คาด SET Index Sideways Up : โดยมองตลาดยังยืนอยู่บนความคาดหวังการเจรจาไทย-สหรัฐ ที่จะบรรลุดีลกำแพงภาษีที่ 18-20% นอกจากนี้ยังมีแรงหนุนจากภายนอกหลัง Retail Sales สหรัฐออกมาดีบ่งชี้การฟื้นตัวของกำลังซิ้อระยะสั้น แนะนำSelective Play ในหุ้นที่ยัง Laggard

แนวรับ-ต้าน
1,190–1,210

กลยุทธ์การลงทุน
1) เก็งงบ 2Q68: ADVANC, KBANK, KKP, KTB,MAJOR, PR9, CKP, TIDLOR, SCC
2) Laggard Play: KTC, SAWAD, BH, MTC, BCP,PTT, BTS, BEM
3) ท่องเที่ยวและเกี่ยวเนื่อง: AAV, BA, ERW,CPAXT, MINT, OR, PTG, CPN
4) Crypto Play : TTA, BTC, ZIGA, JTS
5) Selective play: COCOCO, TFG, GULF

หวังว่าจะดีลได้ไม่เกิน 20%

เส้นตายใกล้เข้ามา เร่งเจรจาขอ 18-20%: ตลาดคาดหวังการเจรจาระหว่างไทยและสหรัฐล่าสุดทีมเจรจา เข้าเสนอดีลใหม่ซ่งึมาพรอ้ มกับการปรับลดกำแพงภาษีเหลือ 0% สำหรับสินค้าสหรัฐกว่าหมื่นรายการโดยคิดเป็น 90% ของรายการสินค้าทัง้ หมดที่สหรัฐส่งมาขายไทย โดยยืนอยู่บนหลัก win-win หากสามารถบรรลุดีล คาดว่าจะลดการเกินดุลของไทยที่มีต่อสหรัฐลงไปได้ถึง 70% ภายใน 3 ปี และจะเข้าสู่ดุลยภาพการค้าใหม่ใน 5 ปีครงั้ นี้ไทยคาดหวังจะบรรลุดีลด้วยกำแพงภาษี18-20% เพื่อให้ยังสามารถรักษาขีดความสามารถทางการแข่งขันของสินค้าไทยกับประเทศอื่นๆที่มีสินค้าส่งออกใกล้เคียงกันอย่างอินโดนีเซีย และ เวียดนาม ที่บรรลุดีลที่ 19 และ 20% มองหากสามารถบรรลุดีลได้ตามคาดตลาดจะตอบรับเชิงบวก โดยหากบรรลุที่ขอบบนคือ 20% มองGDP ไทยยังขยายตัวได้ที่ระดับ 1.7% และ วางเป้าหมายSET ปีนี้ที่ 1,230 จดุ ซ่งึหากสามารถต่ากว่า 20% มองจะยิ่งเป็นผลดีต่อตัวเลขทั้งสอง ส่วนในระยะสั้นมองตลาดปรับตัวขึ้นแรงช่วงสั้น จากความคาดหวังการบรรลุดีล หากผิดคาดอาจมีแรงขายเข้ามา จึงแนะนำจับตาข่าวการเจรจาใกล้ชิด และ เลือกเล่นหุ้นแบบ Selective ในหุ้นที่ราคายัง Laggard แต่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง และ เก็งงบ 2Q68

Retail Sales สดใส สถานีต่อไปรอฟัง พาวเวลล์ : ตัวเลข RetailSales และ Core Retail Sales สหรัฐ เดือน มิ.ย.ออกมาขยายตัว0.6%m-m และ 0.5%m-m เพิ่มข้ึนจากเดือนก่อนที่-0.9%m-m และ-0.2%m-m ตามล าดับโดยมีสาเหตุจากการปรัวตัวขึ้นของยอดขายรถยนต์ที่ขยายตัว 1.2%m-m และ การฟื้นตัวของยอดขายในสินค้าอื่นๆ ตลาดหุ้นสหรัฐตอบรับเชิงบวก แต่เรามองยังต้องรอจับตาถ้อยแถลงของประธานเฟดในสัปดาห์หน้า เนื่องจากประธานเฟดสาขานิวยอรก์ ยังย้ำว่า ภาพเงินเฟ้อที่เห็นเป็นเพียงจุด
เริ่มต้นของผลกระทบจากกำแพงภาษีเท่านัน้ ผลเต็มๆจะตามมาอกี 2-3 เดือนข้างหน้า

ปัจจัยอื่นที่ น่าติดตามในสั ปดาห์หน้า : TH - Custom-BasedExport/Import Data (Jun), US- Existing Home Sales/ NewHome Sales (Jun)/ S&P Global Manufacturing & Services PMI(Jul)/ Durable Goods Orders (MoM) (Jun), China- PBoC LoanPrime Rate, EU- ECB Interest Rate Decision (Jul)

ปัจจัยเพิ่มเติม
(+)อดีตนายกฯทักษิณย้า อีก 3 เดือนจะพยายามผลักดันให้ไทยเปิด Sandboxสำหรับ Crypto currencies ให้สามารถใช้จ่ายได้ เพื่อเป็นการดึงดูดผู้มีรายได้สูงจากต่างประเทศเข้ามาหนุนการจับจ่ายในประเทศ พร้อมทั้งเตรียมพิจารณาโครงการ Golden Visa ที่จะสนับสนุนให้ชาวต่างชาติที่มีกำลังซื้อสูงเข้ามาพำนักในไทย
(+) กกพ. เคาะค่าไฟงวด ก.ย. - ธ.ค. 2568 ที่ 3.98 – 5.10 บาทต่อหน่วย โดยชี้ต้นทุนหลักของค่าเชื้อเพลิงลดลง ซึ่งกกพ.เตรียมทยอยคืนหนี้ค่าเชื้อเพลิงที่คงค้างสร้างเสถียรภาพและความมัน่ คงให้ระบบ มองจะกดดันราคากลุ่มโรงไฟฟ้า
(-) สมาคมผู้ค้าปลีกไทย เผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้ค้าปลีก เดือนมิ.ย.68 ลดลงต่อเนื่อง ทำ New Time Low ในรอบ 42 เดือน สะท้อนภาพกำลังซื้อในประเทศยังเปราะบาง

ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน
ธรีดา ชาญยิ่งยงค์- นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์ และทางเทคนิค #9501
ชุติกาญจน์ สันติเมธวิรุฬ, CISA – นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน และทางเทคนิค #37928
ภัทรดนัย จตุรพร – นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน #094041
พศุตม์ โงวิวัฒน์ชัย, CISA – นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน #127632
ฐนพงษ์ แซ่โล้ – ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
ชนพัฒน์ สุวิยานนท์ – ผู้ช่วยนักวิเคราะห์