SPA : การฟื้นตัวถูกบดบังด้วยการลงทุนครั้งใหญ่

การฟื้นตัวในระยะสั้นถูกบดบังด้วยความท้าทายใหม่ๆ ใน Wellness destination
เราเชื่อว่านักลงทุนอาจเปลี่ยนความสนใจไปที่การลงทุนมหาศาลใน Wellness destination แทนที่จะมุ่งเน้นไปที่การฟื้นตัวในระยะสั้นที่คาดการณ์ไว้ในช่วง 2H25 และปี 2026 SPA ได้เข้าสู่สถานการณ์ที่ท้าทายและระยะยาวมากขึ้น โดยละทิ้งรูปแบบการขยายสาขาแบบเดิมที่คืนทุนเร็ว จากการวิเคราะห์สถานการณ์จำลองของเราและการวิเคราะห์กำไรขาดทุนโดยย่อของคู่แข่งสองรายเดิม ได้แก่ THANN Wellness และ Raksa Wellness (ดูรูปที่ 3, 4) ซึ่งมีอัตรากำไรสุทธิต่ำเพียง 2-3% เรามองว่าเป้าหมายของผู้บริหารที่จะคืนทุนในปีแรกนั้นยากที่จะบรรลุผล โดยการคาดการณ์หลักขึ้นอยู่กับจำนวนผู้เข้าชมต่อวันและราคาของบัตร Wellness Pass

การฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปใน 3Q25
SPA คาดการณ์ผลประกอบการที่แข็งแกร่งขึ้นในช่วง 2H25 โดยได้รับแรงหนุนจากจำนวนนักท่องเที่ยวตะวันออกกลางที่เพิ่มขึ้นตามปัจจัยทางฤดูกาล และสัญญาณการฟื้นตัวที่เห็นได้ชัดในช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม เตรียมเปิดตัวโครงการใหม่ 6 โครงการ ได้แก่ สปาที่บริหารงานเอง 3 แห่งในทำเลทองของกรุงเทพฯ สปาที่บริหารจัดการแบบประหยัดสินทรัพย์ 2 แห่งในโรงแรม และสาขาออนเซ็นแห่งใหม่ที่ราชดำริ อย่างไรก็ตาม การเติบโตของยอดขายต่อสาขาเดิม (SSSG) ยังคงติดลบ แม้ว่าจะปรับตัวดีขึ้นจากจุดต่ำสุดใน 1Q-2Q เรายังคงรักษากำไรสุทธิในปี 2025-2026 ด้วยการวิเคราะห์สถานการณ์จำลองสำหรับโครงการในปี 2027 ดังแสดงในรูปที่ 2

โครงการ S-Curve ใหม่
โครงการเวลเนสที่นาจอมเทียน พัทยา ถือเป็นโครงการหลักของบริษัท สร้างขึ้นบนพื้นที่ 38 ไร่ ท่ามกลางทรัพยากรธรรมชาติที่หาได้ยาก ได้แก่ ชายหาดยาว 200 เมตร ป่าทรายอายุหลายศตวรรษ และคลองธรรมชาติ ซึ่งเป็นสภาพแวดล้อมที่โดดเด่นโดดเด่นท่ามกลางตลาดที่มีการแข่งขันสูง ทำเลที่ตั้งได้รับประโยชน์จากความใกล้ชิดกับกรุงเทพฯ และสุวรรณภูมิ ทำให้นักท่องเที่ยวทั้งจากต่างประเทศและในประเทศสามารถเข้าถึงได้ ในมุมมองของเรา สิ่งสำคัญคือ การดำเนินการให้สำเร็จ ซึ่งก็คือการเปลี่ยนทำเลที่ตั้งที่โดดเด่นให้กลายเป็นกระแสเงินสดที่ยั่งยืนในตลาดเวลเนสที่พัทยาซึ่งมีการแข่งขันสูง พร้อมกับการสร้างสมดุลระหว่างการเข้าถึงและความสามารถในการทำกำไร ทั้งนี้ เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” สำหรับ SPA โดยมูลคาที่เหมาะสมเท่ากับ 4.50 บาท