ราคาพลังงานชะลอตัว
เหตุการณ์ตะวันออกกลางผ่อนคลาย ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบ, ก๊าซ รวมถึงค่าระวางเรือ ลดลงแรง เป็นลบต่อกลุ่มพลังงานต้นน้ำ, โรงกลั่น และเดินเรือ
ขณะที่อาจกระตุ้นแรงเก็งกำไรหุ้นที่ใช้พลังงานสูง เช่น กลุ่มโรงไฟฟ้า
ราคาหมูปรับตัวลงเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน เป็นปัจจัยลบต่อหุ้นกลุ่มหมู

สถานการณ์ตะวันออกกลางผ่อนคลายลง ส่งผลให้ราคาพลังงานในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวลดลงแรง โดยราคาน้ำมันดิบ -12%w-w, ราคาก๊าซธรรมชาติ -7%w-w คาดเป็นแรงกดดันต่อกลุ่มพลังงานต้นน้ำ ขณะที่เป็นบวกต่อธุรกิจที่ใช้พลังงานสูง เช่น กลุ่มโรงไฟฟ้า, กลุ่มขนส่ง

ส่วนราคาส่วนต่างน้ำมันกลั่นก็ปรับลดลงเช่นกัน ทั้งส่วนต่างน้ำมันเบนซิน, น้ำมันดีเซล และน้ำมันเครื่องบิน ซึ่งเพิ่มแรงกดดันต่อกลุ่มโรงกลั่น ขณะที่ส่วนต่างปิโตรเคมี ฟื้นตัวขึ้นโดยมีแรงขับเคลื่อนทั้งราคาขายที่เพิ่มขึ้น และราคาต้นทุนที่ปรับลดลง ผสานกับอานิสงส์บวกจากความคืบหน้าประเด็นการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน ดังนั้นอาจมีแรงเก็งกลุ่มปิโตรเคมีมากขึ้น

ส่วนดัชนีค่าระวางเรือ ปรับลดลงแรงเช่นกัน -9.9% หลังประเด็นตะวันออกกลางไม่ได้รุนแรงถึงขั้นการปิดช่องแคบฮอร์มุซ ถือเป็นจิตวิทยาเชิงลบระยะสั้นต่อหุ้นในกลุ่มเดินเรือ
ด้านราคาสินค้าเกษตรส่วนใหญ่ยังคงปรับลดลงต่อเนื่อง ทั้ง ข้าวสาลี (-7.3%), กากถั่วเหลือง (-4.6%), ข้าวโพด (-2.6%) และน้ำมันปาล์ม (-2.1%)ส่วนราคาเนื้อสัตว์ พบว่า ราคาหมูยังคงปรับตัวลดลง -2.4%w-w ลดต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน จากอุปทานที่เพิ่มมากขึ้น และสภาพอากาศเข้าสู่ช่วงฤดูฝนคาดเพิ่มแรงกดดันต่อหุ้นกลุ่มเนื้อหมูต่อเนื่อง

Commodity Pick : GULF
ราคาเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ ( 60 บาท)
คาดแนวโน้มธุรกิจยังเติบโตเด่น ทั้งจากธุรกิจพลังงานที่ยังมี โครงการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผสานกับการนำเข้า LNG เพิ่มเติมจะช่วยการประหยัดต้นทุนมากยิ่งขึ้นในช่วงถัดไป
ส่วนธุรกิจดิจิตอลมีความต้องการสูง โดยเริ่มรับรู้รายได้จาก Data Center เฟสแรกในช่วง 3Q25
ฐานะการเงินแกร่งหลังควบรวม INTUCH ส่งผลให้ D/E ratio ลดสู่ 0.8 เท่าจากเดิมที่ 1.8 เท่า

วิจิตร อารยะพิศิษฐ
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์ #44799
Wijit.A@liberator.co.th