คาด SET Index แกว่งตัวออกข้าง : คาดแรงหนุนมาจากข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอิสราเอล-อิหร่านที่มีแนวโน้มดำเนินต่อไป และแรงส่งจากโครงการภาครัฐ หากแต่มองทางขึ้นจำกัดจากความกังวลทิศทางนโยบายการเงินสหรัฐฯ รวมถึง กนง. วันนี้มีแนวโน้มเป็นแรงกดดันมากกว่าแรงส่ง

แนวรับ-ต้าน

1,090-1,110

กลยุทธ์การลงทุน
1) คาด กนง. คงดอกเบี้ย : BBL, KBANK, KTB, SCB
2) โครงการภาครัฐ : CENTEL, CPALL, CPAXT, ERW, MINT, PYLON, SCC, STECON, UNIQ
3) Anti comm. : BGRIM, GPSC, SCGP
4) Selective : ADVANC, DELTA, GULF, HANA, IVL, KCE, PTTGC

มาตรการคลังมาแล้ว แต่การเงินอาจกดดัน

ทรัมป์ นำความสงบสุขมาสู่โลก : คาด Sentiment หนุนยังคงมาจากความคลายกังวลสงครามในตะวันออกกลาง แม้วานนี้อิสราเอลเผยว่าได้ตรวจพบการยิงขีปนาวุธจากอิหร่านเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ ขณะที่อิหร่านรายงานว่าขีปนาวุธของอิสราเอลได้โจมตีอิหร่านประมาณ 90 นาทีหลังข้อตกลงมีผล หากแต่หลังจากนั้น นายกฯอิสราเอลได้ออกแถลงการณ์ว่าหลังจากที่ได้หารือกับปธน.ทรัมป์ อิสราเอลจะระงับการโจมตีเพิ่มเติม ส่งผลให้ข้อตกลงหยุดยิงมีแนวโน้มดำเนินต่อไป นอกจากนี้ ยังมีสัญญาณเชิงบวกจากการที่ปธน.ทรัมป์ ระบุว่าจีนสามารถซื้อน้ำมันจากอิหร่านได้ต่อไป ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าสหรัฐฯกำลังผ่อนคลายนโยบายกดดันต่ออิหร่าน

 ครม. เคาะแล้ว 1.15 แสนล้านบาท : คาดโครงการภาครัฐเป็นแรงหนุน หลังวานนี้รองนายกฯและรมว.คลังพร้อมคณะ เผยครม.ได้มีมติเห็นชอบข้อเสนอโครงการ/รายการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.15 แสนล้านบาท ได้แก่ ด้าน 1) โครงสร้างพื้นฐานด้านน้ำและคมนาคม 8.5 หมื่นล้านบาท 2) การท่องเที่ยว 1 หมื่นล้านบาท 3) ลดผลกระทบภาคการส่งออก เพิ่มผลิตภาพ และดิจิทัล 1.1 หมื่นล้านบาท และ 4) เศรษฐกิจชุมชนและอื่นๆ 9 พันล้านบาท ซึ่งเม็ดเงินข้างต้นคาดจะทำให้เกิดการจ้างงาน 7.4 ล้านคน และส่งผลให้ GDP ขยายตัวเพิ่มขึ้น 0.4% นอกจากนี้ เม็ดเงินข้างต้นยังรวมถึงโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง 5 แสนสิทธิ์ ที่จะเปิดให้นักท่องเที่ยวลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.68 และเดินทางได้ตั้งแต่วันที่ 4 ก.ค.-31 ต.ค.68 โดย ททท. คาดมีนักท่องเที่ยวเดินทางไม่น้อยกว่า 1 แสนคน สร้างรายได้ให้แก่ภาคธุรกิจท่องเที่ยวกว่า 1.4 หมื่นล้านบาท หนุนเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางในช่วงเดือนก.ค.-ต.ค.68 เป็น 69.3 ล้านคน-ครั้ง เพิ่มขึ้น 2.67 ล้านคน-ครั้ง จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

 สหรัฐฯไม่รีบลดดอกเบี้ย ส่วนไทยรอดู กนง. : มองทางขึ้นจำกัดจากความกังวลทิศทางนโยบายการเงินสหรัฐฯ หลังปธ.เฟดส่งสัญญาณว่าไม่ได้เร่งรีบที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากกำลังรอความชัดเจนเกี่ยวกับผลกระทบของมาตรการเรียกเก็บภาษีศุลกากรที่มีต่อเงินเฟ้อ และกำลังจับตาทิศทางเศรษฐกิจ ขณะที่การประชุมกนง.วันนี้มีแนวโน้มเป็นแรงกดดันมากกว่าแรงส่ง โดยทางฝ่ายคาดคงอัตราดอกเบี้ยที่ 1.75 เพื่อรักษา Policy space ไว้รับมือกับเศรษฐกิจใน 2H68

ปัจจัยเพิ่มเติม

 (+) ครม. มีมติเห็นชอบกรอบวงเงินงบประมาณ 2,055 ล้านบาท สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 9-20 ธ.ค.68 ณ กทม. และปริมณฑล จ.ชลบุรี และ จ.สงขลา

 (+) ส.อ.ท. เผยเดือนพ.ค.68 มีรถยนต์ที่ผลิตได้ทั้งสิ้น 139,186 คัน เพิ่มขึ้น10.32% y-y เป็นการเพิ่มขึ้นเป็นเดือนแรกในรอบ 21 เดือน เป็นผลมาจากการผลิตรถยนต์ BEV และ PHEV ที่เพิ่มขึ้น

 (-) คาดหุ้นในกลุ่มพลังงานจะถูกกดดันจากน้ำมันดิบ WTI ที่ปรับลง 6.04% ปิดที่ 64.37 ต่อบาร์เรล จากความคลายกังวลสถานการณ์ในตะวันออกกลาง

  (-) พรรคภูมิใจไทย เผยว่าที่ประชุมร่วมระหว่างคณะกรรมการบริหารพรรคและส.ส.พรรคฯ มีมติว่าหลังจากเปิดสมัยประชุมสภาในวันที่ 3 ก.ค.68 พรรคฯ จะยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจตามรธน.มาตรา 151 ต่อนายกฯ