Muangthai Capital PCL (MTC TB)
คุณภาพสินทรัพย์มีเสถียรภาพ
มูลค่าพรีเมียมสมเหตุสมผลจากการเป็นผู้นำตลาดสินเชื่อขนาดเล็ก
MTC ซื้อขายที่มูลค่าพรีเมียมที่อัตราส่วน P/E ปี 68 ที่ 15 เท่า เทียบกับ TIDLOR ที่ 11 เท่า และ SAWAD ที่ 9 เท่า เรามองว่านี่สะท้อนการเป็นผู้นำตลาดสินเชื่อจำนำทะเบียนรถจักรยานยนต์ขนาดเล็ก ซึ่งช่วยให้ MTC รักษาคุณภาพสินทรัพย์ได้อย่างมั่นคง เราคาดว่าการตัดจำหน่ายและการขาดทุนจากการขายรถจักรยานยนต์และรถยนต์จะลดลง YoY ในปี 68 ทั้งนี้ MTC มองเห็นแนวโน้มที่ดีขึ้นของราคารถยนต์และรถจักรยานยนต์มือสอง จากศูนย์ประมูล 8 แห่งทั่วประเทศ แนะนำ “ซื้อ” ด้วยราคาเป้าหมาย 45 บาท (P/BV ปี 68 ที่ 2.2 เท่า และ P/E 14.6 เท่า) ความเสี่ยงหลักคือคุณภาพสินทรัพย์ที่อ่อนแอกว่าที่คาด
คาดสินเชื่อเติบโต 10-12% ต้นทุนทางการเงินลดลงช้ากว่าคู่แข่งจากหุ้นกู้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ
เราคาดว่าสินเชื่อของ MTC จะเติบโต 12% และ 10% ในปีนี้และปีหน้า เทียบกับเป้าหมาย 10-15% เรามองว่าการเน้นสินเชื่อจำนำทะเบียนรถจักรยานยนต์ขนาดเล็กและการเข้าถึงชุมชนท้องถิ่นเป็นกุญแจสำคัญของการเติบโตอย่างยั่งยืน ปัจจุบัน MTC มีลูกค้า 3.5 ล้านราย อย่างไรก็ตาม ต้นทุนทางการเงิน (CoF) มีแนวโน้มลดลงช้ากว่าคู่แข่ง เนื่องจากมีหุ้นกู้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยสูงกว่าหุ้นกู้สกุลเงินบาท ปัจจุบันแหล่งเงินทุนในประเทศคิดเป็น 80% ของเงินทุนทั้งหมด เราคาดว่า MTC จะขยายอายุเฉลี่ยของหุ้นกู้และสินเชื่อธนาคาร เพื่อลดความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง โดยคาดว่า CoF จะลดลง 6bps YoY เทียบกับ 10bps ของ TIDLOR และ SAWAD ในปี 69
รักษาความเป็นผู้นำตลาดสินเชื่อจำนำทะเบียนรถจักรยานยนต์
จากประมาณการของเรา MTC มีสินเชื่อจำนำทะเบียนรถจักรยานยนต์ 5.4 หมื่นล้านบาท เทียบกับ TIDLOR และ SAWAD ที่รายละ 1.4 หมื่นล้านบาทใน 2Q68 (รูปที่ 1) เรามองว่าสินเชื่อกลุ่มนี้ให้ผลตอบแทนที่ปรับความเสี่ยงแล้วดีที่สุด เนื่องจากเป็นสินเชื่อขนาดเล็ก ส่งผลให้อัตราการเก็บเงินสดดีและคุณภาพสินทรัพย์มั่นคง MTC ไม่น่าจะเสียส่วนแบ่งตลาดให้แก่คู่แข่งหรือผู้เล่นรายใหม่ เช่น บริษัทในเครือธนาคาร เนื่องจากมีจำนวนสาขาและพนักงานมาก ทำให้เข้าถึงชุมชนและสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าได้ ขณะเดียวกันผู้ประกอบการรายใหม่ส่วนใหญ่มักเน้นสินเชื่อวงเงินขนาดใหญ่ เช่น สินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์และสินเชื่อจำนองที่ดิน มากกว่าจำนำทะเบียนรถจักรยานยนต์ เพราะไม่สามารถสร้าง Economy of Scale ได้
คาดกำไรเติบโต 12%/8% ในปีงบการเงิน 68/69
เราคาดว่ากำไรปีงบการเงิน 68/69 จะเติบโต 12%/8% ได้รับแรงหนุนจากการเติบโตของสินเชื่อระดับสองหลัก คุณภาพสินทรัพย์ที่มั่นคง และการควบคุมต้นทุนที่ดี เราคาดว่าต้นทุนความเสี่ยงจากการให้สินเชื่อ (credit cost) และอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้จะค่อย ๆ ลดลงอยู่ที่ 2.6-2.7% จากการเพิ่มประสิทธิภาพสาขาในปี 68-69 ทั้งนี้ เรามีความกังวลเพียงเล็กน้อยต่อรายได้ภาคเกษตรที่อ่อนแอ โดยคาดว่ามาตรการช่วยเหลือทางการเงินจากภาครัฐจะช่วยบรรเทาผลกระทบด้านลบ คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติเงินช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว 1.14 แสนล้านบาท ผ่าน (1) เงินช่วยเหลือ 1,000 บาท/ไร่ วงเงินสูงสุด 10,000 บาท/ครัวเรือน และ (2) โครงการสินเชื่อเพื่อจูงใจให้เกษตรกรชะลอการขายข้าวเปลือก เพื่อรักษาเสถียรภาพราคา
Jesada Techahusdin, CFA
jesada.t@maybank.com
(66) 2658 5000 ext 1395