วันอังคารที่ผ่านมาดัชนีปรับตัวขึ้น หลังได้รับความชัดเจนเกี่ยวกับสถานการณ์การเมือง จากศาลรัฐธรรมนูญมีมติรับค าร้อง กรณี สว. ยื่นถอดถอนนายกและมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 68 เป็นต้นไปซึ่งตลาดได้ตอบรับข่าวทางการเมืองไปพอสมควรแล้ว ทำให้ดัชนีปรับตัวขึ้นสูงสุดราว +20 มีแรงซื้อน าโดยหุ้นDELTA ซึ่งหนุนดัชนีราว +8 จุด ตามด้วยแรงซื้อในหุ้นกลุ่มพลังงาน ธนาคาร และไอซีที ส่งผลให้ดัชนีSET Index ปิดตลาดที่ 1,110.01 จุด +20.45 จุด +1.88% มูลค่าการซื้อขาย 41,714.05 ลบ. Program Trading -412.28 ลบ. ต่างชาติ -776.06 ลบ. TFEX +7,146 สัญญา ตราสารหนี้-3,419.37 ลบ.

ปัจจัยบวก
+ ดัชนีดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 400.17 จุด หรือ +0.91% แต่ดัชนี Nasdaq และS&P500 ปิดในแดนลบจากแรงขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่มีมาร์เก็ตแคปสูง ขณะที่นักลงทุนประเมินผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากร่างกฎหมายภาษีของปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ รวมทั้งจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ย
+ สัญญ าน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 34 เซนต์ ห รือ +0.52% ปิดที่65.45 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังมีข้อมูลบ่งชี้ว่าภาคการผลิตของจีนกลับมาขยายตัวซึ่งทำให้นักลงทุนมีมุมมองบวกเกี่ยวกับแนวโน้มอุปสงค์น้ำมัน อย่างไรก็ดี นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนรู้ผลการประชุมของกลุ่มโอเปกพลัส ในวันที่ 6 ก.ค.นี้
+ วุฒิสภาสหรัฐฯ มีมติด้วยคะแนนเสียงฉิวเฉียด 51 ต่อ 50 อนุมัติร่างกฎหมายปรับลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและนิติบุคคล รวมทั้งการใช้จ่ายขนานใหญ่ที่นำเสนอโดยปธน.ทรัมป์
+ สหรัฐฯ เปิดเผยผลสำรวจการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน(JOLTS) พบว่า ตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน ซึ่งเป็นมาตรวัดอุปสงค์ในตลาดแรงงานเพิ่มขึ้น 374,000 ตำแหน่ง สู่ระดับ 7.769 ล้านตำแหน่งในเดือนพ.ค. สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 7.30 ล้านต าแหน่ง จากระดับ 7.395 ล้านตำแหน่งในเดือนเม.ย.
+ สหรัฐฯ เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตปรับตัวขึ้นสู่ระดับ49.0 ในเดือนมิ.ย. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 48.8 จากระดับ 48.5
ในเดือนพ.ค. ดัชนีที่ต่ำกว่าระดับ 50 บ่งชี้ถึงภาวะหดตัวของภาคการผลิต
+ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 52.9ในเดือนมิ.ย. สูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2565 จากระดับ 52.0 ในเดือนพ.ค.

ปัจจัยลบ
- คริสติน ลาการ์ด ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) เห็นว่าเศรษฐกิจโลกมีความไม่แน่นอนต่อไปอีก ซึ่งมีแนวโน้มจะทำให้เงินเฟ้อมีความผันผวนมากขึ้น และจำเป็นที่ ECB จะต้องดำเนินมาตรการที่เข้มแข็งยิ่งขึ้นเพื่อรักษาระดับราคาให้อยู่ใกล้เคียงเป้าหมาย
- ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ เสนอแนวคิดที่จะเพิ่มอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากญี่ปุ่น โดยคาดการณ์ว่าจะสูงถึง 30% หรือ 35% ซึ่งเป็นท่าทีล่าสุดในการกดดันพันธมิตรสำคัญของสหรัฐฯ ท่ามกลางการเจรจาการค้าระหว่างสองประเทศที่ชะงักงัน
- เจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ( FED ) กล่าวว่า FEDอาจใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้นในขณะนี้แล้วหากไม่ใช่เป็นเพราะปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ออกมาตรการเรียกเก็บภาษีศุลกากร
-สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เผยว่า ภาพรวมดัชนีราคาผู้ผลิตของไทยเดือนมิถุนายน 2568 เทียบกับเดือนเดียวกันปี 2567 หดตัวจากอุปสงค์ของ
ตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศที่ชะลอตัว ต้นทุนในภาพรวมที่ปรับตัวลดลงประกอบกับค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น
- ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หยุดปฏิบัติหน้าที่ จากกรณีคลิปเสียงสนทนากับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภาและอดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา

แนวโน้มตลาดวันนี้
คาดดัชนีวันนี้แกว่งตัวผันผวนระหว่างวัน โดยยังมี Overhang ทางการเมือง หลังศาลรัฐธรรมนูญ มีมติ 9 ต่อ 0 รับค าร้องส.ว.ปมคลิปฮุนเซน และมีมติ 7 ต่อ 2 สั่งนายกฯ แพทองธารหยุดปฏิบัติหน้าที่ มองกรอบดัชนีในวันนี้ 1,100-1,120จุด

กลยุทธ์การลงทุน
• สหรัฐโจมตีอิหร่าน : IRPC PTT PTTEP SPRC TOP
• หุ้นที่ได้ประโยชน์จาก Virtual Bank : SCB ADVANC OR TRUE
• เที่ยวไทยคนละครึ่ง : AWC MINT ERW CENTEL SHR