ACTION = REACTION ลงเท่าไหร่จะเอาคืนให้หมด
TOP PICK CK / PTT / TASCO
EXTERNAL FACTOR
• วานนี้ตลาดหุ้นโลกปรับตัวขึ้นกันถ้วนหน้า โดยเฉพาะ SET INDEX พุ่งขึ้นแรงราว +3.5% จากสัญญาณความเสี่ยงตะวันออกกลางผ่อนคลายลง หลังข้อตกลงหยุดยิง อิสราเอล-อิหร่านมีผลบังคับใช้แล้ว และถูกปธน. ทรัมป์ สั่งห้ามให้ทุกฝ่ายละเมิด
• หลังจากสงครามตะวันออกกลางสงบลง น่าจะเห็นการกลับมา FOCUS ที่ประเด็น นโยบายภาษีสหรัฐฯ มากขึ้น เนื่องจากมีผลกระทบโดยตรงต่อแนวโน้มเงินเฟ้อ ภาพรวมเศรษฐกิจ การกำหนดทิศทางดอกเบี้ย ตลอดจนความกังวล STAGFLATION
• ประธาน FED ยังคงส่งสัญญาณ “ไม่รีบลดดอกเบี้ย” อยู่ในช่วง WAIT & SEE
INTERNAL FACTOR
• รมว.คลังได้เปิดเผยว่า ไทยได้ขอขยายกรอบเวลาภาษีนำเข้า แต่ยังไม่มีการตอบรับ จากสหรัฐฯ(กำหนดเดิม คือ 8 ก.ค.68) ขณะที่วานนี้ปลัดพลังงานเซ็นสัญญาร่วม ลงทุน ALASKA LNG กับสหรัฐ 2 ล้านตันต่อปี สัญญาครอบคลุม 20 ปี ถือเป็น ปัจจัยผ่อนคลายต่อเศรษฐกิจไทยและสร้าง SENTIMENT เชิงบวก SET
• วันนี้ติดตามการประชุม กนง.ที่ CONSENSUS คาดว่าจะคงดอกเบี้ยไว้ระดับเดิม 1.75% (มีเพียง 5 คนที่คาดลดดอกเบี้ยลง 25 BPS. จากทั้งหมด 21 คน)ซึ่ง กนง . คงรอประเมินผลกระทบจากภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯตั้งแต่ช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้
INVESTMENT STRATEGY
• วานนี้ SET ฟื้นแรง 3.5% OUTPERFORM กว่าหุ้นโลก (MSCI ACWI) +1.3% แต่ภาพตลอด 1 เดือนกว่าๆ ที่ การเมืองไทยร้อนแรงมาก (ช่วง 14 พ.ค. –24 มิ.ย. 68) SET ยัง LAGGARD -9.4% กว่าMSCI ACWI +3.6%
• นอกจากนี้ยังเห็นสัญญาณความกลัวของนักลงทุนลดลง จากต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิหุ้นไทย 2 วัน และยามที่ SET INDEX ย่อตัวลง แต่จำนวนหุ้นไทยกลับมี RSI ทำ OVERSOLD ลดลง แสดงให้เห็นถึง นักลงทุนมีความ กลัวประเด็นต่างๆ รวมถึงประเด็นการเมืองลดลง คล้ายๆ กับช่วงเวลาเดียวกัน 2 ปีที่ผ่านมา หวังว่า SET INDEX ระยะ 2 –3 เดือน อาจรีบาวน์ในระดับ 100 –200 จุด เหมือนกับในอดีต แนะนำเก็งกำไรหุ้นลงลึก แต่ ปัจจัยกดดันเริ่มผ่อนคลาย AOT, BH, CRC, CK, CCET, TU, WHA, GULF, BGRIM, PTT, PTTGC
สงครามตะวันออกกลายผ่อนคลาย...ไม่วายกลับมากังวลสงครามการค้า
วานนี้ตลาดหุ้นโลกปรับตัวขึ้นกันถ้วนหน้า โดยเฉพาะ SET INDEX พุ่งขึ้นแรงราว +3.5% สวนทางราคาน้ำมันดิบ - 6% จากสัญญาณความเสี่ยงตะวันออกกลางผ่อนคลายลง หลังข้อตกลงหยุดยิงอิสราเอล-อิหร่านมีผลบังคับใช้แล้ว และถูกสั่งห้ามให้ทุกฝ่ายละเมิดจาก ปธน. ทรัมป์
หากพิจารณาจากข้อมูลตั้งแต่ปี 2566 ช่วงที่มีความไม่สงบในวันออกกลาง มักจะกดดันตลาดหุ้นไทยราว -20 ถึง - 81 จุด แต่เมื่อสถานการณ์ผ่อนคลายขึ้น มักเห็นการรีบาวด์ขึ้นราว +35 ถึง +53 จุด ขณะที่เหตุการณ์ล่าสุดสงคราม อิหร่าน-อิสราเอล 12 วัน กดดัน SET ราว -79 จุด และเมื่อมีการยุติลง คาดหวังเห็น SET ฟื้นตัวได้เฉกเช่นในอดีต
หลังจากสงครามตะวันออกกลางสงบลง น่าจะเห็นการกลับมา FOCUS ที่ประเด็นนโยบายภาษีสหรัฐฯ มากขึ้น เนื่องจากมีผลกระทบโดยตรงต่อแนวโน้มเงินเฟ้อ ภาพรวมเศรษฐกิจ การกำหนดทิศทางดอกเบี้ย ตลอดจนความ กังวล STAGFLATION
ขณะที่ท่าทีล่าสุดของประธาน FED ยังคงส่งสัญญาณ “ไม่รีบลดดอกเบี้ย” อยู่ในช่วง WAIT & SEE ข้อมูลต่างๆ หลัง เศรษฐกิจสหรัฐฯ แข็งแกร่ง พร้อมกับยอมรับว่า นโยบาย TARIFF “ไม่มีประสบการณ์ในอดีตให้เทียบเคียง” ทำให้การ ประเมินผลกระทบเต็มไปด้วยความไม่แน่น อย่างไรก็ตาม เป้าหมายของ FED ยังคงพยายามรักษาสมดุลการทำให้ การจ้างงานเต็มศักยภาพ และการรักษาเสถียรภาพของราคา สำหรับในมุมมองของตลาดยังคงคาดว่า FED จะลด ดอกเบี้ย 2 ครั้งภายในปี 2025 โดยเริ่มเดือน ก.ย. 68 มากกว่าเดือน ก.ค. 68
ปัจจัยในประเทศมีอะไรน่าติดตามบ้าง ... มาดูกัน
วานนี้ ครม.ไฟเขียวงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจกว่า 1.15 แสนล้านบาท คาดดัน GDP GROWTH โตเพิ่ม 0.4% ครอบคลุม 4 ด้านเศรษฐกิจ(รายละเอียดใน MARKET TALK วานนี้)ซึ่งโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง เปิดให้ประชาชน ลงทะเบียนคืนนี้(เริ่มใช้สิทธิ 4 ก.ค.68) บวกกับรัฐบาลชุดปัจจุบันเดินหน้าปรับ ครม. (เหลือตรวจสอบคุณสมบัติ) ทำ ให้ประเด็นการเมืองในสภาผ่อนคลายระดับหนึ่ง ซึ่งหลังจากนี้สิ่งที่ต้องติตตาม สำหรับประเด็นการเมือง คือ
• 1 ก.ค. 68 ลุ้นศาลรัฐธรรมนูญพิจารณารับ-ไม่รับ คำร้องถอดถอนนายกฯ พร้อมสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่
• 3 ก.ค. 68 เปิดประชุมสภา พรรคภูมิใจไทยเตรียมยื่นขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ
• 4-30 ก.ค. 68 ศาลฯ นัดไต่สวนเรียกพยาน 20 ปากเข้าสู่การไต่สวน คดี "ทักษิณ" ชั้น 14
• 13-15 ส.ค. 68 พิจารณาร่างงบประมาณปี 2569 วาระที่ 2-3
ส่วนประเด็น TRADE TARIFF ระหว่างไทย-สหรัฐฯ ล่าสุด รมว.คลังได้เปิดเผยว่า ไทยได้ขอขยายกรอบเวลาภาษี นำเข้า แต่ยังไม่มีการตอบรับจากสหรัฐฯ(กำหนดเดิมของการผ่อนผันมาตรการภาษีตอบโต้ ครบ 90 วันในวันที่ 8 ก.ค.68) ขณะที่วานนี้ปลัดพลังงานเซ็นลงทุน ALASKA LNG กับสหรัฐ 2 ล้านตันต่อปี สัญญาครอบคลุม 20 ปีซึ่ง ถือเป็นความคืบหน้าต่อการเจรจากับสหรัฐฯ อีกทั้งหากเลื่อนวันมีผลบังคับใช้ได้ จะถือเป็นปัจจัยผ่อนคลายต่อ เศรษฐกิจไทยและสร้าง SENTIMENT เชิงบวก SETโดยหุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์โดยตรง คือ
TARIFF PLAY : CCET, ITC, TU, WHA, DELTA
LNG PLAY : IRPC, GULF, BGRIM, EGCO, PTT, PTTGC
ขณะที่วันนี้เตรียมติดตามการประชุม กนง.ที่ BLOOMBERG CONSENSUS คาดว่าจะเห็นการคงดอกเบี้ยไว้ระดับ เดิม 1.75%(มีเพียง 5 คนที่คาดลดดอกเบี้ยลง 25 BPS. จากทั้งหมด 21 คน) ซึ่งกนง .คงรอประเมินผลกระทบจาก ภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯ และเศรษฐกิจไทยยังไม่ชะลอลงอย่างมีนัยสำคัญ(GDP GROWTH QOQ ยังบวก) ทำให้ BOND YIELD 10Y ของไทยอยู่ต่ำว่า POLICY RATE เล็กน้อยเท่านั้น เพียง 6 BPS. ส่วนมุมมองฝ่ายวิจับฯคาดว่า กนง.อาจมีโอกาสลดดอกเบี้ยสัก 1 ครั้ง 25 BPS.ตั้งแต่ไตรมาส 3 เป็นต้นไป จากการเริ่มเห็นผลกระทบที่ชัดเจนของ TRADE TARIFF
เห็นสัญญาณ ความกลัวจากนักลงทุนลดลง แนะเพิ่มน้ำหนักพอร์ต
วานนี้ SET ฟื้นแรง 3.5% OUTPERFORM กว่าหุ้นโลก (MSCI ACWI) +1.3% แต่ภาพตลอด 1 เดือนกว่าๆ ที่ การเมืองไทยร้อนแรงมาก (ช่วง 14 พ.ค. –24 มิ.ย. 68) SET ยัง LAGGARD -9.4% กว่าMSCI ACWI +4.0%
นอกจากนี้ยังเห็นสัญญาณความกลัวของนักลงทุนที่ลดลง จากต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิหุ้นไทย 2 วันทำการ และ แม้ ยามที่ SET INDEX จะย่อตัวลง แต่จำนวนหุ้นไทยกลับมี RSI ทำ OVERSOLD ลดลง แสดงให้เห็นถึง นักลงทุนมีความ กลัวประเด็นต่างๆ รวมถึงประเด็นการเมืองลดลง คล้ายๆ กับช่วงเวลาเดียวกัน 2 ปีที่ผ่านมา ทำให้คาดหวังว่า SET INDEX ระยะ 2 – 3 เดือน อาจรีบาวน์ในระดับ 100 – 200 จุดได้ หากปัจจัยต่างๆ ผ่อนคลายต่อเนื่อง เหมือนกับใน อดีต แนะนำเก็งกำไรหุ้นลงลึก แต่ปัจจัยกดดันเริ่มผ่อนคลาย AOT, BH, CRC, CK, CCET, TU, WHA, GULF, BGRIM, PTT, PTTGC
Research Division
จัดทำโดย
ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์