คาด SET Index แกว่งตัวออกข้าง: คาดแรงหนุนมาจากการประชุมครม. ซึ่งคาดจะมีการเคาะชื่อผู้ว่าฯธปท.คนต่อไป รวมถึงคาดมีแรงเก็งกำไรในงบ 2Q68 และREITs หากแต่มองทางขึ้นจำกัดจากการรอติดตามผลการเจรจาการค้าระหว่างไทย-สหรัฐฯ รวมถึงมีแนวโน้มถูกบดบังจากความน่าจูงใจของตลาดหุ้นสหรัฐฯ
แนวรับ-ต้าน
1,200 –1,215
กลยุทธ์การลงทุน
1) เก็งงบ 2Q68: ADVANC, AP, BDMS, CENTEL,CKP, LH, PR9, SCC, SPALI, TIDLOR, TOP
2) หวังผู้ว่าฯธปท.คนต่อไปผ่อนคลายนโยบายการเงิน:AMATA, BGRIM, BEM, CRC, GPSC, GULF,KTC, MINT, MTC, WHA, WHAIR
3) หวังปรับเกณฑ์ Thai ESG ลงทุนใน REITs:CPNREIT, FTREIT, LHHOTEL, WHART
4) China play: HANA, IVL, PTTGC, SCGP
ลุ้นเคาะผู้ว่าฯธปท. และรอสหรัฐฯตอบกลับ
ลุ้นเคาะผู้ว่าฯธปท. หวังผ่อนคลายนโยบายการเงิน:คาด SET Indexจะยังคงได้แรงหนุนจากหุ้นในกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการผ่อนคลายนโยบายการเงิน เนื่องจากการประชุมครม.ในวันนี้ก.คลังจะมีการเสนอชื่อผู้ว่าฯธปท.คนต่อไปโดยรายชื่อผู้เช้าชิงที่ปรากฎตามสื่อต่างๆทัง้ 2 ท่านอย่างคุณวิทัย ผอ.ธนาคารออมสิน และคุณรุ่ง รองผู้ว่าฯธปท. ต่างมีแนวโน้มที่จะดำเนนินโยบายการเงนิผ่อนคลายมากยิ่งขึ้นอีกทั้ง คาดSETIndexจะได้แรงหนุนจากการเก็งงบ 2Q68ของหุ้นในกลุ่ม Real sector
ก.ล.ต. เฮียริ่ง Thai ESG ลงทุนใน REITs-IFFs: REITs และ IFFsนอกจากจะได้แรงหนุนจากความหวังว่าผู้ว่าฯธปท.คนต่อไปจะผ่อนคลายนโยบายการเงินแล้ว ยังมีแนวโน้มได้แรงหนุนจากการที่ก.ล.ต.เปิดรับฟังความคิดเห็นระหว่างวันที่ 18 ก.ค.-18 ส.ค.68 เกี่ยวกับการปรับปรุงหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับกองทุน ThaiESGโดยขยายขอบเขตการลงทุนในสัดส่วนโดยเฉลี่ยรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของ NAVให้ครอบคลุมถึง REITs และ IFFs ที่มีความโดดเด่นด้าน E หรือ ESG
ยังรอสหรัฐฯติดต่อกลับมา: มองทางขึ้นจำกัด จากความกังวลภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ หลังการเจรจาไทย-สหรัฐฯยังไม่มีพัฒนาการเพิ่มเติมอย่างมีนัยสำคัญโดยวานนคุณพิชัยรองนายกฯและรมว.คลังเผยว่าหลังจากที่ไทยได้ปรับปรุงข้อเสนอเรื่องภาษีสินค้ากับสหรัฐฯภายใต้เงื่อนไขใหม่เพิ่มเติมให้แก่ USTR ไปในวันที่ 17 ก.ค.68 ขณะนี้
สหรัฐฯยังไม่ได้มีการตอบกลับมา รวมถึงติดตามความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯและ EUหลังมีรายงานระบุว่าเจ้าหน้าที่ของ EUกำลังพิจารณาใช้มาตรการตอบโต้การเรียกเก็บภาษีศุลกากร-v’สหรัฐฯ
โดนตลาดหุ้นสหรัฐฯแย่งความสนใจ: นอกจากนี้ คาด SET Index มีแนวโน้มถูกบดบังจากความน่าจูงใจของตลาดหุ้นสหรัฐฯ รวมถึงอาจมีการเคลื่อนย้ายเงินทุนเพื่อไปเก็งกำไรผลประกอบการของบริษัทขนาดใหญ่ของโลก สอดรับกับ S&P500 และ Nasdaq ที่ปรับตัวขึ้นไปปิดNew high เมื่อคืนที่ผ่านมา และการเผยงบ 2Q68 ที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯ โดยในจำนวนบริษัทที่มีการเผยงบไปแล้วพบว่า 1) S&P500 มีรายได้และ EPS ดีกว่า Bloomberg Consensus ที่ 68% และ 85%ตามล าดับ และ 2) Nasdaq มีรายได้และ EPS ดีกว่า BloombergConsensus ที่ 62% และ 76% ตามลำดับ
ปัจจัยเพิ่มเติม
(+)สบน.เผยวันนี้เตรียมแถลงข่าวการจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์ FY2568ครัง้ ที่ 2 ในวันนี้ รวมถึงแผนเดินหน้าจำหน่าย G-Token โดยคาดว่าจะเปิดจำหน่ายช่วงปลายเดือนส.ค.-ก.ย.68 วงเงินไม่เกิน 5 พันล้านบาท เรามองเป็นSentimentเชิงบวกต่อหุ้นที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจดิจิทัล
(-) Krungsri Research เผยการลดภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ ให้เหลือ 0%เป็นทางเลือกเพื่อเลี่ยงกำแพงภาษี 36% แต่อาจนำไปสู่ความเสี่ยงที่เรียกว่าTwin Influx ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่สินค้าจากสหรัฐฯและจีนจะไหลทะลักเข้าสู่ตลาดไทยพร้อมกัน
(-) มาตรการคว่ำบาตรรอบล่าสุดของ EU ที่มีเป้าหมายเพื่อตอบโต้การรุกรานยูเครนของรัสเซีย ได้รวมถึงการขึ้นบัญชีดำบริษัทและธนาคารจากจีนหลายแห่ง ส่งผลให้ทางการจีนออกมาประท้วงอย่างรุนแรง พร้อมประกาศจะตอบโต้เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของบริษัทในประเทศ
ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน
ธรีดา ชาญยิ่งยงค์- นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์ และทางเทคนิค #9501
ชุติกาญจน์ สันติเมธวิรุฬ, CISA – นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน และทางเทคนิค #37928
ภัทรดนัย จตุรพร – นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน #094041
พศุตม์ โงวิวัฒน์ชัย, CISA – นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน #127632
ฐนพงษ์ แซ่โล้ – ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
ชนพัฒน์ สุวิยานนท์ – ผู้ช่วยนักวิเคราะห์