Pi Daily Consensus ปรับเพิ่ม SET EPS ผสานกับเงินบาทแข็งค่าช่วยหนุนตลาดหุ้นไทยระยะสั้นๆ นักลงทุนระยะกลางยังแนะรอ แต่ระยะสั้น Trading Laggard Play

ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปิดบวก 585 จุด (+1.3%) นักลงทุนกลับเข้ามาลงทุนอีกครั้งหลังจากวันก่อนหน้าปรับลงแรง โดยได้อีกปัจจัยหนุนจากความหวังดอกเบี้ยที่อาจปรับลง ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดลบ 1.3% หลังจาก OPEC+ มีมติเพิ่มกำลังผลิตในเดือน ก.ย.

เมื่อคืนที่ผ่านมาฝั่งสหรัฐฯ มิได้มีตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญแต่อย่างใด แต่อย่างไรก็ตามนักลงทุนยังมองถึงโอกาสในการผ่อนคลายนโยบายการเงินจากธนาคารกลางสหรัฐฯหลังจากที่วันศุกร์รายงานจ้างงานแย่กว่านักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ค่อนข้างมาก โดยยังคงพบเห็นการปรับลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ในรุ่นอายุ 2 ปี พร้อมกับ Dollar Index อ่อนค่า ความเห็นจาก CME FED Watch ประเมินว่าการประชุม FED เดือนกันยายนโอกาสลดดอกเบี้ยสูงถึง 94.4% ในขณะเดียวกันทำให้เงินบาทกลับมาแข็งค่าอีกครั้ง เช้านี้ทดสอบระดับ 32.28 บาท / ดอลลาร์สหรัฐฯจากก่อนหน้าที่ 32.86 บาท / ดอลลาร์สหรัฐฯ ทำให้ส่วนหนึ่งเห็นเงินกลับเข้ามาซื้อสุทธิหุ้นไทยวานนี้นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 2.6 พันล้านบาท ซึ่งมีจุดที่น่าสนใจคือเริ่มเห็น Bloomberg Consensus ปรับประมาณการกำไรขึ้น (SET EPS) อยู่ที่ 90.6 บาท / หุ้น ถูกปรับขึ้นจาก 89.5 บาท / หุ้น จากการตรวจสอบข้อมูลใน Bloomberg Consensus พบว่าหุ้นที่กำไรถูกปรับขึ้นอย่างมีนัยยะได้แก่ SCC และอื่นๆที่ถูกปรับขึ้นได้แก่ WHA AWC ITC DELTA แต่ทั้งนี้ระดับ SET INDEX ที่ 1230 ก็ซื้อขายในช่วง PE 13.5x ประเมินอยู่ในช่วงกลางๆไม่ถึงกับแพงมากแต่ก็มิได้ถูก หากให้ค่า PE ราว 14x SET INDEX อาจไปได้ในช่วง 1270 แต่ระดับดังกล่าวอาจมองเป็นจุดทยอยทำกำไร ปัจจัยติดตามคืนนี้ได้แก่ดัชนี ISM PMI ของสหรัฐฯ Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ 51.5 วันนี้ประเมิน SET INDEX เคลื่อนไหวในกรอบ 1220 – 1240 ตลาดหุ้นระยะสั้นกลับมามีปัจจัยหนุนจากกระแสเงินทุน (ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะเงินบาทที่แข็งค่า) ผสานกับเห็น Consensus ปรับเพิ่มกำไร แต่อย่างไรก็ตามในเชิงกลยุทธ์การ Trading สามารถทำได้แต่ให้ใช้ความระมัดระวังเพราะตลาดก็พร้อมจะปรับฐานหากทิศทางกำไรไม่เป็นไปตามคาดการณ์หรือเผชิญข่าวกดดันต่างๆ โดยอาจเลือกหุ้นที่ยังปรับขึ้นน้อย อาทิ KTB BDMS CPALL MTC BBL MINT BJC MINT

CPALL (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 78.00) คาดรายงานกำไรสุทธิ 2Q25 ที่ 6.7 พันล้านบาท (+8%YoY, -11%QoQ) หนุนจากอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้น 20 bps YoY แม้คาดว่าการเติบโตของยอดขายสาขาเดิมของ 7-11 จะชะลอตัวเล็กน้อย YoY ที่ 0.5% และอัตราส่วนค่าใช้จ่ายการขายและบริหารต่อยอดขายเพิ่มขึ้น 10 bps YoY

BDMS (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 26) 3Q25 เรามองว่าผลประกอบการจะฟื้นตัวทั้ง YoY และ QoQ จาก 1) ปัจจัยฤดูกาล ด้วยจำนวนผู้ป่วยชาวไทยและต่างชาติมีแนวโน้มเติบโตหลังหน้าฝน และ 2) สัดส่วนผู้ป่วยโรคซับซ้อนที่คาดเติบโต หนุนอัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวสูงขึ้น