์ที่ว่า FED จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์หน้า และได้ปัจจัยบวกจากการพุ่งขึ้นของหุ้นเทสลา (Tesla)และหุ้นไมครอน เทคโนโลยี (Micron Technology)
+ สหรัฐฯ เปิดเผยว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ปรับตัวขึ้น 2.9%YoY ในเดือนส.ค.สอดคล้องตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากที่เพิ่มขึ้น 2.7% ในเดือนก.ค.
+ ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกของสหรัฐฯ พุ่งขึ้น 27,000 ราย สู่ระดับ263,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สูงสุดในรอบเกือบ 4 ปี หรือนับตั้งแต่วันที่ 23 ต.ค.2564 และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 235,000 ราย
+ FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้่าหนัก 100% ที่ FEDจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมวันที่ 16-17 ก.ย. และให้น้่าหนัก 7%ที่ FED จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมครั้งนี้ และยังคาดว่า FEDจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ทั้งในการประชุมเดือนต.ค.และธ.ค.
+ วานนี้ธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายตามการคาดการณ์ของตลาด โดยเป็นการคงอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 2 ติดต่อกัน
+ ตลท. เปิดเผยว่า ในช่วง 8M68 บริษัทจดทะเบียนในไทย 563 บริษัทจ่ายเงินปันผลรวม 593 ครั้ง ลดลงจาก 605 ครั้ง ในช่วงเดียวกันของปี 67 แต่มีมูลค่ารวม499,358 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18%YoY ช่วงเทศกาลจ่ายเงินปันผล คือ เดือน มี.ค.-พ.ค.68 จ่ายเงินปันผลรวม 534 ครั้ง คิดเป็นสัดส่วนถึง 90.1% ของทั้งปี โดยเฉพาะเดือน พ.ค.ซึ่งมีการจ่ายมากที่สุดถึง 456 ครั้ง หรือ 76.9%

ปัจจัยลบ
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปิดลดลง 1.3 ดอลลาร์ หรือ -2.04% ปิดที่62.37 ดอลลาร์/บาร์เรล ถูกกดดันความกังวลว่าอุปสงค์น้่ามันในสหรัฐฯ อาจชะลอตัวลง และตลาดโลกอาจเกิดภาวะอุปทานน้ำมันล้นตลาด บดบังปัจจัยบวกจากการคาดการณ์ที่ว่าสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางและสงครามในยูเครนอาจส่งผลให้เกิดภาวะชะงักงันด้านอุปทาน
- ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ แถลงแสดงความกังวลต่อกรณีที่ทางการสหรัฐฯ บุกเข้าจับกุมแรงงานชาวเกาหลีหลายร้อยคน ณ ที่ตั้งโครงการของบริษัทฮุนได มอเตอร์(Hyundai Motor) ซึ่งอาจส่งผลให้นักลงทุนจากเกาหลีใต้ต้องทบทวนการตัดสินใจที่จะเข้าไปด่าเนินธุรกิจในสหรัฐฯ
- สหรัฐฯ เตรียมกดดันให้ญี่ปุ่นและประเทศอื่น ๆ ในกลุ่มจี 7 ปรับขึ้นภาษีน่าเข้าจากจีนและอินเดีย เพื่อเป็นการลงโทษที่ยังคงซื้อน้ำมันจากรัสเซีย
- ผลส่ารวจดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้า และดัชนีความเชื่อมั่น ผู้บริโภคเดือน ส.ค.68 ว่า ดัชนีทั้ง 2 รายการอยู่ในช่วงขาลง โดยมีค่าต่่าที่สุดในรอบ33 เดือน และ 32 เดือน ตามล่าดับ เพราะภาคธุรกิจกังวลเสถียรภาพการเมืองหลังจากนายกรัฐมนตรีถูกถอดถอนออกจากต่าแหน่งและปัญหาเศรษฐกิจฟื้นช้าสะท้อนจากระดับการลงทุนของภาคเอกชนในทุกจังหวัดที่ลดลง โดยเดือน ส.ค.68อยู่ที่ระดับ 37.5 ขณะที่การจ้างงานอยู่ที่ระดับ 38.0 ซึ่งถือว่าต่่ามาก ดังนั้นรัฐบาลใหม่จ่าเป็นต้องเข้ามาเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจโดยเร็ว

แนวโน้มตลาดวันนี้
คาดดัชนีในวันนี้มีโอกาสปรับตัวขึ้นในลักษณะ Sideway Up โดยมีแรงหนุนจากข้อมูลแรงงานและตัวเลขเงินเฟ้อที่มีการเปิดเผยล่าสุดเป็นปัจจัยหนุนการคาดการณ์ที่ว่าเฟด จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์หน้า ขณะที่ในประเทศติดตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากรัฐบาลชุดใหม่ คาดกรอบดัชนีวันนี้ที่ 1,280-1,295 จุด

กลยุทธ์การลงทุน
• หุ้นที่ได้ประโยชน์จาก กนง. ลดดอกเบี้ย : SAWAD TIDLOR THANI NCAP SAK
• รัฐบาลเปิด Sandbox ให้ชาวต่างชาตินำคริปโตแลกเงินบาทผ่านโครงการ TouristDigiPay : ธนาคาร KBANK SCB BAY โรงแรม MINT CENTEL ERW AWC สายการบิน AAV BA บันเทิง MAJOR
• ผู้ให้บริการระบบเสนอขาย G-Token : SCB KBANK XPG
• กระทรวงการคลังพร้อมเดินหน้าโครงการคนละครึ่งเฟสใหม่ : CPALL BJC CPAXT CBG OSP SAPPE TNP
• ปลดล็อกขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหารช่วง 14.00-17.00 น. : CBG MENA BJC CPALL CPAXT TNP KK MOTHER