สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(15 กรกฎาคม 2568)----------ธนาคารกรุงไทย เปิดตัวบริการ “ขายกองทุนได้เงินทันที” หรือ Real-Time Settlement ครั้งแรกในไทย ผู้ลงทุนสามารถรับเงินเข้าบัญชีได้แบบเรียลไทม์หลังขายกองทุน ทุกวัน ผ่านแอปฯ Krungthai NEXT สร้างทางเลือกใหม่ ในการบริหารสภาพคล่อง ตอบโจทย์การลงทุนยุคดิจิทัล

นายรวินทร์ บุญญานุสาสน์ ผู้บริหารสายงานธุรกิจตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า ธนาคารกรุงไทยเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบโจทย์และยกระดับประสบการณ์การลงทุนให้สอดรับกับพฤติกรรมของนักลงทุนยุคใหม่ ที่ให้ความสำคัญกับการบริหารสภาพคล่องอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยผลิตภัณฑ์การลงทุนที่หลากหลาย ล่าสุด เปิดตัวบริการ “ขายกองทุนกับธนาคารกรุงไทยได้เงินทันที” (Real-Time Settlement) เพิ่มความยืดหยุ่นในการจัดการกระแสเงินสด รองรับทั้งการพักเงินระยะสั้นและการบริหารการเงินฉุกเฉิน บริการดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของ Krungthai Real-Time Settlement Solution ที่ธนาคารพัฒนาขึ้น เพื่อสนับสนุนการเคลื่อนย้ายเงินลงทุนระหว่างสินทรัพย์ต่างๆ เช่น หุ้นกู้ พันธบัตร ทองคำ อัตราแลกเปลี่ยนและกองทุนรวม โดยเชื่อมระบบนิเวศการลงทุนแบบไร้รอยต่อ รองรับกลยุทธ์การลงทุนที่ยืดหยุ่นในทุกสถานการณ์

บริการ “ขายกองทุนกับธนาคารกรุงไทยได้เงินทันที” ธนาคารจะเป็นผู้รับซื้อหน่วยลงทุนจากลูกค้า โดยลูกค้าจะทราบราคาขายก่อนทำรายการ ที่ได้รับการปรับด้วยต้นทุนการบริหารจัดการของธนาคารแล้ว ทั้งนี้การขายหลัง cut-off time ของกองทุนฯ ธนาคารจะใช้การประมาณการ NAV ของวันทำการถัดไป ด้วยบริการ“ขายกองทุนได้เงินทันที” จะมีความแตกต่างจากการขายกองทุนตลาดเงินแบบมาตรฐานที่ต้องรอ 1 วันทำการ (T+1) ตามราคา NAV ของกองทุนที่บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ประกาศ

จุดเด่นของบริการ “ขายกองทุนได้เงินทันที”
1. รับเงินทันที ขายหน่วยลงทุนผ่านแอป Krungthai NEXT ได้ ทุกวัน ไม่เว้นวันหยุด รวมทั้งที่สาขาทั่วประเทศ
2. สภาพคล่องสูง ถอนเงินจากกองทุนได้ทันทีเมื่อจำเป็น เพิ่มความยืดหยุ่นในการบริหารกระแสเงินสด
3. ทราบราคาขายล่วงหน้า เห็นราคาขายก่อนยืนยันรายการ มั่นใจทุกการตัดสินใจ

บริการ “ขายกองทุนได้เงินทันที” เริ่มให้บริการกับ กองทุนเปิดกรุงไทยตราสารตลาดเงินภาครัฐ (KTSV-KTB) ซึ่งบริหารโดย บลจ.กรุงไทย (KTAM) โดยกองทุนดังกล่าวมีระดับความเสี่ยงต่ำสุด (ระดับ 1) ลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐเป็นหลัก เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการบริหารสภาพคล่องระยะสั้น หรือใช้เป็นจุดพักเงิน ระหว่างรอโอกาสเข้าลงทุนในสินทรัพย์อื่น