สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(10 กันยายน 2568)---------ในเดือนส.ค.68 เงินเฟ้อจีนกลับมาติดลบอยู่ที่ -0.4%YoY จากปัจจัยฐานในส่วนของราคาอาหารที่สูงในปีก่อน ทั้งในส่วนของราคาไข่และผักสด ขณะที่เงินเฟ้อพื้นฐานปรับตัวสูงขึ้นอยู่ที่ 0.9%YoY สะท้อนนโยบายการกระตุ้นอุปสงค์ในประเทศยังส่งผลบวกต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภคในประเทศ
o ด้านดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนส.ค.68 หดตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 35 แต่ชะลอการปรับลดลงจากเดือนก่อนอยู่ที่ -2.9%YoY จาก -3.6%YoY ในเดือนก.ค.68 (รูปที่ 2) โดย PPI ในส่วนของโลหะกลุ่มเหล็ก (Ferrous metal) ซึ่งเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่จีนเตรียมใช้นโยบาย Anti-Involution ชะลอการหดตัว (รูปที่ 2) ทั้งนี้ การชะลอการปรับลดลงของ PPI สอดคล้องกับกำไรภาคอุตสาหกรรมในจีนเดือนก.ค.68 ที่ชะลอการปรับลดลงอยู่ที่ -1.5% จาก -4.3% ในเดือนมิ.ย.68
o ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่าในช่วงที่เหลือของปี 2568 เงินเฟ้อจีนยังมีแนวโน้มอยู่ในระดับต่ำ ปัญหาเงินฝืดจะยังเป็นปัจจัยกดดันการใช้จ่ายในประเทศและเศรษฐกิจจีน มีรายละเอียด ดังนี้
1. แม้ดัชนีราคาผู้ผลิตจะชะลอการหดตัว และจีนมีนโยบาย Anti-Involution แต่คาดว่ามาตรการดังกล่าวยังต้องใช้เวลา รวมถึงต้องมีมาตรการที่ชัดเจนในการแก้ไขปัญหา โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมรถยนต์ที่ปัจจุบันยังมีการแข่งขันทางด้านราคา ราคารถยนต์ไฟฟ้าในจีนยังทยอยปรับลดลง
2. ความเสี่ยงจากสงครามการค้าคาดกดดันให้สินค้าบางส่วนที่เคยถูกส่งออกไปสหรัฐฯ ถูกนำมาระบายในประเทศกดดันราคาสินค้าในจีนให้ยังมีแนวโน้มปรับลดลง
3. ความเชื่อมั่นผู้บริโภคยังอยู่ในระดับต่ำจากปัญหาในภาคอสังหาริมทรัพย์ และความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจจีนยังกดดันมุมมองเกี่ยวกับรายได้ และการจ้างงาน
o เงินเฟ้อที่ยังมีแนวโน้มอยู่ในระดับต่ำของจีน และความเสี่ยงจากสงครามการค้าจะยังเข้ามาเป็นปัจจัยกดดันต่อปัญหาสินค้าราคาถูกของจีนทะลักเข้าไทย โดยใน 7 เดือนแรกของปี 2568 จีนส่งออกมาไทยเพิ่มขึ้นสูงสุดในอาเซียนอยู่ที่ 22.6% โดยจีนส่งออกสินค้าประเภทโทรศัพท์ และสินค้าเบ็ดเตล็ดเพิ่มขึ้นมาไทยเพิ่มขึ้นในระดับสูง ทั้งนี้ จีนยังเกินดุลการค้ากับไทยอยู่ที่ 29 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ