Pi Daily ความคาดหวังนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจและกระแสเงินทุนอาจไหลกลับมายังไทย เป็นปัจจัยหนุนตลาดหุ้นไทย มองกลุ่มค้าปลีกน่าสนใจ รับนโยบายกระตุ้น

ตลาดหุ้น Dow Jones คืนวันศุกร์ปิดลบ 220 จุด (-0.48%) นักลงทุนกังวลกับภาวะเศรษฐกิจในสหรัฐฯ ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดลบ 2.2% กังวลอุปสงค์จะหายไปเพราะแรงงานสหรัฐฯที่ย่ำแย่

วันศุกร์ที่ผ่านมาสหรัฐฯ ได้ประกาศการจ้างงานนอกภาคเกษตรพบว่าอยู่ที่ 2.2 หมื่นรายต่ำกว่า Bloomberg Consensus คาดการณ์ที่ 7.5 หมื่นราย พร้อมกับอัตราการว่างงานที่ 4.3% แต่ก็เป็นไปตามที่ Bloomberg Consensus คาดการณ์ไว้แต่ด้วยจำนวนการจ้างงานที่ลดลงกว่าคาดการณ์ค่อนข้างเยอะ ทำให้นักลงทุนเริ่มกลับมากังวลกับภาวะเศรษฐกิจในสหรัฐฯ โดยพบเห็นการปรับลงของ US Bond Yield ทั้งรุ่นอายุ 2 , 10 ปี พร้อมกับการอ่อนค่าของ Dollar Index และกดดันให้เงินบาทแข็งค่าทดสอบระดับ 32.06 บาท / ดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วนเศรษฐกิจสหรัฐฯ นั้นด้วยแรงงานที่ย่ำแย่กว่าคาดการณ์ก็ถือเป็นสัญญาณที่น่าจับตาแต่ยังไม่คาดว่าจะนำไปขั้นวิกฤตทางเศรษฐกิจเพราะยังเห็นยอดขายบ้านที่เกิดขึ้นแม้ยอดขายอาจจะลดลงบ้างก็ตามและดัชนี PMI (Flash) จาก S&P ที่เกินกว่าระดับ 50 ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ก็ตอบรับเชิงลบแต่ไม่ถึงกับ Panic (DJIA -0.5% , S&P500 -0.3%) ข้อมูล จาก CME FED Watch ให้น้ำหนักลดดอกเบี้ยในประชุมเดือนกันยายน 100% แบ่งเป็นลดดอกเบี้ย 0.25% น้ำหนัก 89% และลดดอกเบี้ย 0.50% น้ำหนัก 11% สำหรับปัจจัยในประเทศวันศุกร์ที่ผ่านมาที่ประชุมสภาด้วยจำนวนเสียงมากกว่าครึ่งเลือกจะโหวดให้คุณอนุทิน ชาญวีรกูล ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 หลังจากนั้นในวันอาทิตย์ที่ผ่านมาก็ได้เห็นการรับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าให้ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี จากนี้ก็จะเข้าสู่กระบวนการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีประจำกระทรวงต่างๆ กระทรวงที่นักลงทุนจะจับตาได้แก่กระทรวงการคลัง คาดว่าจะเป็นคุณเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ จากประสบการณ์พบว่าอยู่ในสายธุรกิจ การเงิน และล่าสุดก็ทำงานอยู่ในกระทรวงการคลัง แม้จะเป็นระยะเวลาเพียง 4 เดือนแต่ก็เชื่อว่านโยบายกระตุ้นต่างๆ มีแนวโน้มเร่งอย่างมีนัยยะเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจปลายปี ล่าสุดทางพรรคภูมิใจไทยก็ได้มีแนวคิดเอานโยบายคนละครึ่งกลับมาใช้ แต่ยังไม่มีรายละเอียดเชิงลึกว่าจะเป็นวงเงินเท่าใด วันนี้ประเมิน SET INDEX เคลื่อนไหวในกรอบ 1260 – 1280 เชิงกลยุทธ์การลงทุนระยะสั้นอาจเลือก Trading ในหุ้นกลุ่มค้าปลีก (BJC CRC CPALL CPAXT) การเงิน (MTC) ธนาคารพาณิชย์ (BBL KBANK KTB SCB) ท่องเที่ยว (AOT CENTEL MINT)

MTC (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 45.00 บาท)
ผลการดำเนินงานใน 2Q25 แข็งแกร่ง กำไรสุทธิอยู่ที่ 1.65 พันล้านบาท (+14% YoY, +5% QoQ) และ NPL ratio ลดลงเหลือ 3.6% แนวโน้มผลการดำเนินงานใน 2H25 คาดจะขยายตัวต่อเนื่องทั้ง YoY และ HoH หนุนจากสินเชื่อขยายตัว

CPALL (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 78.00 บาท)
รายงานกำไรสุทธิ 2Q25 ที่ 6.8 พันล้านบาท (+9%YoY) หลังตัดรายการพิเศษมีกำไรปกติ 7 พันล้านบาท (+14%YoY, -7%QoQ) ใกล้เคียงกับที่เราและตลาดคาดหนุนจากอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้น 30 bps YoY แม้คาดว่าการเติบโตของยอดขายสาขาเดิมของ 7-11 จะชะลอตัวเล็กน้อย YoY ที่ 0.8% และอัตราส่วนค่าใช้จ่ายการขายและบริหารต่อยอดขายสูงขึ้น 20 bps YoY