ประเด็นสำคัญ:
- ทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2568 มีบริษัทเข้าจดทะเบียนใหม่ในตลาดหลักทรัพย์ 53 แห่ง สามารถระดมทุนได้รวม 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
- เทียบกับช่วงครึ่งแรกของปี 2567 มูลค่าการระดมทุนเพิ่มขึ้นร้อยละ 3 และมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวมเติบโตขึ้นร้อยละ 33 แม้ว่าจำนวนเงินที่ระดมทุนได้จะลดลงร้อยละ 21 ก็ตาม
- มาเลเซียและอินโดนีเซียกลายเป็นผู้นำตลาด สามารถระดมทุนรวมกันคิดเป็นสัดส่วนถึงร้อยละ 96
- กลุ่มอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภค (Consumer) เป็นกลุ่มที่ระดมทุนได้สูงสุด คิดเป็นร้อยละ 43 ของเงินทุนทั้งหมด หรือประมาณ 613 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
- IPO 10 อันดับแรกสามารถระดมทุนรวมกันได้ถึง 928 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือคิดเป็นร้อยละ 66 ของมูลค่าการระดมทุนทั้งหมดในช่วงครึ่งปีแรก
สำนักข่าวหุ้นอินไซด์( 8 สิงหาคม 2568 )---การเสนอขายหุ้นใหม่แก่ประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แสดงให้เห็นถึงการฟื้นตัวที่มั่นคงในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 โดยรายงานฉบับล่าสุดของดีลอยท์ Southeast Asia Mid-Year IPO Snapshot ปี 2568 ระบุว่า แม้จำนวนบริษัทที่เข้าจดทะเบียนจะลดลง แต่มูลค่าการระดมทุนและมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดยังคงเติบโตขึ้น ซึ่งชี้ให้เห็นถึงแนวโน้มที่นักลงทุนมุ่งให้ความสำคัญกับบริษัทขนาดใหญ่ที่มีคุณภาพสูง นำโดย IPO ขนาดใหญ่ (Blockbuster IPOs) ที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดเกิน 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ถึง 3 บริษัทในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าซึ่งมีเพียงบริษัทเดียว
นอกจากนี้ ความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นของตลาดยังสะท้อนผ่าน IPO 10 อันดับแรกที่สามารถระดมทุนรวมกันได้ถึง 928 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นร้อยละ 66 ของมูลค่าการระดมทุนทั้งหมดในช่วงครึ่งปีแรก แสดงให้เห็นว่านักลงทุนยังคงให้ความสนใจในบริษัทที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่งและมีศักยภาพการเติบโตที่ชัดเจน
คุณเท ฮวี ลิง หัวหน้าสายงานบริการสนับสนุนด้านบัญชีธุรกรรมรายการ ดีลอยท์ เซาท์อีสท์ เอเชีย กล่าวว่า "ในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 ตลาดทุนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แสดงให้เห็นถึงการฟื้นตัว โดยได้รับแรงหนุนจากสภาวะเศรษฐกิจมหภาคที่มีเสถียรภาพมากขึ้น ประกอบกับแรงส่งระลอกใหม่จาก IPO ขนาดใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในมาเลเซียและอินโดนีเซีย แม้ว่าความเชื่อมั่นของนักลงทุนจะยังคงมีความระมัดระวัง แต่ความสนใจของบริษัทผู้ออกหลักทรัพย์ก็เริ่มกลับคืนมาอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยเฉพาะในตลาดที่มีความแน่นอนของกฎระเบียบ ความหลากหลายของนักลงทุนท และมีโอกาสในการขยายธุรกิจในระดับภูมิภาค"
คุณวิลาสินี กฤษณามระ พาร์ทเนอร์ บริการสนับสนุนด้านบัญชีธุรกรรมรายการ ดีลอยท์ ประเทศไทย กล่าวเสริมว่า "สถานการณ์การระดมทุนในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2568 ในประเทศไทย มีแนวโน้มลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2567 อย่างไรก็ตาม บางอุตสาหกรรมยังคงแสดงศักยภาพในการเติบโต ดังที่เห็นจากผลกำไรของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2568 ซึ่งยังคงมีความแข็งแกร่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มธุรกิจ ธนาคาร กลุ่มพลังงานและสาธารณูปโภค และสุขภาพ ทั้งนี้ คาดว่านโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลและกระแสเงินลงทุนจากต่างประเทศที่เข้ามาในประเทศไทยในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2568 นี้ จะช่วยให้ตลาดทุนมีความแข็งแกร่งมากขึ้น"
ภาพรวมตลาดแต่ละประเทศ
- มาเลเซีย: เป็นผู้นำใน 3 มิติหลัก ด้านจำนวน IPO จำนวนเงินระดมทุนได้ และมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด โดยมี IPO 32 บริษัท และสามารถระดมทุนได้ถึง 940 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเติบโตอย่างก้าวกระโดดจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยมีมูลค่าการระดมทุนเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 109 และมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดเพิ่มขึ้นร้อยละ 165
- อินโดนีเซีย: ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งหลังผ่านช่วงความไม่แน่นอนทางการเมือง โดยสามารถระดมทุนได้ 427 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากการบริษัทเข้าจดทะเบียน 14 แห่ง การฟื้นตัวของตลาดสะท้อนให้เห็นผ่านขนาดของดีลโดยเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้นถึง 3 เท่า จาก 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐเป็น 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แสดงให้เห็นถึงการกลับมาของบริษัทผู้ออกหลักทรัพย์ขนาดใหญ่
- ไทย: ตลาด IPO ต้องเผชิญกับปัจจัยท้าทายในช่วงครึ่งแรกของปี โดยมีบริษัทเข้าจดทะเบียน 5 แห่ง ระดมทุนได้รวม 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม ยังคงมีสัญญาณเชิงบวกจากศักยภาพของบางอุตสาหกรรมที่ยังคงมีผลประกอบการแข็งแกร่ง
- สิงคโปร์: ตลาดสิงคโปร์มีบริษัทเข้าจดทะเบียน 1 แห่งในช่วงครึ่งแรกของปี อย่างไรก็ตาม ตลาดทุนมีแนวโน้มที่จะปรับตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง โดยมีการเตรียมเข้าจดทะเบียน รวมถึงบริษัทอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังมองการจดทะเบียนในสิงคโปร์
มาตรการสนับสนุนตลาดทุนและแนวโน้ม
ทิศทางเชิงบวกของตลาดทุนยังคงได้รับการสนับสนุนจากมาตรการเชิงรุกของหน่วยงานกำกับดูแลของแต่ละประเทศที่มุ่งส่งเสริมขีดความสามารถในการแข่งขันและสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุน ตัวอย่างเช่น การปรับลดระยะเวลาอนุมัติ IPO เหลือ 3 เดือนของมาเลเซีย การออกข้อบังคับให้รายงานข้อมูลด้าน ESG เพื่อเพิ่มความโปร่งใสของอินโดนีเซีย และโครงการ JUMP+ ของประเทศไทยที่ที่มุ่งสนับสนุนการสร้างมูลค่ามูลค่าให้แก่บริษัทจดทะเบียน
สำหรับแนวโน้มครึ่งหลังของปี 2568 คาดว่าทิศทางของตลาดจะยังคงดำเนินต่อไป โดยสังเกตได้จากการเพิ่มขึ้นของการยื่นหนังสือชี้ชวนของบริษัทขนาดใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ต่าง ๆ ทั่วภูมิภาคในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นสัญญาณของความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่กลับมาและการทยอยเปิดรับการระดมทุนของบริษัท
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม สามารถดูรายงานฉบับเต็มได้ที่ลิงก์นี้:
https://www.deloitte.com/content/dam/assets-zone1/southeast-asia/en/docs/services/audit-assurance/2025/sea-aud-sea-ipo-snapshot-2025-mid-year.pdf