Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

บล.เอเซีย พลัส : Market Talk

96

 


36% ตกใจตื่น!!! ขยี้ตาก็ยังไม่หาย
TOP PICK CPALL/ GUNKUL

EXTERNAL FACTOR
• อัตราภาษีของประเทศต่างๆที่ประกาศมาเบื้องต้น 14 ประเทศ ได้แก่ ญี่ปุ่น (25%),เกาหลีใต้ (25%), มาเลเซีย (25%), คาซัคสถาน (25%), แอฟริกาใต้ (30%), ลาว(40%), พม่า (40%), ตูนิเซีย (25%), บอสเนีย (30%), อินโดนีเซีย (32%), บังกลาเทศ(35%), เซอร์เบีย (35%), กัมพูชา (36%), ไทย (36%)
• ความเสี่ยงของ TRADE TARIFF สหรัฐฯกับประเทศต่างๆ ที่อยู่ในช่วงการเจรจาก่อนถึงวันมีผลบังคับใช้ จะเพิ่มระดับความกังวลต่อโอกาสเกิดเศรษฐกิจถดถอยอีก 1 ปีข้างหน้า ในหลายประเทศ นำโดยสหรัฐฯ อยูที่ 40% (เดิม 20%), ญี่ปุ่นอยู่ที่ 35% (เดิม30%) รวมถึงไทยอยูที่ 30% (เดิม 10%)


INTERNAL FACTOR
• สหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีตอบโต้ไทย 36% ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. ถือเป็นปัจจัยเข้ามากดดันซ้ำเติมเครื่องยนต์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยที่อ่อนแรงอยู่แล้ว อาจแรงหนักกว่าเดิมในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคการลงทุน (I) และการค้าระหว่างประเทศ (NX)
• หากสถานการณ์เลขร้ายมากกว่าเดิม อาจเห็นสำนักเศรษฐกิจต่างๆ ทยอยปรับลดคาดการณ์ GDP GROWTH ของไทยในระยะถัดไปได้ อย่างไรก็ตาม ยังคาดหวังว่าจะเห็นนโยบายการเงินและการคลังจะเข้ามาช่วยลดผลกระทบเชิงลบที่เกิดขึ้น ผ่านการปรับลดดอกเบี้ย อีกราว 1-2 ครั้ง รวมถึงหวังพึ่งการใช้จ่ายภาครัฐฯ เพิ่มสูงขึ้น


INVESTMENT STRATEGY
• ตื่นเช้ามาช็อคกับตัวเลขภาษีตอบโต้จากสหรัฐที่ 36% ถือว่าเป็นระดับที่สูงในเชิงเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ ถือเป็นความท้าทายกับประเทศไทยที่พึ่งพิงการส่งออกเป็นหลัก แต่ในมุมตลาดหุ้นกำไรบริษัทจดทะเบียนในกลุ่มทิอิงกับการส่งออกไปสหรัฐ4 SECTOR หลัก AGRI, FOOD, PETRO, ETRON มีสัดส่วน 3.3%ของ MARKETCAP,3.1% ของรายได้ และ 1.1% ของกำไร (ด้วยสมมุติฐานส่งออกไปสหรัฐประมาณ 18% ของรายได้) ดังนั้นDOWNSIDE ต่อตลาดฯ ในเชิงตัวเลขสำหรับประเด็นนี้กดดัน SET INDEX ให้ลดลงได้ราว -3% สำหรับประเด็นการส่งออกไปสหรัฐหดหายไปจาก 4 SECTOR นี้
• แนะหลบเข้าหุ้นดอกเบี้ยขาลง และหุ้นอิงปัจจัย 4 : MTC, SAWAD, TISCO, SPALI, SIRI, BDMS, BH, BCH

 

 


TRADE TARIFF กลับมากดดันประเทศต่างๆรวมถึงไทย
วานนี้ สหรัฐส่งจดหมายไปยังหลายประเทศถึงอัตราภาษีการค้าที่จะมีผลตั้งแต่ 1 ส.ค.68 ซึ่งประเทศส่วนใหญ่ได้อัตราภาษีใกล้เคียงช่วงประกาศภาษีการค้าตอบโต้ และภาษีที่ประกาศอยู่ในระดับ 25-40% สูงกว่าเวียดนามที่ 20%โดยอัตราภาษีของประเทศต่างๆที่ประกาศมาเบื้องต้น 14 ประเทศ ได้แก่ ญี่ปุ่น (25%), เกาหลีใต้ (25%), มาเลเซีย(25%), คาซัคสถาน (25%), แอฟริกาใต้ (30%), ลาว (40%), พม่า (40%), ตูนิเซีย (25%), บอสเนีย (30%), อินโดนีเซีย(32%), บังกลาเทศ (35%), เซอร์เบีย (35%), กัมพูชา (36%), ไทย (36%) แต่หากรวมภาษีจากกลุ่ม BRICS ที่จะโดนเพิ่ม 10% ทำให้ไทยเคราะห์ร้ายถูกเก็บแพงกว่าประเทศอื่นๆ

ซึ่งวัตถุประสงค์หลักเชื่อว่าสหรัฐฯ ต้องการกดดันให้ประเทศต่างๆ ผ่อนคลายเพิ่มเติมต่อการนำเข้าสินค้าสหรัฐฯรวมถึงไทยที่อาจถูกกดดันให้นำเข้าสินค้าต่างๆเพิ่มขึ้น ซึ่งที่ไทยเสนอให้สหรัฐฯ คือ สินค้าเกษตรและอุตสาหกรรม,พลังงาน, เครื่องบิน BOEING และอาจต้องให้อัตราภาษีนำเข้ากับสินค้าสหรัฐฯ 0% ในหลายรายการ(รายละเอียดเพิ่มเติมกล่าวในหัวข้อถัดไป)

ดังนั้นด้วยความเสี่ยงของ TRADE TARIFF สหรัฐฯกับประเทศต่างๆ ที่อยู่ในช่วงการเจรจาก่อนถึงวันมีผลบังคับใช้ จะเพิ่มระดับความกังวลต่อโอกาสเกิดเศรษฐกิจถดถอยอีก 1 ปีข้างหน้า ในหลายประเทศ นำโดยสหรัฐฯ อยูที่ 40% (เดิม20%), ญี่ปุ่นอยู่ที่ 35% (เดิม 30%) รวมถึงไทยอยูที่ 30% (เดิม 10%) ซึ่งมาจากปัญหาเงินเฟ้อ ที่มีโอกาสเร่งตัวขึ้นในช่วง 2H68ในหลายประเทศ

BIRTH BUT WITH “ไทย”
สหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีตอบโต้ไทย 36% ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. ถือเป็นปัจจัยเข้ามากดดันซ้ำเติมเครื่องยนต์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยที่อ่อนแรงอยู่แล้ว อาจแรงหนักกว่าเดิมในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคการลงทุน (I) และการค้าระหว่างประเทศ (NX)
(-) INVESTMENT: I ยอดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) มีความเสี่ยงลดลง หลังอัตราภาษีของไทยมีแนวโน้มสูงประเทศเพื่อนบ้าน อย่างเวียดนาม อินโดนีเซีย มาเลเซีย เป็นต้น ซึ่งอาจเห็นการย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศเหล่านี้แทน ถึงแม้ข้อมูลในอดีตจะบ่งชี้ว่าช่วงปี 2024 ยอดขอรับการส่งเสริม FDI จะพุ่งสูง 8.3 แสนล้านบาทบวกกับมูลค่า FDI ต่อ GDP ของไทยจะโดดเด่นในช่วง TRADE WAR 1(ภาพเหล่านี้อาจเลือนหายไป)


(-) NET EXPORTS: NX การค้าระหว่างประเทศมีแนวโน้มลดลง (ส่งออก - นำเข้า) หากไทยมีการส่งออกสินค้าไปสหรัฐฯ ลดลง และนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น จนกดดันดุลการค้าระหว่างไทยและสหรัฐฯ อาจทำให้เศรษฐกิจบ้านเรามีรายได้ลดลงตามไปด้วย ขณะที่ในช่วงปี 2024 ไทยมี NX ราว 6.2 แสนล้านบาท ส่วนดุลการค้ากับสหรัฐฯ
ไทยเกินดุลราว 1.2 ล้านล้านบาท


นอกจากนี้ ผลพวงที่องค์ประกอบ GDP ทั้ง 2 ส่วนได้รับผลกระทบ ในท้ายที่สุดภาคการบริโภคคงหลีกเลี่ยงได้ยาก

(-) CONSUMPTION: C เสี่ยงกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจไทยในช่วง 2H68 ขณะที่ ธปท. ประเมินกรณี WORSTCASE ไทยถูกสหรัฐฯ เก็บภาษี 36% อาจทำให้เศรษฐกิจไทยในปี 2025 ขยายตัวได้แค่ 1.3%


และหากสถานการณ์เลขร้ายมากกว่าเดิม อาจเห็นสำนักเศรษฐกิจต่างๆ ทยอยปรับลดคาดการณ์ GDP GROWTHของไทยในระยะถัดไปได้ อย่างไรก็ตาม ยังคาดหวังว่าจะเห็นนโยบายการเงินและการคลังจะเข้ามาช่วยลดผลกระทบเชิงลบที่เกิดขึ้น ผ่านการปรับลดดอกเบี้ยในช่วง 2H68 อีกราว 1-2 ครั้ง รวมถึงหวังพึ่งการใช้จ่ายภาครัฐฯ เพิ่มสูงขึ้น


สำหรับหุ้นที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากประเด็น TARIFFS
(-) เป็นลบต่อ : หุ้นส่งออกถูกกดดัน DELTA, CCET, KCE, HANA, TU, ITC, COCOCO, SAPPE หุ้นอิงการลงทุนWHA, AMATA, ROJNA
(+) เป็นบวกต่อ : หุ้นได้ประโยชน์ดอกเบี้ยขาลง หุ้นปันผลสูง TIDLOR, MTC, SAWAD, KKP, TISCO, SPALI, LH,SIRI หุ้นปัจจัย 4 DEFENSIVE BDMS, BH, BCH

SHOCK กับเลข 36% แต่เชิงตัวเลขน่าจะส่งผลต่อ DOWNSIDE SET ราว 3%
ตื่นเช้ามาช็อคกับตัวเลขภาษีตอบโต้จากสหรัฐที่ 36% ถือว่าเป็นระดับที่สูงในเชิงเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ ถือเป็นความท้าทายกับประเทศไทยที่พึ่งพิงการส่งออกเป็นหลักแต่ในมุมตลาดหุ้นกำไรบริษัทจดทะเบียนในกลุ่มทิอิงกับการส่งออกไปสหรัฐ 4 SECTOR หลัก AGRI, FOOD,PETRO, ETRON มีสัดส่วน 3.3%ของ MARKET CAP, 3.1% ของรายได้ และ 1.1% ของกำไร (ด้วยสมมุติฐานส่งออกไปสหรัฐประมาณ 18% ของรายได้) ดังนั้น DOWNSIDE ต่อตลาดฯ ในเชิงตัวเลขสำหรับประเด็นนี้กดดัน SETINDEX ให้ลดลงได้ราว -3% ด้วยประเด็นการส่งออกไปสหรัฐหดหายไปจาก 4 SECTOR นี้


แนะหลบเข้าหุ้นดอกเบี้ยขาลง และหุ้นอิงปัจจัย 4 : MTC, SAWAD, TISCO, SPALI, SIRI, BDMS, BH, BCH

 


Research Division
จัดทำโดย
ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้