Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

HotNews: STECON พุ่ง13.55% หลัง"อนุทิน ชาญวีรกุล" นั่งนายกฯ คนที่ 32

188

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์( 5 กันยายน 2568)------ ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหว ราคาหุ้น บริษัท สเตคอน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)STECON ปรับตัวเพิ่มขึ้นในการซื้อขายวันนี้ โดยมาปิดการซื้อขาย ณ สิ้น วันนี้ ที่ระดับ 8.80 บาท เพิ่มขึ้น 1.05 บาท หรือ 13.55% มูลค่าการซื้อขาย 1,201 ล้านบาท หลังที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร เห็นชอบให้ นายอนุทิน ชาญวีรกุล แคนดิเดท นายกรัฐมนตรี จากพรรคภูมิใจไทย เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 32 ของประเทศไทย โดย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.)โหวตให้ นายอนุทิน ชาญวีรกุล ด้วยคะแนน 311 เสียง ขณะที่ นายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดท นายกรัฐมนตรี จากพรรคเพื่อไทย ได้เสียงโหวต 152 เสียง และมี สส. งดออกเสียงจำนวน 27 เสียง

 


STECON รายงานกำไรสุทธิจำนวน 516.72 ล้านบาท สำหรับไตรมาส2/68 และจำนวน 862.14 ล้านบาท สำหรัยงวดหกเดือนปี68 คิด เป็นอัตรากำไรสุทธิ 5.87% และ 5.53% ตามลำดับ กำไรสุทธิของบริษัทเพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เป็นจำนวน 487.66 ล้านบาท และเพิ่มขึ้นจากงวดหกเดือนของปีก่อนเป็นจำนวน 819.39 ล้านบาท เนื่องจาก บริษัท มีกำไรขั้นต้นที่ดีขึ้น มีการควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่มี่ประสิทธิภาพมากขน รวมทั้งการได้รับเงินชดเชย ค่าสินไหมทดแทนจากบริษัทประกันภยจากโครงการก่อสร้างอุโมงค์ระบายน้ำบึงหนองบอนจำนวน 400 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 2

ขณะที่รายได้ บริษัทมีรายได้รวม เป็นจำนวน 8,802.59 ล้านบาทสำหรับไตรมาส 2/68 และจำนวน 15,579.94 ล้านบาท สำหรับงวดหกเดือน68 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2567 มีรายได้รวมเป็นจำนวน 8,684.63 ล้านบาท สำหรับ ไตรมาสและจำนวน 15,219.75 ล้านบาทสำหรับงวดหกเดือน ซึ่งได้แสดงรายได้รวมของบริษัทเพิ่มขึ้นจากงวด เดียวกันของปีก่อนเป็นจำนวน 117.96 ล้านบาทสำหรับไตรมาส และเพิ่มขึ้นจำนวน 360.19 ล้านบาทสำหรับ งวดหกเดือน หรือเพิ่มขึ้น 1.36% สำหรับไตรมาสและเพิ่มขึ้น 2.37% สำหรับงวดหกเดือน

 

ก่อนหน้านี้ บริษัทหลักทรัพย์ทิสโก้ ออกบทวิเคราะห์ แนะนำ "ซื้อ" STECON มูลค่าเหมาะสม 10 บาท หลังจากการประชุมนักวิเคราะห์ครั้งล่าสุด เรายังคงมีมุมมองเชิงบวก โดยคาดว่ากำไรปกติของ STECON จะยังคงแข็งแกร่ง โดยได้รับแรงหนุนจาก backlog ที่แข็งแกร่งและอัตรากำไรที่แข็งแกร่ง แม้ว่ากำไรใน 2H น่าจะลดลงจากช่วง 1H เนื่องจากไม่มีเงินชดเชยประกันภัยและรายได้จากเงินปันผล แต่โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสีเหลืองจะไม่กดดันกำไรของบริษัทอีกต่อไปหลังจากการยกเลิกส่วนแบ่งขาดทุนจากทั้งสองโครงการใน 2Q แนวโน้มที่ดีขึ้นนี้ประกอบกับมูลค่าที่เหมาะสมที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ หนุนให้เรายังคงคำแนะนำ "ซื้อ"


backlog ปัจจุบันของ STECON อยู่ที่ 1.269 แสนล้านบาท บริษัทได้รับงานใหม่จำนวน 2.6 หมื่นล้านบาท ณ สิ้นปี และกำลังอยู่ในระหว่างดำเนินการเพื่อให้บรรลุเป้าหมายทั้งปี 5.0 หมื่นล้านบาท บริษัทคาดว่าเงินทุนที่เหลืออีก 2.4 หมื่นล้านบาท จะมาจากโอกาสทั้งจากภาครัฐและเอกชน ในส่วนของภาครัฐ เราคาดว่าจะมีโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่หลายโครงการเปิดประมูลในช่วง 2H25 ได้แก่ โครงการรถไฟความเร็วสูงระยะที่ 2 มูลค่า 2.35 แสนล้านบาท โครงการรถไฟสายสีแดงส่วนต่อขยาย (ม.รังสิต-ธรรมศาสตร์) มูลค่า 4 พันล้านบาท โครงการรถไฟทางคู่ (จ.อุบลราชธานี) มูลค่า 4.3 หมื่นล้านบาท และโครงการมอเตอร์เวย์ M5 มูลค่า 2.5 หมื่นล้านบาท ในขณะเดียวกัน โครงการภาคเอกชนที่มีศักยภาพ ได้แก่ data centers, โรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน และอาคารพาณิชย์ อย่างไรก็ตาม มูลค่า backlog ของบริษัทจำนวน 2.7 หมื่นล้านบาท เกี่ยวข้องกับโครงการอู่ตะเภาที่ล่าช้ามานาน ซึ่งใกล้ถึงกำหนดขยายระยะเวลาโครงการในวันที่ 29 สิงหาคม บริษัทได้เสนอค่าชดเชยจากรัฐบาลหากโครงการนี้ดำเนินต่อไป มิฉะนั้น UTA จะต้องฟ้องร้องรัฐบาลเกี่ยวกับเงินลงทุนในอดีตมูลค่า 5 พันล้านบาท



ด้วยปริมาณ backlog จำนวนมาก เราคาดว่ารายได้จากการก่อสร้างจะยังคงแข็งแกร่งใน 2H เนื่องจากโครงการปัจจุบันมีความคืบหน้า และโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทั้ง 7 แห่งจะแล้วเสร็จภายในสิ้นปี บริษัทยังคงเป้าหมายรายได้จากการก่อสร้างและรายได้จากธุรกิจใหม่ที่ 3.2 หมื่นล้านบาท (เทียบกับ 1H ที่ 1.53 หมื่นล้านบาท) และอัตรากำไรขั้นต้นจากการก่อสร้างที่ 7% (อัตรากำไรขั้นต้นปกติใน 1H อยู่ที่ 7.3%) โดยรวมแล้ว เราคาดการณ์ว่ากำไรใน 2H25F จะเติบโตขึ้น YoY โดยได้รับแรงหนุนจากการดำเนินงานโครงการที่เพิ่มขึ้น การขยายอัตรากำไร และการไม่มีส่วนแบ่งขาดทุนจากรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสีเหลืองอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าอัตราส่วนกำไรต่อรายได้ (HoH) จะลดลงเนื่องจากไม่มีการบันทึกค่าสินไหมทดแทนจากประกันภัยและเงินปันผลใน 1H25


ยังคงประมาณการและมูลค่าที่เหมาะสมอ้างอิงวิธี SOTP ที่ 10.00 บาท เรายังคงคำแนะนำ "ซื้อ" โดยอิงจากการคาดการณ์ว่ากำไรจะฟื้นตัวในปีนี้ ความเสี่ยงด้าน downside ที่สำคัญ ได้แก่ ความล่าช้าในการก่อสร้าง ต้นทุนเกินงบประมาณ และการได้รับโครงการใหม่น้อยกว่าที่คาดไว้

 

 

---จบ---

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

บทความล่าสุด

เข้าด้ายเข้าเข็ม By : แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ดูตามหน้าจอ หุ้นไทยภาคเช้าที่ผ่านมา ดีดบวก ด้วยความหวังต่อการเลือกนายกฯคน เรียกได้ว่า สถานการณ์การเมืองไทย..

ตามการเมือง By : นายกล้วยหอม

นายกล้วยหอม มองช่วงสั้นหุ้นไทยคงผันผวนไปตามสถานการณ์การเมือง วันนี้ชาวหุ้นทุกคนรวมถึงนายกล้วยหอมจับตาการโหวตนายกฯ....

มัลติมีเดีย

หุ้นอินไซด์ทอล์ค : มาเที่ยวงาน LAO GOLD FESTIVAL 2025 กันเด้อ

หุ้นอินไซด์ทอล์ค : มาเที่ยวงาน LAO GOLD FESTIVAL 2025 กันเด้อ

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้