วันพฤหัสบดีที่ผ่านมาดัชนีเคลื่อนไหวผันผวน โดยช่วงเช้าดัชนีปรับตัวขึ้นสูงสุดราว +16 จุด ได้แรงหนุนจากFund Flow ที่ไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามในช่วงบ่ายดัชนีอ่อนตัวลง จากแรงขายทำกำไร หลังดัชนีปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 3 วันทำการ มีแรงซื้อนำโดยหุ้นกลุ่มพลังงาน และธนาคาร มีแรงขายนำโดยหุ้นกลุ่มค้าปลีก และอิเล็กทรอนิกส์ ขณะที่ผลการประชุม GBC ระหว่างไทยและกัมพูชา เห็นชอบข้อตกลงหยุดยิงอย่างไรก็ตามนักลงทุนจับตาการประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/68 ของบริษัทจดทะเบียน ส่งผลให้ดัชนีSET Index ปิดตลาดที่ 1,265.15 จุด +0.68 จุด +0.05% มูลค่าการซื้อขาย 60,459.25 ลบ. ProgramTrading +815.94 ลบ. ต่างชาติ -297.85 ลบ. TFEX -6,038 สัญญา ตราสารหนี้+1,401.56 ลบ.

ปัจจัยบวก
+ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (MPC) ของธนาคารกลางอังกฤษ (BoE)มีมติด้วยคะแนนเสียง 5-4 ในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25%สู่ระดับ 4.00% สอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
+ สำนักนโยบายและแผน สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.)เปิดเผยถึงแนวโน้มราคาน้ำมันช่วงที่เหลือของปี 2568 ว่า น่าจะอยู่ในระดับที่ทรงตัว โดยราคาบวกลบไม่น่าจะเกิน 5 เหรียญสหรัฐมีความผันผวนไม่มาก ยกเว้นว่าจะมีสงครามเกิดขึ้น
+ Consensus ส่วนใหญ่ประเมินว่าการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. ในวันที่ 13 ส.ค.นี้ จะเห็นกนง.ลดดอกเบี้ยนโยบาย

ปัจจัยลบ
- ดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลง 224.48 จุด หรือ -0.51% จากการขายทำกำไรหลังจากดัชนีพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในช่วงก่อนหน้านี้ และการร่วงลงของหุ้นอีไล ลิลลี่ (Eli Lilly) ซึ่งเป็นบริษัทยารายใหญ่ หลังจากผลการทดลองยาลดน้ำหนักของบริษัทออกมาน่าผิดหวัง
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปิดลดลง 47 เซนต์ หรือ -0.73% ปิดที่63.88 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังมีประกาศว่าปธน.วลาดิเมียร์ ปูตินผู้นำรัสเซีย จะพบปะกับปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ในอีกไม่กี่วันข้างหน้าซึ่งท าให้ตลาดคาดการณ์ว่าอาจจะทำให้สงครามในยูเครนยุติลง
- มาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal tariffs) ที่ปธน.ทรัมป์ประกาศใช้กับประเทศคู่ค้าหลายสิบประเทศ เริ่มมีผลบังคับใช้แล้วในวันพฤหัสบดีที่ 7 ส.ค. ซึ่งจะส่งผลให้ประเทศเหล่านี้ถูกเรียกเก็บภาษีในอัตราตั้งแต่ 10% ไปจนถึง 50% ท าให้อัตราภาษีนำเข้าของสหรัฐฯพุ่งสูงที่สุดในรอบศตวรรษ
- ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศว่าจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าชิปและเซมิคอนดักเตอร์สูงถึง 100% แต่จะยกเว้นให้สำหรับบริษัทที่ผลิตหรือมีแผนจะผลิตสินค้าในสหรัฐฯ เช่น แอปเปิ้ล (Apple) ว่าจะไม่ถูกเรียกเก็บภาษีเพราะมีการลงทุนในประเทศ
- ธนาคารกลางสหรัฐฯ สาขาแอตแลนตา เปิดเผยว่า แบบจำลองคาดการณ์ GDPNow ล่าสุดแสดงว่า GDP สหรัฐฯ ขยายตัว 2.5%ใน 3Q68 หลังจากเศรษฐกิจขยายตัว 3% ใน 2Q68 และหดตัว 0.5%ใน 1Q68

แนวโน้มตลาดวันนี้
คาดดัชนีในวันนี้มีโอกาสพักตัว เนื่องจากติดวันหยุดยาว ประกอบกับนักลงทุนยังติดตามการประกาศงบของบริษัทจดทะเบียนที่จะสิ้นสุดในสัปดาห์หน้า ขณะที่ราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลงต่อเนื่องกดดันหุ้นกลุ่มพลังงาน คาดกรอบดัชนีวันนี้ที่1,260 -1,270 จุด

กลยุทธ์การลงทุน
• เที่ยวไทยคนละครึ่ง : AWC MINT ERW CENTEL SHR
• หุ้นที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากการที่ก.ล.ต.เตรียมเปิด Sandbox ให้ชาวต่างชาตินำคริปโตแลกเงินบาทนำมาใช้จ่ายธนาคาร KBANK SCB BAY โรงแรม MINT CENTEL ERW AWC สายการบิน AAV BA บันเทิง MAJORค้าปลีก CPALL CPAXT หุ้นคริปโต JTS BTC XPG ZIGA
• หุ้นที่ได้ประโยชน์จากมาตรการภาษีที่ต่ำกว่า 36% : AMATA WHA ROJNA TU ITC AAI HANA KCE DELTA
• MSCI ปรับน้ำหนักวันที่ 26 ส.ค. : MSCI Thailand เข้า - ออก HMPRO, OR MSCI Global Small Capเข้า KTC, HMPRO ออก ICHI, SISB, TPIPL