Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

ส.อ.ท.เผยจำนวนรถยนต์ทั้งหมดที่ผลิตได้ในเดือนกรกฎาคม 2568 มีทั้งสิ้น 110,616 คัน ลดลงจากเดือนมิถุนายน 2568 ร้อยละ 15.06 และลดลงจากเดือนกรกฎาคม 2567 ร้อยละ 11.39

117

 

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(25 สิงหาคม 2568)---------นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ ที่ปรึกษาประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยจำนวนการผลิต ยอดขายภายในประเทศ และการส่งออกรถยนต์และรถจักรยานยนต์ของประเทศ ในเดือนกรกฎาคม 2568 ดังต่อไปนี้


การผลิต
จำนวนรถยนต์ทั้งหมดที่ผลิตได้ในเดือนกรกฎาคม 2568 มีทั้งสิ้น 110,616 คัน ลดลงจากเดือนมิถุนายน 2568 ร้อยละ 15.06 และลดลงจากเดือนกรกฎาคม 2567 ร้อยละ 11.39 ผลิตลดลงค่อนข้างมากโดยเฉพาะรถยนต์นั่งที่ใช้น้ำมันซึ่งลดลงร้อยละ 31.80 จากการเลิกผลิตรถยนต์นั่งเพื่อส่งออกบางรุ่น รถกระบะยังคงผลิตลดลงทั้งผลิตขายในประเทศและผลิตส่งออกที่ลดลงร้อยละ 6.54 และ 8.61 ตามลำดับตามยอดขายในประเทศและยอดส่งออกที่ลดลงจากความไม่แน่นอนในการค้าโลก
จำนวนรถยนต์ที่ผลิตได้ในเดือนมกราคม - กรกฎาคม 2568 มีจำนวนทั้งสิ้น 835,331 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม - กรกฎาคม 2567 ร้อยละ 5.73
รถยนต์นั่ง เดือนกรกฎาคม 2568 ผลิตได้ 38,400 คัน ลดลงจากเดือนกรกฎาคม 2567 ร้อยละ 16.61 โดยแบ่งเป็น
รถยนต์นั่ง Internal Combustion Engine มีจำนวน 21,996 คัน ลดลงจากเดือนกรกฎาคม 2567 ร้อยละ 31.80
รถยนต์นั่ง Battery Electric Vehicle มีจำนวน 3,610 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนกรกฎาคม 2567 ร้อยละ 553.99
รถยนต์นั่ง Plug-in Hybrid Electric Vehicle มีจำนวน 420 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนกรกฎาคม 2567 ร้อยละ 12.90
รถยนต์นั่ง Hybrid Electric Vehicle มีจำนวน 12,374 คัน ลดลงจากเดือนกรกฎาคม 2567 ร้อยละ 3.86
ยอดผลิตของรถยนต์นั่ง ตั้งแต่เดือนมกราคม - กรกฎาคม 2568 มีจำนวน 303,068 คัน เท่ากับร้อยละ 36.28 ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากเดือนมกราคม - กรกฎาคม 2567 ร้อยละ 7.96 โดยแบ่งเป็น
รถยนต์นั่ง Internal Combustion Engine มีจำนวน 140,726 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม - กรกฎาคม 2567 ร้อยละ 32.85
รถยนต์นั่ง Battery Electric Vehicle มีจำนวน 27,408 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม - กรกฎาคม 2567 ร้อยละ 397.87
รถยนต์นั่ง Plug-in Hybrid Electric Vehicle มีจำนวน 10,357 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม - กรกฎาคม 2567 ร้อยละ 190.85
รถยนต์นั่ง Hybrid Electric Vehicle มีจำนวน 124,577 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม - กรกฎาคม 2567 ร้อยละ 12.69
รถยนต์โดยสารขนาดต่ำกว่า 10 ตัน และมากกว่า 10 ตัน ขึ้นไป ในเดือนกรกฎาคม 2568 ไม่มีการผลิต รวมเดือนมกราคม - กรกฎาคม 2568 ไม่มีการผลิต
รถยนต์บรรทุก เดือนกรกฎาคม 2568 ผลิตได้ทั้งหมด 72,216 คัน ลดลงจากเดือนกรกฎาคม 2567 ร้อยละ 8.34 และตั้งแต่เดือนมกราคม - กรกฎาคม 2568 ผลิตได้ทั้งสิ้น 532,263 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม – กรกฎาคม 2567 ร้อยละ 4.41

รถกระบะขนาด 1 ตัน เดือนกรกฎาคม 2568 ผลิตได้ทั้งหมด 71,471 คัน ลดลงจากเดือนกรกฎาคม 2567 ร้อยละ 8.18 และตั้งแต่เดือนมกราคม - กรกฎาคม 2568 ผลิตได้ทั้งสิ้น 527,149 คัน เท่ากับร้อยละ 63.11 ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากเดือนมกราคม – กรกฎาคม 2567 ร้อยละ 3.20 โดยแบ่งเป็น

รถกระบะบรรทุก 84,931 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม - กรกฎาคม 2567 ร้อยละ 3.84
รถกระบะดับเบิลแค็บ 338,098 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม - กรกฎาคม 2567 ร้อยละ 6.39
รถกระบะดับเบิลแค็บ BEV 134 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม - กรกฎาคม 2567 ร้อยละ 100
รถกระบะ PPV 103,986 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม - กรกฎาคม 2567 ร้อยละ 9.37

รถบรรทุกขนาดต่ำกว่า 5 ตัน - มากกว่า 10 ตัน เดือนกรกฎาคม 2568 ผลิตได้ 745 คัน ลดลงจากเดือนกรกฎาคม 2567 ร้อยละ 21.16 รวมเดือนมกราคม - กรกฎาคม 2568 ผลิตได้ 5,114 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม - กรกฎาคม 2567 ร้อยละ 58.13

ผลิตเพื่อส่งออก
เดือนกรกฎาคม 2568 ผลิตได้ 74,100 คัน เท่ากับร้อยละ 66.99 ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากเดือนกรกฎาคม 2567 ร้อยละ 15.35 ส่วนเดือนมกราคม - กรกฎาคม 2568 ผลิตเพื่อส่งออกได้ 549,113 คัน เท่ากับร้อยละ 65.74 ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากปี 2567 ระยะเวลาเดียวกันร้อยละ 9.05
รถยนต์นั่ง เดือนกรกฎาคม 2568 ผลิตเพื่อการส่งออก 17,823 คัน ลดลงจากเดือนกรกฎาคม 2567 ร้อยละ 31.34 และตั้งแต่เดือนมกราคม - กรกฎาคม 2568 ผลิตเพื่อส่งออกได้ทั้งสิ้น 115,393 คัน เท่ากับร้อยละ 38.07 ของยอดผลิตรถยนต์นั่ง ลดลงจากเดือนมกราคม - กรกฎาคม 2567 ร้อยละ 34.98
รถกระบะขนาด 1 ตัน เดือนกรกฎาคม 2568 มียอดการผลิตเพื่อการส่งออก 56,277 คัน ลดลงจากเดือนกรกฎาคม 2567 ร้อยละ 8.61 และตั้งแต่เดือนมกราคม - กรกฎาคม 2568 ผลิตเพื่อส่งออกได้ทั้งสิ้น 433,720 คัน เท่ากับร้อยละ 82.28 ของยอดการผลิตรถกระบะ เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม - กรกฎาคม 2567 ร้อยละ 1.75 โดยแบ่งเป็น

รถกระบะบรรทุก 47,977 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม-กรกฎาคม 2567 ร้อยละ 35.83
รถกระบะดับเบิลแค็บ 305,985 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม-กรกฎาคม 2567 ร้อยละ 2.74
รถกระบะ PPV 79,758 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม-กรกฎาคม 2567 ร้อยละ 4.50

ผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ
เดือนกรกฎาคม 2568 ผลิตได้ 36,516 คัน เท่ากับร้อยละ 33.01 ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากเดือนกรกฎาคม 2567 ร้อยละ 2.08 และเดือนมกราคม - กรกฎาคม 2568 ผลิตได้ 286,218 คัน เท่ากับร้อยละ 34.26 ของยอดการผลิตทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – กรกฎาคม 2567 ร้อยละ 1.37
รถยนต์นั่ง เดือนกรกฎาคม 2568 ผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 20,577 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนกรกฎาคม 2567 ร้อยละ 2.43 และตั้งแต่เดือนมกราคม - กรกฎาคม 2567 ผลิตได้ 187,675 คัน เท่ากับร้อยละ 61.93 ของยอดการผลิตรถยนต์นั่ง โดยเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนมกราคม - กรกฎาคม 2567 เพิ่มขึ้นร้อยละ 23.63
รถกระบะขนาด 1 ตัน เดือนกรกฎาคม 2568 มียอดการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 15,194 คัน ลดลงจากเดือนกรกฎาคม 2567 ร้อยละ 6.54 และตั้งแต่เดือนมกราคม - กรกฎาคม 2568 ผลิตได้ทั้งสิ้น 93,429 คัน เท่ากับร้อยละ 17.72 ของยอดการผลิตรถกระบะ และลดลงจากเดือนมกราคม - กรกฎาคม 2567 ร้อยละ 21.04 ซึ่งแบ่งเป็น

รถกระบะบรรทุก 36,954 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม-กรกฎาคม 2567 ร้อยละ 30.28
รถกระบะดับเบิลแค็บ 32,247 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม-กรกฎาคม 2567 ร้อยละ 30.75
รถกระบะ PPV 24,228 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม-กรกฎาคม 2567 ร้อยละ 29.18

รถยนต์โดยสารขนาดต่ำกว่า 10 ตัน และมากกว่า 10 ตัน ขึ้นไป ในเดือนกรกฎาคม 2568 ไม่มีการผลิต รวมเดือนมกราคม - กรกฎาคม 2568 ไม่มีการผลิต
รถบรรทุก เดือนกรกฎาคม 2568 ผลิตได้ 745 คัน ลดลงจากเดือนกรกฎาคม 2567 ร้อยละ 21.16 และตั้งแต่เดือนมกราคม - กรกฎาคม 2568 ผลิตได้ทั้งสิ้น 5,114 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม - กรกฎาคม 2567 ร้อยละ 58.13
รถจักรยานยนต์
เดือนกรกฎาคม 2568 ผลิตรถจักรยานยนต์ได้ทั้งสิ้น 201,812 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนกรกฎาคม 2567 ร้อยละ 12.63 แยกเป็นรถจักรยานยนต์สำเร็จรูป (CBU) 165,235 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2567 ร้อยละ 9.47 และชิ้นส่วนประกอบรถจักรยานยนต์ (CKD) 36,577 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2567 ร้อยละ 29.57
ยอดการผลิตรถจักรยานยนต์เดือนมกราคม – กรกฎาคม 2568 มีจำนวนทั้งสิ้น 1,471,758 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2567 ร้อยละ 6.93 โดยแยกเป็นรถจักรยานยนต์สำเร็จรูป (CBU) 1,207,227 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2567 ร้อยละ 5.39 และชิ้นส่วนประกอบรถจักรยานยนต์ (CKD) 264,531 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2567 ร้อยละ 14.59

ยอดขาย
ยอดขายรถยนต์ภายในประเทศของเดือนกรกฎาคม 2568 มีจำนวนทั้งสิ้น 49,102 คัน ลดลงจากเดือนมิถุนายน 2568 ร้อยละ 1.95 แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนกรกฎาคม 2567 ร้อยละ 5.84 เพิ่มขึ้นติดต่อกันสี่เดือนเพราะยอดขายรถยนต์นั่งโดยเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้าที่มีราคาเข้าถึงได้มากกว่ารถยนต์ใช้น้ำมัน รถกระบะยังคงขายลดลงต่อเนื่องมากว่าสามสิบเดือนเหลือแค่ 11,022 คัน ลดลงร้อยละ 16.3 ( ปี 2562 ก่อนโควิด 19 รถกระบะขายในประเทศเฉลี่ยเดือนละ 35,973 คัน เท่ากับ 35.70 % ของยอดขายรวม 1,007,552 คัน) เพราะความเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อรถกระบะจากหนี้ครัวเรือนที่ยังสูงและเศรษฐกิจในประเทศที่ยังขยายตัวในอัตราต่ำร้อยละ 2.8 ในไตรมาส 2/2568 การลงทุนของเอกชนเติบโตแค่ร้อยละ 4.1 สาขาอุตสาหกรรมเติบโตแค่ร้อยละ 1.7 นักท่องเที่ยวต่างชาติโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนลดลงมาก ทำให้สาขาพักแรมและอาหารเติบโตเพียงร้อยละ 2.1 คงต้องติดตามการลงทุนของเอกชน การท่องเที่ยวและการบริโภคภาคเอกชนต่อไป คาดหวังงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 จะช่วยให้เศรษฐกิจของประเทศเติบโตมากขึ้นจากปัจจุบัน
รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ มีจำนวน 31,988 คัน เท่ากับร้อยละ 65.15 ของยอดขายทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 15.33
รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์สันดาปภายใน (ICE) 11,547 คัน เท่ากับร้อยละ 23.52 ของยอดขายทั้งหมด ลดลงจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วที่ร้อยละ 2.45
รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้า (BEV) 9,250 คัน เท่ากับร้อยละ 18.84 ของยอดขายทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วที่ร้อยละ 35.33
รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้าผสมแบบเสียบปลั๊ก (PHEV) 667 คัน เท่ากับร้อยละ 1.36 ของยอดขายทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 316.88
รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ REEV (Range-Extended Electric Vehicle) 187 คัน เท่ากับร้อยละ 0.13 ของยอดขายทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 100
รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้าผสม (HEV) 10,337 คัน เท่ากับร้อยละ 21.05 ของยอดขายทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 16.09
รถกระบะมีจำนวน 10,968 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 16.70 รถกระบะไฟฟ้า (BEV) มีจำนวน 54 ในปีที่แล้วไม่มียอดจำหน่าย รถ PPV มีจำนวน 3,820 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 29.14 รถบรรทุก 5 – 10 ตัน มีจำนวน 1,330 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 0.91 และรถประเภทอื่นๆ มีจำนวน 942 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้ว 22.47
ส่วนรถจักรยานยนต์ มียอดขาย 144,458 คัน ลดลงจากเดือนมิถุนายน 2567 ร้อยละ 6.39 แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนกรกฎาคม 2567 ร้อยละ 2.05

ตั้งแต่เดือนมกราคม - กรกฎาคม 2568 รถยนต์มียอดขาย 351,796 คัน ลดลงจากปี 2567 ในระยะเวลาเดียวกันร้อยละ 0.74 แยกเป็น
รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ มีจำนวน 225,671 คันเท่ากับร้อยละ 64.16 ของยอดขายทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 6.34
รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์สันดาปภายใน (ICE) 84,059 คัน เท่ากับร้อยละ 23.89 ของยอดขายทั้งหมด ลดลงจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วที่ร้อยละ 11.05
รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้า (BEV) 63,334 คัน เท่ากับร้อยละ 18 ของยอดขายทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วที่ร้อยละ 56.99
รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้าผสมแบบเสียบปลั๊ก (PHEV) 5,671 คัน เท่ากับร้อยละ 1.61 ของยอดขายทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 316.07
รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ REEV (Range-Extended Electric Vehicle) 187 คัน เท่ากับร้อยละ 0.06 ของยอดขายทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 100
รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้าผสม (HEV) 72,420 คัน เท่ากับร้อยละ 20.59 ของยอดขายรถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ ลดลงจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 4.73
รถกระบะมีจำนวน 84,594 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 17.67 รถกระบะไฟฟ้า (BEV) มีจำนวน 423คัน ปีที่แล้วไม่มียอดจำหน่าย รถกระบะ REEV มีจำนวน 6 คัน ปีที่แล้วไม่มียอดจำหน่าย รถ PPV มีจำนวน 24,534 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 12.47 รถบรรทุก 5 – 10 ตัน มีจำนวน 8,536 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 11.61 และรถประเภทอื่นๆ มีจำนวน 8,032 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนช่วงกันในปีที่แล้ว 0.59
ส่วนรถจักรยานยนต์ มียอดขาย 1,050,623 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – กรกฎาคม 2567 ร้อยละ 1.80
ขอบคุณ กนง.ที่มีมติลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงช่วยให้ผู้กู้ลดภาระจ่ายดอกเบี้ยลง ทำให้ชำระคืนเงินกู้ได้มากขึ้น หนี้ครัวเรือนจะได้ลดลง และขอบคุณทีมไทยแลนด์ที่เจรจากับทีมงานประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จนได้อัตราภาษีศุลกากรนำเข้าสหรัฐอเมริกา 19% ซึ่งน่าจะดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศและในประเทศได้มากขึ้นเพื่อส่งออกและสร้างงานสร้างรายได้ให้คนไทยมากขึ้น หนี้ครัวเรือนจะได้ลดลงจากการชำระหนี้ ไม่ใช่ลดลงเพราะสถาบันการเงินไม่ปล่อยสินเชื่อซึ่งลดลงมาหลายไตรมาสแล้ว อย่างไรก็ตาม แม้ภาษีทรัมป์ของไทยที่ 19% ดูจะเสียเปรียบเวียดนามที่ 20% เมื่อเงินด่องเวียดนามอ่อนค่ามาก

การส่งออก
รถยนต์สำเร็จรูป
เดือนกรกฎาคม 2568 ส่งออกได้ 72,439 คัน ลดลงจากเดือนที่แล้วร้อยละ 17.76 และลดลงจากเดือนกรกฎาคม 2567 ร้อยละ 13.27 จากการเลิกผลิตรถยนต์นั่งใช้น้ำมันบางรุ่นเพราะจะเปลี่ยนรุ่นรถ รถยนต์นั่งและรถกระบะไฟฟ้ายังส่งออกอีกในเดือนนี้ 167 คัน ปีนี้จึงเป็นปีประวัติศาสตร์ของประเทศไทยที่ส่งออกรถยนต์นั่งไฟฟ้าและรถกระบะไฟฟ้าดังที่รัฐบาลและเอกชนร่วมมือกันให้ประเทศไทยเป็นฐานผลิตยานยนต์ใช้น้ำมันและยานยนต์ไฟฟ้าเพื่อส่งออกไปยังประเทศคู่ค้าที่มีนโยบายและความพร้อมของโครงสร้างแตกต่างกัน
อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจโลกที่ไม่แน่นอนและการเข้มงวดในเรื่องการติดตั้งอุปกรณ์ช่วยขับเพื่อความปลอดภัยในรถยนต์และการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพของรถยนต์ของประเทศคู่ค้า ทำให้การส่งออกรถยนต์เดือนนี้ลดลงในตลาดเอเชีย ออสเตรเลียและโอเชียเนีย และอเมริกาเหนือ เครื่องยนต์ ชิ้นส่วน และอะไหล่รถยนต์ยังคงส่งออกเพิ่มขึ้น

ประเภทรถยนต์ส่งออกเดือนกรกฎาคม 2568 แบ่งเป็น ดังนี้
รถกระบะ 42,418 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 58.56 ของการส่งออกทั้งหมด ลดลงจากปี 2567 ร้อยละ 6.65
รถกระบะ BEV 47 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 0.06 ของการส่งออกทั้งหมด ในปี 2567 ไม่มีการส่งออก
รถยนต์นั่ง ICE 16,145 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 22.29 ของการส่งออกทั้งหมด ลดลงจากปี 2567ร้อยละ 38.58
รถยนต์นั่ง BEV 120 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 0.26 ของการส่งออกทั้งหมด ในปี 2567 ไม่มีการส่งออกรถยนต์นั่ง BEV
รถยนต์นั่ง HEV 3,874 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 5.35 ของการส่งออกทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากปี 2567 ร้อยละ 5.16
รถ PPV 9,836 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 13.58 ของการส่งออกทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากปี 2567 ร้อยละ 21.18
มูลค่าการส่งออกรถยนต์ 46,853.19 ล้านบาท ลดลงจากเดือนกรกฎาคม 2567 ร้อยละ 16.92 แต่เครื่องยนต์และชิ้นส่วนส่งออกเพิ่มขึ้นดังนี้
เครื่องยนต์ มีมูลค่าการส่งออก 3,271.40 ล้านบาท ลดลงจากเดือนกรกฎาคม 2567 ร้อยละ 19.18
ชิ้นส่วนรถยนต์อื่นๆ มีมูลค่าการส่งออก 19,473.10 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนกรกฎาคม 2567 ร้อยละ 5.54
อะไหล่รถยนต์ มีมูลค่าการส่งออก 2,607.98 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนกรกฎาคม 2567 ร้อยละ 2.77
รวมมูลค่าส่งออกรถยนต์เดือนกรกฎาคม 2568 เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนรถยนต์ และอะไหล่ มีมูลค่า 72,205.67 ล้านบาท ลดลงจากเดือนกรกฎาคม 2567 ร้อยละ 11.33

รถจักรยานยนต์
เดือนกรกฎาคม 2568 มีจำนวนส่งออก 71,250 คัน (รวม CBU + CKD) เพิ่มขึ้นจากเดือนมิถุนายน 2568 ร้อยละ 8.28 และเพิ่มขึ้นจากเดือนกรกฎาคม 2567 ร้อยละ 21.26 โดยมีมูลค่า 5,246.20 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนกรกฎาคม 2567 ร้อยละ 13.43

ชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ มีมูลค่าการส่งออกทั้งสิ้น 225.62 ล้านบาท ลดลงจากเดือนกรกฎาคม 2567 ร้อยละ 6.08
อะไหล่รถจักรยานยนต์ มีมูลค่าการส่งออกทั้งสิ้น 186.37 ล้านบาท ลดลงจากเดือนกรกฎาคม 2567 ร้อยละ 11.17

รวมมูลค่าการส่งออกรถจักรยานยนต์ เดือนกรกฎาคม 2568 ชิ้นส่วนและอะไหล่รถจักรยานยนต์ 5,658.19 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนกรกฎาคม 2567 ร้อยละ 11.49
เดือนกรกฎาคม 2568 รวมมูลค่าการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนอื่น ๆ อะไหล่รถยนต์ รถจักรยานยนต์ ชิ้นส่วน และอะไหล่รถจักรยานยนต์ มีทั้งสิ้น 77,863.86 ล้านบาท ลดลงจากปี 2567 ร้อยละ 9.99

รถยนต์สำเร็จรูป
เดือนมกราคม – กรกฎาคม 2568 ส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป 531,796 คัน ลดลงจากช่วงระยะเวลาเดียวกันร้อยละ 11.74 แบ่งเป็น
รถกระบะ 337,414 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 63.45 ของการส่งออกทั้งหมด ลดลงจากปี 2567 ร้อยละ 2.75
รถกระบะ BEV 118 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 0.02 ของการส่งออกทั้งหมด ในปี 2567 ไม่มีการส่งออก
รถยนต์นั่ง ICE 86,775 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 16.32 ของการส่งออกทั้งหมด ลดลงจากปี 2567 ร้อยละ 40.75
รถยนต์นั่ง BEV 784 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 0.22 ของการส่งออกทั้งหมด ในปี 2567 ไม่มีการส่งออก
รถยนต์นั่ง HEV 30,599 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 5.75 ของการส่งออกทั้งหมด ลดลงจากปี 2567 ร้อยละ 1.91
รถ PPV 76,106 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 14.31 ของการส่งออกทั้งหมด ลดลงจากปี 2567 ร้อยละ 2.41
มูลค่าการส่งออกรถยนต์ 361,224.05 ล้านบาท ลดลงจากเดือนมกราคม – กรกฎาคม 2567 ร้อยละ 13.97 โดยมีรายละเอียด ดังนี้
เครื่องยนต์ มีมูลค่าการส่งออก 21,770.42 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – กรกฎาคม 2567 ร้อยละ 8.96
ชิ้นส่วนรถยนต์อื่นๆ มีมูลค่าการส่งออก 114,588.98 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – กรกฎาคม 2567 ร้อยละ 2.11
อะไหล่รถยนต์ มีมูลค่าการส่งออก 15,806.62 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – กรกฎาคม 2567 ร้อยละ 4.62
รวมมูลค่าส่งออกรถยนต์เดือนมกราคม – กรกฎาคม 2568 เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนรถยนต์ และอะไหล่ มีมูลค่า 513,390.07 ล้านบาท ลดลงจากเดือนมกราคม – กรกฎาคม 2567 ร้อยละ 9.48

รถจักรยานยนต์
เดือนมกราคม – กรกฎาคม 2568 รถจักรยานยนต์ มีจำนวนส่งออก 507,428 คัน (รวม CBU + CKD) เพิ่มขึ้นจากปี 2567 ร้อยละ 7.26 มีมูลค่า 36,973.94 ล้านบาท ลดลงจากปี 2567 ร้อยละ 1.02
ชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ มีมูลค่าการส่งออกทั้งสิ้น 1,305.13 ล้านบาท ลดลงจากปี 2567 ร้อยละ 10.04
อะไหล่รถจักรยานยนต์ มีมูลค่าการส่งออกทั้งสิ้น 1,480.79 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2567 ร้อยละ 46.35
รวมมูลค่าการส่งออกรถจักรยานยนต์เดือนมกราคม – กรกฎาคม 2568 ชิ้นส่วนและอะไหล่รถจักรยานยนต์ มีทั้งสิ้น 39,759.86 ล้านบาท ลดลงจากเดือนมกราคม – กรกฎาคม 2567 ร้อยละ 0.14

เดือนมกราคม – กรกฎาคม 2568 รวมมูลค่าการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนอื่นๆ อะไหล่รถยนต์ รถจักรยานยนต์ ชิ้นส่วน และอะไหล่รถจักรยานยนต์ มีทั้งสิ้น 553,149.93 ล้านบาท ลดลงจากปี 2567 ร้อยละ 8.87

ยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท BEV เดือนกรกฎาคม 2568
เดือนกรกฎาคม 2568 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (BEV) จดทะเบียนใหม่มีจำนวน 12,124 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนกรกฎาคมปีที่แล้วร้อยละ 45.51 โดยแบ่งเป็น
รถยนต์นั่งและรถยนต์ประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 10,227 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนกรกฎาคม 2567 ร้อยละ 77.21
รถยนต์นั่งจำนวน 9,925 คัน
รถยนต์โดยสารไม่เกิน 7 คนจำนวน 295 คัน
รถยนต์บริการทัศนาจรจำนวน 7 คัน
รถกระบะ รถแวนมีทั้งสิ้น 37 คัน ลดลงจากเดือนกรกฎาคม 2567 ร้อยละ 49.32
รถจักรยานยนต์มีทั้งสิ้น 1,712 คัน ลดลงจากเดือนกรกฎาคม 2567 ร้อยละ 29.05
รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลจำนวน 1,712 คัน
รถยนต์สามล้อมีทั้งสิ้น 3 คัน ลดลงจากเดือนกรกฎาคม 2567 ร้อยละ 66.67
รถโดยสารมีทั้งสิ้น 7 คัน ลดลงจากเดือนกรกฎาคมปีที่แล้วร้อยละ 56.25
รถบรรทุกมีทั้งสิ้น 138 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนกรกฎาคมปีที่แล้วร้อยละ 176

เดือนมกราคม - กรกฎาคม 2568 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (BEV) จดทะเบียนใหม่สะสมมีจำนวน 81,179 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม - กรกฎาคมปีที่แล้วร้อยละ 35.08 โดยแบ่งเป็น
รถยนต์นั่งและรถยนต์ประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 67,254 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม - กรกฎาคม 2567 ร้อยละ 55.44
รถยนต์นั่งจำนวน 65,756 คัน
รถยนต์โดยสารไม่เกิน 7 คนจำนวน 1 ,333 คัน
รถยนต์บริการธุรกิจจำนวน 13 คัน
รถยนต์บริการทัศนาจรจำนวน 152 คัน
รถกระบะ รถแวนมีทั้งสิ้น 337 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม - กรกฎาคม 2567 ร้อยละ 30.62
รถยนต์สามล้อมีทั้งสิ้น 14 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม - กรกฎาคม 2567 ร้อยละ 83.91
รถยนต์สามล้อส่วนบุคคล 7 คัน
รถยนต์รับจ้างสามล้อจำนวน 4 คัน
รถจักรยานยนต์มีทั้งสิ้น 13,251 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม - กรกฎาคม 2567 ร้อยละ 17.93
รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลจำนวน 13,250 คัน
รถจักรยานยนต์สาธารณะจำนวน 1 คัน
รถโดยสารมีทั้งสิ้น 70 คัน ลดลงเดือนมกราคม - กรกฎาคม 2567 ร้อยละ 68.75
รถบรรทุกมีทั้งสิ้น 253 คัน เพิ่มขึ้นเดือนมกราคม - กรกฎาคม 2567 ร้อยละ 120.00
ยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท HEV เดือนกรกฎาคม 2568
เดือนกรกฎาคม 2568 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (HEV) จดทะเบียนใหม่มีจำนวน 11,815 คัน ลดลงจากเดือนกรกฎาคมปีที่แล้วร้อยละ 0.61 โดยแบ่งเป็น
รถยนต์นั่งและรถประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 11,698 คัน ลดลงจากเดือนกรกฎาคม 2567 ร้อยละ1.14
รถยนต์นั่งจำนวน 11,663 คัน
รถยนต์บริการธุรกิจจำนวน 17 คัน
รถยนต์บริการทัศนาจรจำนวน 15 คัน
รถจักรยานยนต์มีทั้งสิ้น 117 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนกรกฎาคม 2567 ร้อยละ 112.73
รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลจำนวน 117 คัน
เดือนมกราคม - กรกฎาคม 2568 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (HEV) จดทะเบียนใหม่สะสมมีจำนวน 84,128 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม - กรกฎาคมปีที่แล้วร้อยละ 0.40 โดยแบ่งเป็น
รถยนต์นั่งและรถประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 83,434 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม – กรกฎาคม 2567 ร้อยละ 0.05
รถยนต์นั่งจำนวน 83,170 คัน
รถยนต์โดยสารไม่เกิน 7 คนจำนวน 26 คัน
รถยนต์บริการธุรกิจจำนวน 136 คัน
รถยนต์บริการทัศนาจรจำนวน 100 คัน
รถยนต์บริการให้เช่าจำนวน 2 คัน
รถจักรยานยนต์มีทั้งสิ้น 694 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – กรกฎาคม 2567 ร้อยละ 116.88
รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลจำนวน 694 คัน
ยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท PHEV เดือนกรกฎาคม 2568
เดือนกรกฎาคม 2568 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (PHEV) จดทะเบียนใหม่มีจำนวน 1,286 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนกรกฎาคมปีที่แล้วร้อยละ 55.69 โดยแบ่งเป็น
รถยนต์นั่งและรถประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 1,286 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนกรกฎาคมปีที่แล้วร้อยละ 55.69
รถยนต์นั่งจำนวน 1,286 คัน

เดือนมกราคม - กรกฎาคม 2568 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (PHEV) จดทะเบียนใหม่สะสมมีจำนวน 12,632 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม - กรกฎาคมปีที่แล้วร้อยละ 120.76 โดยแบ่งเป็น
รถยนต์นั่งและรถประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 12,632 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม - กรกฎาคมปีที่แล้วร้อยละ 120.76
รถยนต์นั่งจำนวน 12,604 คัน
รถยนต์บริการธุรกิจจำนวน 20 คัน
รถยนต์บริการทัศนาจรจำนวน 8 คัน

ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท BEV ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2568
ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท BEV มีจำนวนทั้งสิ้น 307,428 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 60.61 โดยแบ่งประเภทได้ ดังนี้
รถยนต์นั่งและรถยนต์ประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 226,242 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 70.45
รถยนต์นั่งมีจำนวน 221,078 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 69.49
รถยนต์โดยสารไม่เกิน 7 คนมีจำนวน 3,853 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 111.59
รถยนต์บริการธุรกิจมีจำนวน 223 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 214.08
รถยนต์บริการทัศนาจรมีจำนวน 214 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 79.83
รถยนต์บริการให้เช่ามีจำนวน 3 คัน ซึ่งในช่วงเดียวกันไม่มีการจดทะเบียน
รถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์มีจำนวน 871 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 203.48
รถกระบะและรถแวนมีจำนวน 1,208 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 124.95
รถยนต์ 3 ล้อมีจำนวนทั้งสิ้น 1,032 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 5.52
รถยนต์สามล้อส่วนบุคคลมีจำนวน 122 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 17.31
รถยนต์รับจ้างสามล้อมีจำนวน 910 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 4.12
รถจักรยานยนต์มีจำนวนทั้งสิ้น 74,999 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 39.01
รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลมีจำนวน 74,892 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 39.16
รถจักรยานยนต์สาธารณะมีจำนวน 107 คัน ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 20.15
อื่นๆ
รถโดยสารมีจำนวนทั้งสิ้น 2,855 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 7.98
รถบรรทุกมีจำนวนทั้งสิ้น 1,092 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 92.59

ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท HEV ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2568
ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท HEV มีจำนวนทั้งสิ้น 552,469 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 29.49 โดยแบ่งประเภทได้ ดังนี้
รถยนต์นั่งและรถยนต์ประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 542,606 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 30
รถยนต์นั่งมีจำนวน 541,153 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 29.94
รถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารฯ มีจำนวน 513 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 4.27
รถยนต์บริการธุรกิจ มีจำนวน 210 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 200
รถยนต์บริการทัศนาจร มีจำนวน 317 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 64.25
รถยนต์บริการให้เช่า มีจำนวน 7 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 40
รถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์มีจำนวน 406 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 134.68
รถกระบะและรถแวนมีจำนวน 1 คัน เท่ากับช่วงเวลาเดียวกันปี 2567
รถจักรยานยนต์มีจำนวนทั้งสิ้น 9,860 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 6.59
รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลมีจำนวน 9,860 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 6.59
อื่นๆ
รถโดยสารมีจำนวนทั้งสิ้น 2 คัน ซึ่งเท่ากับช่วงเวลาเดียวกันปี 2567

ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท PHEV ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2568
ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท PHEV มีจำนวนทั้งสิ้น 75,693คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 27.03 โดยแบ่งประเภทได้ ดังนี้
รถยนต์นั่งและรถประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 75,693 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 27.03
รถยนต์นั่งมีจำนวน 75,605 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 27.03
รถยนต์บริการธุรกิจมีจำนวน 50 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 21.95
รถยนต์บริการทัศนาจรมีจำนวน 27 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 35
รถยนต์บริการให้เช่ามีจำนวน 5 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 66.67
รถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์มีจำนวน 6 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 20

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

PTG โชว์ฟอร์ม Non-Oil โตแรง ครึ่งแรกปี 68 "กาแฟพันธุ์ไทย– สมาชิก PT Max Card" หนุนการเติบโต

PTG โชว์ฟอร์ม Non-Oil โตแรง ครึ่งแรกปี 68 "กาแฟพันธุ์ไทย– สมาชิก PT Max Card" หนุนการเติบโต

ถึงคิวโรงไฟฟ้า By : แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ เช้าวันนี้ ถึงคิวธีมหุ้นโรงไฟฟ้า รับประโยชน์บาทแข็ง ดอกเบี้ยส่อแววลด ....

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้