Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

บลูบิค โชว์ผลงานกำไรสุทธิ 1H/68 โต 38% แตะ 146 ล้านบาท มั่นใจครึ่งปีหลังโตแกร่ง หลังทิศทางเศรษฐกิจชัดเจน หนุนการปรับใช้เทคฯ ของภาคธุรกิจกลับมาดำเนินการตามแผน

73

 

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(13 สิงหาคม 2568)-------------บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BBIK ที่ปรึกษาชั้นนำด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันและ การประยุกต์ใช้ AI ระดับองค์กร (AI-Led Enterprise Digital Transformation) พิสูจน์ศักยภาพฝ่าวิกฤต ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจครึ่งปีแรก 2568 กวาดกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ 146 ล้านบาท โต 38% เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า (YoY) ที่ 110 ล้านบาท ในส่วนของรายได้รวมอยู่ที่ 712 ล้านบาท ขยายตัว 0.5% (YoY) แม้มีผลจากการปรับโครงสร้างกลุ่มองค์กรตั้งแต่ต้นปี 2568 ที่มีการย้ายพนักงานส่วนหนึ่งไปเป็นผู้ปฏิบัติการหลักของบริษัทร่วมทุนโดยตรง ทำให้รายได้ส่วนที่เรียกเก็บจากกลุ่มพนักงาน (Secondment) ดังกล่าวลดลง แต่หากพิจารณาเฉพาะรายได้ที่ให้บริการต่อลูกค้าภายนอกยังคงเติบโตถึง 14% (YoY)


ผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2568 กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่อยู่ที่ 74 ล้านบาท (คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิที่ 20% เพิ่มขึ้นจาก 13% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน) เพิ่มขึ้น 79% (YoY) และ 2% (QoQ) ในส่วนของรายได้เพิ่มขึ้น 8% (YoY) และ 5% (QoQ) มาอยู่ที่ 365 ล้านบาท มูลค่างานแบ็คล็อค ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2568 ของบริษัทฯ (รวมแบ็คล็อคของกิจการร่วมทุน) กลับมาเติบโต อยู่ที่ 1,082 ล้านบาท โดยคาดว่าจะรับรู้รายได้มากกว่า 755 ล้านบาทในปีนี้ ประกอบด้วยรายได้จากบริษัทแม่และบริษัทย่อยจำนวน 505 ล้านบาท และจากกิจการร่วมทุนจำนวน 250 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้ในปี 2569 ถึง 2572

 

นายพชร อารยะการกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BBIK กล่าวว่า ผลลัพธ์จากบริการด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันแบบครบวงจรของบลูบิค ที่สามารถตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้อย่างแท้จริง รวมถึงการยกระดับประสิทธิภาพการดำเนินงานภายในบริษัทแม่และบริษัทย่อย และการรุกขยายตลาดเจาะกลุ่มลูกค้าขนาดกลางและภาครัฐ ทำให้บลูบิคยังคงรักษาขีดความสามารถในการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางปัจจัยลบและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจตั้งแต่ต้นปี 2568

 

“ถึงแม้ประเทศไทยยังคงเผชิญกับปัญหาความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์และการค้าโลกชะลอตัวในครึ่งปีหลัง แต่บริษัทฯ ประเมินว่าความชัดเจนเกี่ยวกับมาตรการภาษีของรัฐบาลสหรัฐฯที่มีต่อไทย จะทำให้ภาคธุรกิจเร่งปรับตัว เพื่อรักษาขีดความสามารถในการแข่งขัน ส่งผลให้แผนการปรับใช้เทคโนโลยีและยกระดับประสิทธิภาพการทำงานผ่าน การทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันที่ต้องทำอย่างต่อเนื่องจะกลับมาดำเนินการตามปกติ รวมถึงการลงทุนด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่สามารถรองรับการขยายตัวและเทรนด์การค้าใหม่ ๆ ในอนาคต อย่างไรก็ตาม ลูกค้าอาจพิจารณาและเลือกลงทุนกับโครงการที่คุ้มค่า สอดรับกับความเชี่ยวชาญและบริการแบบครบวงจรของบลูบิคที่มุ่งเน้นส่งมอบงานที่ตอบโจทย์ธุรกิจอย่างแท้จริง ดังนั้นบริษัทฯ จึงเชื่อมั่นว่าผลประกอบการในครึ่งปีหลังจะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง” นายพชร กล่าว


ภาพรวมตลาดเทคโนโลยีสารสนเทศในประเทศไทยในปี 2568 ยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดย การ์ทเนอร์ อิงค์ (Gartner Inc.) คาดการณ์ว่า การใช้จ่ายด้านไอทีในไทยจะขยายตัวเพิ่มขึ้นถึง 7.9% จากปีก่อนหน้า หรือคิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 996,000 ล้านบาท โดยกลุ่มที่เติบโตโดดเด่นที่สุด คือ ศูนย์ข้อมูล (Data Center) ที่มีอัตราการเติบโตสูงถึง 17% และซอฟต์แวร์องค์กร (Enterprise Software) ซึ่งขยายตัวถึง 16.1% สะท้อนให้เห็นถึงการเร่งปรับตัวของธุรกิจไทยในการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลและโซลูชันเทคโนโลยี เพื่อรองรับการเติบโตของยุคเศรษฐกิจดิจิทัล

 

บริษัทฯ ประเมินว่า กระแสการลงทุนด้านเทคโนโลยีดังกล่าวข้างต้น สอดรับกับทิศทางการเติบโตอย่าง มีนัยสำคัญของบริการด้านต่าง ๆ ของบริษัทฯ โดยเฉพาะงานที่ปรึกษาด้าน Digital Excellence & Delivery และ ERP ที่มีการส่งมอบงานอย่างต่อเนื่องแก่ลูกค้าที่ต้องการระบบที่สามารถรองรับการเติบโตและแข่งขันของธุรกิจ อีกทั้งการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันยังถือเป็นแผนงานที่จำเป็นในหลายกลุ่มธุรกิจ ได้แก่ สถาบันการเงิน กลุ่มประกันภัย กลุ่มพลังงาน กลุ่มอุตสาหกรรมการผลิต กลุ่มเทคโนโลยีและสื่อสาร รวมถึงภาครัฐ ซึ่งให้ความสำคัญมากขึ้นกับการพัฒนาด้านเทคโนโลยี ยกตัวอย่างเช่น โครงการ Cloud First Policy (นโยบายรัฐบาลที่สนับสนุนการใช้คลาวด์ในภาครัฐ) และ Virtual Bank ดังนั้นการลงทุนด้านเทคโนโลยีในไทยจึงสามารถขยายตัวได้ต่อเนื่อง ส่งผลบวกต่อการดำเนินงานของบลูบิค


“บริษัทฯ มีการเปลี่ยนแปลงมากมายตลอดระยะเวลา 11 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่การเติบโตของผลประกอบการ อย่างต่อเนื่อง จำนวนพนักงานหลักสิบในวันนั้นจนถึงหลักพันในวันนี้ การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai ในปี 2564 และย้ายเข้าสู่ SET ภายใน 4 ปี (2568) เมื่อเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและไม่หยุดนิ่ง ที่จะพัฒนาองค์กรเพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน ด้วยเหตุนี้บริษัทฯ จึงเชื่อมั่นว่าจะสามารถก้าวข้ามความท้าทายและบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจในปี 2568 นี้ได้เหมือนเช่นที่ผ่านมา” นายพชร กล่าว

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

บทความล่าสุด

สำนักงาน ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์ฯ เยี่ยมชมกิจการ "SMO"

สำนักงาน ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์ฯ เยี่ยมชมกิจการ "SMO"

บิ๊กแคป เขียว By : แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ ชมบิ๊กแคป หลายตัว ปรับตัวเพิ่มขึ้น ตามแรงซื้อ ตามกระแสทุนนอกที่ยังคงไหล....

มัลติมีเดีย

หุ้นอินไซด์ ทอล์ค : PTG มุ่งสร้างผลตอบแทนระยะยาวให้กับนักลงทุนทุกคน

หุ้นอินไซด์ ทอล์ค : PTG มุ่งสร้างผลตอบแทนระยะยาวให้กับนักลงทุนทุกคน

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้