Equality for All
IVL : บมจ. อินโดรามาเวนเจอร์ส
2Q25 ยังขาดทุน 521 ลบ. ได้รับผลกระทบจากหยุดซ่อมตามแผน : แม้ปริมาณขายรวมจะอยู่ที่ 3.33 ล้านตัน เพิ่มขึ้น +3% q-q จากราคาวัตถุดิบเร่งตัวขึ้น และการหยุดซ่อมบางธุรกิจ สรุปตามกลุ่มดังนี้
กลุ่ม CPET ปริมาณขายอยู่ที่ 2.49 ล้านตัน +3% q-q หลังกลับมาผลิตปกติ และในส่วน Adj.EBITDA มาที่ 191 ล้านเหรียญจากส่วนต่างราคาที่เพิ่มขึ้น
กลุ่ม Indovinya ปริมาณขายเพิ่ม +3% q-q เป็น 0.32 ล้านตัน ขณะที่ Adj.EBITDA ลดลงจาก 89 ล้านเหรียญเหลือ 75 ล้านเหรียญ โดยกลุ่มนี้ประกอบด้วย HVA 81% ของยอดขายพบว่ายอดขายเพิ่มในกลุ่ม Crop และ HPC แต่ได้รับผลจากการหยุดซ่อมทำให้มีค่าใช้จ่าย 10 ล้านเหรียญ ส่วนกลุ่ม Essentials ได้รับผลจากราคา PKO เพิ่มขึ้นทำให้มีขาดทุน 7 ล้านเหรียญจาก 81 ล้านเหรียญใน 4Q24 แม้ปริมาณขายจะลดลง q-q ตามปัจจัยฤดูกาลก็ตาม แต่ได้ผลบวกจากการขายสินค้ากลุ่ม HVA เพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับ
กลุ่ม Indovida ที่ Adj.EBITDA +28% q-q เป็น 27 ล้านเหรียญจากปริมาณขาย +9% q-q
กลุ่ม Fibers ปริมาณขายทรงตัว q-q ที่ 0.44 ล้านตัน Adj.EBITDA ทรงตัวเช่นกัน มีเพียง Mobility ที่ดีขึ้นจากต้นทุนลดลง ส่วน Lifestyle และ Hygiene ยังอ่อนแอ
3Q25 คาดฟื้นตัว แม้ผ่านช่วงบวกจากปัจจัยฤดูกาลมาแล้ว : เราคาดการดำเนินงาน 3Q25 จะดีขึ้น q-q จากส่วนต่างราคาที่ดีขึ้นโดยเฉพาะกลุ่ม CPET ขณะที่ผลกระทบทางลบที่เกิดขึ้นใน 2Q25 อาทิวัตถุดิบราคาสูงที่กระทบต่อการดำเนินงานของ Indovinya คลี่คลายลง ขณะที่กลุ่ม Fibers คาดการดำเนินงานทรงตัวถึงลดลงได้ส่วนช่วยจากต้นทุนพลังงานที่ลดลง แต่จะกระทบจากอุปสงค์ลดลงจากวันหยุดในยุโรป
อย่างไรก็ตาม จากงบครึ่งปีแรกที่ขาดทุนอยู่ -1,833 ลบ. ทำให้เราปรับลดประมาณการลงอย่างมีนัยสำคัญจากเดิม จากการปรับสมมติฐานใหม่ทำให้คาดกำไรสุทธิจะเหลือเพียง 719 ลบ. จากปีก่อนที่ขาดทุนสูงถึง 19,262 ลบ.
การขึ้นภาษีนำเข้าในสหรัฐเป็นบวกมากกว่า : ผบห. ชี้แจงถึงภาษีนำเข้าของสหรัฐคาดไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานเนื่องจากสัดส่วนรายได้จากอเมริการาว 40% ของรายได้และส่วนใหญ่จะเป็นการผลิตเพื่อขายในประเทศ และ 50% ของ EBITDA ของ IVL จะมาจากทวีปดังกล่าว
ส่วนประเด็น China Involution นั้น แม้ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะเป็นอย่างไร และเมื่อไหร่ แต่สิ่งที่ดีต่ออุตสาหกรรม คือ การพยายามลดกำลังการผลิตส่วนเกินด้วยการปิดโรงงานเก่าที่มีอยู่ในระบบเพื่อลดอุปทานล้นตลาดอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบันลง ซึ่งนโยบายการลดอุปทานนั้นสอดคล้องกับข่าวก่อนหน้าที่เกาหลีใต้จะลดกำลังการผลิตในอุตสาหกรรมเพื่อช่วยให้บริษัทต่างๆ มีการดำเนินงานที่ดีขึ้น เราคาดว่า หากทำได้จริงจะช่วยให้ผลการดำเนินงานบริษัทในกลุ่มมีแนวโน้มที่ดีขึ้นเช่นกัน
ได้อานิสงส์บวกในอนาคต
“ เราคาดว่าแนวโน้มการดำเนินงานช่วงที่เหลือของปีจะกลับมาฟื้นตัวได้หลังทุกอย่างเริ่มกลับสู่ภาวะปกติทั้งค่าใช้จ่ายพิเศษที่น้อยลง และหากมีความคืบหน้าของการลดกำลังการผลิตในเกาหลี และจีนซึ่งจะช่วยลดอุปทานในตลาดลงและช่วยให้ผู้ประกอบการจะดีขึ้น
กลยุทธ์การลงทุน แม้ส่วนต่างราคาหุ้นจะเหลือ upside น้อยลง แต่เรามองว่าประเด็นเรื่องการลดอุปทานในจีน และเกาหลี ยังเป็นปัจจัยขับเคลื่อนต่อราคาหุ้น รวมถึงการดำเนินงานจะทยอยดีขึ้น ระหว่างนี้เก็งกำไรตามสเปรดไปก่อนได้ ”
ESG Snapshot : IVL มีแผนที่จะลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ในห่วงโซ่การผลิตโดยการเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียน และการส่งเสริมการรีไซเคิล ผลิตภัณฑ์ที่มีการใช้วัสดุรีไซเคิลรวมถึงบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืน โดยมีการลงทุนในนวัตกรรมการรีไซเคิลและการจัดการพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ
นารี อภิเศวตกานต์
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐาน #17971
naree.a@liberator.co.th