SET Index อยู่ในรอบการฟื้นตัว
เลือกเก็งกำไรหุ้นรายตัว
Market Strategy
SET Index วันนี้ยังอยู่ในรอบการฟื้นตัวตามกรอบ 1195-1120 จุด บนความคาดหวังต่อการเจรจาลดภาษีสหรัฐฯ สำเร็จ หุ้นเด่นวันนี้เลือก KTC และ TASCO

 

ความคืบหน้าเจรจาการค้า ไทยเสนอเปิดตลาดผ่านการลดภาษีนำเข้าสหรัฐฯ 90% ของรายการสินค้าทั้งหมด ลด NTB และส่งเสริมลงทุนในสหรัฐฯ ซึ่ง USTR พึงพอใจ แต่อาจยื่นข้อเรียกร้องเพิ่มเติม โดย รมว.คลังคาดสุดท้ายแล้วอัตราภาษีศุลกากรตอบโต้ที่ไทยจะได้รับน่าจะใกล้เคียงกับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเดียวกันคือ ในอัตราประมาณ 20% ด้านเงื่อนไขของสินค้าผ่านแดน (Transshipments) จะมีการหารืออีกครั้งว่าจะกำหนดอย่างไร

 

เราเชื่อว่าตลาดจะยังอยู่ในความคาดหวังพัฒนาการเชิงบวกต่อการปรับลดอัตราภาษีสหรัฐฯ เป็นปัจจัยหนุน SET Index สัปดาห์นี้เลี้ยงตัวแนวรับอยู่ที่ 1180-1200 จุด โดยมีแนวต้านระยะสัปดาห์ที่ 1230 จุด

 

เชิงกลยุทธ์ แนะนำหุ้น SET100 มีพื้นที่ฟื้นตัวมากกว่า 10% (โดยวัดจากราคาปัจจุบันเทียบกับราคาปิดวันที่ 13 พ.ค.68 ที่ SET Index ขึ้นไปทำจุดสูงสุดของรอบ 1230 จุด จากตลาดคาดว่าไทยน่าจะเจรจาลดภาษีได้ตามจีน) และเราแนะนำซื้อ ได้หุ้นน่าสนใจ KTC MTC CHG BDMS TLI

 

ประเด็นต่างประเทศ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ แกว่งผสมผสานในช่วง -0.3% ถึง +0.05% จากอยู่ในช่วงตามความคืบหน้าเจรจาภาษีกับประเทศต่างๆ ซึ่งคุณทรัมป์เผยกำลังพิจารณาขึ้นภาษียุโรป 15-20% จากเดิมจะเก็บ 30% และรายงานงบ 2Q68 ซึ่งปัจจุบันหุ้นใน S&P500 รายงาน 58 บริษัท ทำกำไรดีกว่าตลาดคาด 7.8%

 

Market Summary
SET Index ปรับขึ้น 8.5 จุด กลุ่มที่ Outperform กลุ่มอิเล็คฯ จาก DELTA +3.8% หนุนดัชนี 5 จุด กลุ่มพลังงาน PTTEP +4% BCP +3% ตามราคาน้ำมันดิบที่ปรับขึ้น +1% กลุ่มค้าปลีก GLOBAL HMPRO DOHOME ปรับขึ้น 4-6% เนื่องจาก ราคาอยู่โซนล่างแต่ในเชิงพื้นฐานSSSG ยังอ่อนแอ ด้านกลุ่มที่ Underperform ส่วนใหญ่เป็นการขายทำกำไรกลุ่มที่ปรับขึ้นแรงช่วงสัปดาห์ก่อน เช่น ขนส่งจาก AOT -3% หลังรับข่าว ความคาดหวังการปรับขึ้น PSC ไปก่อนหน้ากว่า 30% ไฟแนนซ์ -0.3% จากความคาดหวังผู้ว่าใหม่ ธปท.

 

DAILY Stock Pick
KTC
พื้นฐานแข็งแกร่ง
งบไตรมาส 2 ดีกว่าคาด
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 30.00 บาท
KTC ปรับตัวลดลง 24% ใน 1 เดือนที่ผ่านมา laggard ที่สุดใน SET100 +11% ในช่วงเวลาเดียวกัน ถูกกดดันจากแรงขายมหาศาล แต่อย่างไรก็ตาม พื้นฐานของธุรกิจยังคงแข็งแกร่ง โดยมี ROA สูงสุดในกลุ่มการเงิน 6.7% ราคาปัจจุบันถูกซื้อขายใกล้เคียงระดับ -2SD ของค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ทั้ง PE68 และ PBV68 พร้อมกับอัตราเงินปันผลปี 68 สูงถึง 5.2% ช่วยจำกัด Downside

 

ในขณะที่กำไร 2Q68 รายงาน 1.9 พันล้านบาท (+4%YoY, +2%QoQ) ดีกว่าเราคาดถึง 5% หนุนจาก NIM ที่ปรับตัวขึ้นจากการปรับ Product Mix และ NPL ที่ปรับตัวลดลง 14 bps อยู่ที่ 1.83% โดย KTC ตั้งเป้าขยายธุรกิจเข้าสู่ insurance brokerage ก่อนปี 2569 ช่วยหนุนการเติบโตของรายได้

 

TASCO
งบก่อสร้างถนนฟื้นตัว Valuation น่าสนใจ
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 18.40 บาท
เราคงแนะนำ “ซื้อ” โดยคาดการเติบโตหลัก มาจากงบประมาณก่อสร้างถนนของภาครัฐที่เติบโต 14%/8%YoY ในปี 68/69 ในขณะที่ Spread Bitumen ในต่างประเทศปรับตัวขึ้นเป็น +5US$/Ton เทียบกับ 1H68 ที่ -40US$/Ton สะท้อนอุปสงค์ที่แข็งแกร่งผ่านมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ

 

TASCO ปัจจุบันถูกซื้อขาย PE ปี 69 ที่ 10 เท่า (-1.6SD ของค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี) ในขณะที่อัตราเงินปันผลอยู่ในระดับ 7-8% อีกทั้งยังมี upside จากการปรับขึ้น Payout ratio จาก 80% เป็น 100% หนุนให้เงินอัตราปันผลเพิ่มเป็น 9-10% ช่วยจำกัด Downside

 

KEY FACTOR

ในสัปดาห์นี้ตลาดน่าจะให้น้ำหนัก รอดูความชัดเจนการกำหนดภาษีของทรัมป์ ทั้งท่าทีในช่วงเข้าสู่โค้งสุดท้ายก่อนเส้นตาย 1 ส.ค. และความคืบหน้าการเจรจาระหว่างประเทศต่างๆ กับสหรัฐฯ ซึ่งน่าจะทำให้ธนาคารกลางเอเชีย จะยังไม่รีบปรับเปลี่ยนนโยบายการเงิน นำโดย PBOC ที่น่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ย LPRทั้ง 1 ปี และ 5 ปี ไว้ที่ 3.00% และ 3.50% ตามลำดับ

 

นอกจากนี้ ยังมีความไม่แน่นอนทางนโยบายการเงินสหรัฐฯ ทรัมป์ยังคงส่งสัญญาณกดดันประธาน Fed ให้ลดดอกเบี้ย ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดการเลี่ยงความเสี่ยงในพันธบัตรระยะยาวสหรัฐฯ และอาจดันผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลระยะยาว (เช่น อายุ 30 ปี) ให้ดีดกลับ หลังจากที่พักตัวลงตอบรับกับตัวเลขเงินเฟ้อในเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมาทั้ง CPI PPI ขยายตัวในระดับที่ใกล้เคียงและไม่ร้อนแรงกว่าคาด

 

EYES ON
ในสัปดาห์ ส่งออกไทย มิ.ย.
21 ก.ค. จีนกำหนด LPR
23 ก.ค. ความเชื่อมั่นผู้บริโภค ยูโรโซน
24 ก.ค. ดัชนี PMI ภาคการผลิตและบริการยูโรโซน, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานสหรัฐฯ

 

นักกลยุทธ์ : ธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์, ชาญชัย พันทาธนากิจ, ออมทรัพย์ โง้วศิริ