คาด SET Index Sideways : ท่ามกลางการรอจับตาความคืบหน้าการเจรจาไทย-สหรัฐ และสถานการณ์ความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา คาดหุ้นในกลุ่ม Real Sector ที่กำลังจะทยอยประกาศผลประกอบการใน 2Q68 จะมีความน่าสนใจมากขึ้น ขณะที่ ECB มีมติคงดอกเบี้ย และยังรอผลการเจรจากับสหรัฐ

แนวรับ-ต้าน
1,200 -1,220

กลยุทธ์การลงทุน
1) เก็งงบ 2Q68 : ADVANC, AP, CENTEL, GULF, SPALI, TOP, TIDLOR
2) ส่งออกไทย : DELTA, ITC, TU, SAPPE
3) Selectiveplay : CPN,CRC,DOHOME, GLOBAL, HMPRO
4) China play : PTTGC, SCGP
5) Dividend : KKP, SCB, KBANK, PRM, TTW, SIRI, WHA

ไม่ไปไหน รอความเป็นไปหลายประเด็น

  หลบหุ้นเกี่ยวข้องกัมพูชา ไปหางบ 2Q68 : ตลาดยังรอความคืบหน้าในประเด็นการเจรจากำแพงภาษีกับสหรัฐ ที่อยู่ในขั้นตอนรอการตอบรับจากสหรัฐ หลังได้ยื่นข้อเสนอสุดท้ายให้กับทางสหรัฐไปแล้ว ระหว่างนั้นตลาดยังเผชิญความไม่แน่นอนจากประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ล่าสุดรักษาการนายกรัฐมนตรียืนยันยังไม่ประกาศสงครามกับกัมพูชา แต่ได้มอบอำนาจทหารในการปกป้องอธิปไตยอย่างเต็มที่ภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ ขณะที่สำนักข่าวต่างประเทศเผยว่าได้มีการทำหนังสือยื่นต่อสภาความมั่นคงแห่งชาติ โดยกล่าวหาว่าไทยนั้นได้เริ่มทำการโจมตีก่อนจนทำให้ต้องมีการตอบโต้เพื่อป้องกันตัวเอง เรามองประเด็นดังกล่าวยังไม่สามารถหาข้อยุติได้ในระยะสั้น แต่มองอาจยังไม่เกิดการยกระดับไปสู่สงครามเพื่อจำกัดผลกระทบที่เกิดกับพลเรือนของทั้งสองประเทศ ในส่วนของการค้าระหว่างประเทศ มองระยะถัดไปจะบรรลุข้อตกลงการค้าระหว่างกันได้ยาก อาจกระทบต่อมูลค่าการค้าชายแดน แต่มีสัดส่วนราว 2% ของ GDP ปี 67 นอกจากนี้บริษัทต่างๆที่มีฐานการผลิตในกัมพูชา อาจมีการตัดสินใจย้ายฐานการผลิตกลับมาในประเทศด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย ทำให้หุ้นที่มีสัดส่วนรายได้หรือฐานการผลิตในกัมพูชาจะรับ Sentiment เชิงลบ มองตลาดจะหันมาให้ความสนใจกับการประกาศผลประกอบการ ไตรมาส 2 ของ Real Sector ที่จะทยอยประกาศ และหุ้นปันผล

 ECB คงอัตราดอกเบี้ยตามคาด กำแพงภาษียัง Overhang : ที่ประชุม ECB มีมติคงอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก(Deposit Facility Rate) ที่ระดับ 2% หลังปรับลดอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่อง 7 ครั้ง โดยมองเงินเฟ้อมีโอกาสปรับตัวลงต่ำกว่าระดับ 2% ในอีก 18 เดือนข้างหน้า ท่ามกลางความกังวลในประเด็นกำแพงภาษีของสหรัฐ หากไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้ ยุโรปเตรียมงบประมาณกว่า 1.09 แสนล้านดอลลาร์เพื่อตั้งกำแพงภาษีตอบโต้ที่ 30% ทางฝ่ายมองต้องจับตาการเจรจาอย่างใกล้ชิด เนื่องจากทั้งสองประเทศเป็นคู่ค้าสำคัญของไทย

 ปัจจัยอื่นที่น่าติดตามในสัปดาห์หน้า : China-Manufacturing +Non-Manufacturing PMI (Jul), US-GDP(Q2)/FOMCMeeting/CorePCEPriceIndex(Jun)/Nonfarm Payrolls (Jul)/IMF World Economics Outlooks, JP-BOJ Interest rate Decision

ปัจจัยเพิ่มเติม

  (+) บอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจเคาะเห็นชอบให้ใช้งบฯ 4.2 หมื่นล้านบาท เพื่อใช้รับมือกับผลกระทบจากมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐ โดยจะจัดสรรให้ผู้ประกอบการ ครอบคลุมทั้งกลุ่มเกษตรกร เอสเอ็มอีในประเทศ ผู้ส่งออก คาดจะนำเข้าที่ประชุม ครม. ในสัปดาห์หน้า

(+) Booking เผย 92% ของนักเดินทางไทยตั้งตารอสำรวจโลกอีกครั้งในปีนี้ โดย
จุดหมายปลายทางยอดนิยมคือ อียิปต์ ญี่ปุ่น และ U.A.E.

(+) ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า รัฐกำลังเร่งดูแลปัญหาหนี้ครัวเรือน ซึ่งจะเร่งจัดตั้ง บริษัทจัดการสินทรัพย์ (AMC) พิเศษขึ้น เพื่อดึงหนี้เสียเข้ามาอยู่ในกลไกในการบริหารจัดการ คาดจะช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้ธนาคารพาณิชย์

 (-) สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ปรับลดเป้าผลิตรถยนต์ปี 68 ลง 50,000 คัน จากเดิม 1,500,000 คัน เป็น 1,450,000 คัน โดยเป็นการปรับเป้าเฉพาะผลิตเพื่อส่งออกจาก 1,000,000 คัน เป็น 950,000 คัน

ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน
ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ -นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์ และทางเทคนิค #9501
ชุติกาญจน์ สันติเมธวิรุฬ, CISA นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน และทางเทคนิค #37928
ภัทรดนัย จตุรพร นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน #094041
พศุตม์ โงวิวัฒน์ชัย, CISA นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน #127632
ฐนพงษ์ แซ่โล้ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
ชนพัฒน์ สุวิยานนท์ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์