Equality for All
SCC : บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย
2Q25 คาดกำไรปกติยังฟื้นตัว q-q จากการฟื้นตัวของทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ : สรุปได้ดังนี้
กลุ่มซีเมนต์ : ในไทยยังได้ผลบวกจากการปรับราคาขายขึ้นเป็น 400 บาท/ ตัน ตั้งแต่เดือน มี.ค. ที่ผ่านมาจะยังส่งผลบวกต่อภาพการดำเนินงานให้ดีขึ้น แต่คาดว่าการปรับขึ้นราคาขายจะยังไม่ได้ผลบวกเต็มที่จากงานในมือที่รอส่งซึ่งยังเป็นราคาเก่า แต่จะได้ส่วนช่วยจากราคาต้นทุนพลังงานลดลง ขณะที่ปริมาณขายคาดจะหดตัวเล็กน้อย q-q ตามปัจจัยฤดูกาล แต่ในส่วนตลาดต่างประเทศนั้นการดำเนินงานดีขึ้นจากปริมาณขายเพิ่มขึ้น
กลุ่มปิโตรเคมี : คาดการดำเนินงานดีขึ้น q-q เช่นกันทั้งจากปริมาณขายเพิ่มขึ้น ประกอบกับส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ทั้ง PE, PP และ PVC (รูปที่ 1) ดีขึ้นตามราคานาฟทาที่ลดลงหนุนให้อัตรากำไรดีขึ้นต่อเนื่อง แม้ในส่วนโรงงาน LSP จะยังหยุดผลิต จากส่วนต่างราคาที่ยังไม่คุ้มทุนได้ เราคาดจะมีขาดทุนสต็อกราว -800 ลบ. ตามราคาน้ำมันที่ลดลง
กลุ่มบรรจุภัณฑ์ : การดำเนินงานคาดดีขึ้นเช่นกันจากปริมาณขายเพิ่มขึ้น ต้นทุนการผลิตลดลง รวมถึงการดำเนินงานของ Fajar ที่มี EBITDA ดีขึ้นจากการปรับปรุงประสิทธิภาพภายใน
คาดมีรายการพิเศษจำนวนสูงจากการขาย CAP : SCC แจ้งตลาดฯว่าบริษัทลูก (SCGC) จะมีการปรับเปลี่ยนนโยบายการลงทุนใน PT Chandra Asri Pacific TBK (CAP) จากบริษัทร่วมเป็นการลงทุนอื่น ซึ่งเดิมถือหุ้นอยู่ 30.57% เหลือ 20% ทำให้ไตรมาส 2 นี้คาดจะบันทึกรายการพิเศษจากการลดสัดส่วนการถือหุ้นดังกล่าวซึ่งประกอบด้วย
1.กำไรจากการเข้าซื้อโรงกลั่นของเชลล์ในสิงคโปร์ (Aster Energy) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนกับ CAP “เป็นบวก”
2.CAP เริ่มรับรู้การดำเนินงานของ Aster เข้ามาหลังซื้อกิจการ “เป็นลบ”
3.ปรับมูลค่ายุติธรรมของ CAP หลังถือเหลือเพียง 20% “เป็นบวก”
ซึ่งคาดว่า 3 รายการพิเศษที่เกิดขึ้นจะมีจำนวนที่มาก และมีนัยต่อการดำเนินงาน
LSP จะกลับมาผลิตหากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์กลับมาที่ 400 เหรียญ/ ตัน อีกครั้ง : ผบห. แจ้งว่าโรงงาน LSP จะกลับมาผลิตได้หากส่วนต่างราคา HDPE-นาฟทา กลับมาอยู่ที่ระดับ 400 เหรียญ/ ตัน ได้ราว 1-2 เดือน ซึ่งจะช่วยลดผลขาดทุนของ LSP ลงได้ ปัจจุบันแม้ส่วนต่างราคาจะยืนระดับ 400 เหรียญ/ ตัน ได้แต่ยังคงมีความผันผวน อย่างไรก็ตาม คาด LSP จะถึงจุดคุ้มทุนได้ในปี 2026 ส่วนโครงการปรับมาใช้อีเทนเป็นวัตถุดิบนั้นจะเป็นการช่วยลดต้นทุนการผลิตให้ลดลงจะเริ่มปลายปี 2027 เป็นต้นไป
จุดต่ำสุดผ่านไปแล้ว
“คาดการประชุมวานนี้ยังยืนยันการดำเนินงานว่าผ่านจุดต่ำสุดมาแล้วจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ที่ดีขึ้นตามราคาน้ำมันที่ปรับลง ขณะที่ภายในยังเน้นควบคุมต้นทุน, ควบคุมเงินลงทุนให้เข้มงวดและมีประสิทธิภาพ ประกอบกับการลดภาระหนี้ลง ขณะที่ในส่วนสินทรัพย์ที่มีอยู่ยังอาจมีการขายเพิ่มเติมได้
ราคาหุ้นปัจจุบันปรับขึ้นมาสะท้อนปัจจัยบวกต่าง ๆ ที่จะทยอยเกิดขึ้นมา แต่เรายังมีมุมมองบวกต่อการดำเนินงานว่าจะมีแนวโน้มดีขึ้น และราคาหุ้นซื้อขายบน P/BV เพียง 0.6 เท่า มีส่วนลดมากเกินไป ยังพอเก็งกำไรได้จากแนวโน้มงบทียังดีต่อ ขณะที่นักลงทุนระยะยาวแนะทยอยสะสมเมื่อราคาอ่อนตัวได้ ”
นารี อภิเศวตกานต์
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐาน #17971
naree.a@liberator.co.th