Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

ดีลอยท์เปิดรายงาน Private Equity 2025 Almanac เจาะลึกศักยภาพการลงทุนในภาคเอกชนไทย

91

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (24 มิถุนายน 2568 )-----ดีลอยท์ได้เผยแพร่รายงาน Private Equity (PE) 2025 Almanac – ฉบับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งนำเสนอข้อมูลอุตสาหกรรมในเชิงลึก การวิเคราะห์แนวโน้ม และข้อคิดเห็นเกี่ยวกับการลงทุนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยอ้างอิงจากฐานข้อมูลเฉพาะของดีลอยท์เกี่ยวกับสถานการณ์การลงทุนโดยกองทุน Private Equity โดยรายงานฉบับนี้ชี้ให้เห็นถึงบทบาทที่โดดเด่นของประเทศไทยในมุมมองของการลงทุนโดยกองทุน Private Equity ในภูมิภาคนี้

 

ในปี 2567 สถานการณ์การลงทุนโดยกองทุน Private Equity ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีการเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์ การลงทุนโดยกองทุน Private Equity มีจำนวนธุรกรรมลดลง แต่มูลค่าการลงทุนในภูมิภาคนี้กลับเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมีนัยสำคัญ สะท้อนถึงแนวโน้มของนักลงทุนที่ให้ความสำคัญกับการลงทุนในธุรกรรมที่มีขนาดใหญ่และมูลค่าสูงขึ้น

 

การลงทุนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยกองทุน Private Equity มีจำนวน 69 ธุรกรรมคิดเป็นมูลค่าการลงทุนทั้งสิ้น 9.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2567 ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจาก 87 ธุรกรรมและมูลค่าการลงทุน 5.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2566 นอกจากนี้ รายงานยังระบุว่า สัดส่วนของมูลค่าการลงทุนโดยกองทุน Private Equity ในภูมิภาคนี้เมื่อเทียบกับทั้งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกนั้นมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา จากร้อยละ 3.7 ในปี 2565 เป็นร้อยละ 4.1 ในปี 2566 และเพิ่มเป็นร้อยละ 6.8 ในปี 2567

 

การเพิ่มขึ้นของธุรกรรมการซื้อกิจการ (Buyout) ขนาดใหญ่และการนำบริษัทจดทะเบียนออกจากตลาดหลักทรัพย์ (Public-to-Private: P2P) ทำให้ขนาดเฉลี่ยมูลค่าลงทุนในภูมิภาคนี้เพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่า จาก 168 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2566 เป็น 325 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2567

 

ธุรกรรม P2P มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยมีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นถึง 10 เท่า จาก 176 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2566 เป็น 2.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2567 แม้จำนวนธุรกรรมจะลดลงร้อยละ 28 แต่มูลค่าการลงทุนกลับเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 55 ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์ของนักลงทุน และนำไปสู่โอกาสในการควบรวมและซื้อกิจการที่มีมูลค่าสูงขึ้นในภูมิภาคนี้

 

ในปี 2567 การลงทุนในภาคธุรกิจเทคโนโลยี สื่อ และโทรคมนาคม (TMT) ยังคงครองสัดส่วนสูงสุดในภูมิภาคนี้ โดยคิดเป็นประมาณร้อยละ 52 ของมูลค่าการลงทุนทั้งหมด ซึ่งเป็นผลมาจากบทบาทที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของภูมิภาคนี้ในฐานะศูนย์กลางด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) และศูนย์ข้อมูล

 

สิงคโปร์ยังคงครองอันดับหนึ่งในการเข้าลงทุนโดยกองทุน Private Equity ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตามด้วยอินโดนีเซีย โดยทั้ง 2 ประเทศนี้มีสัดส่วนรวมกันร้อยละ 65 ของจำนวนธุรกรรมทั้งหมด และคิดเป็นร้อยละ 80 ของมูลค่าการลงทุนทั้งหมดในภูมิภาคนี้ สะท้อนถึงสถานะความสำคัญของสิงคโปร์ในการลงทุนระดับภูมิภาค และความสำคัญอย่างยิ่งต่อนักลงทุนสถาบันที่ต้องการจัดสรรเงินลงทุนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

 

สำหรับประเทศไทยยังคงมีจำนวนธุรกรรมการลงทุนเพิ่มขึ้นในปี 2567 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยมีการลงทุนโดยกองทุน Private Equity ในภาคอุตสาหกรรมคิดเป็นครึ่งหนึ่งของจำนวนธุรกรรมทั้งหมด ขณะที่อีกครึ่งหนึ่งอยู่ในภาคการศึกษา โดย บริษัท Dymon Asia ได้ลงทุนในโรงเรียนนานาชาติ ซึ่งมีจำนวน 2 แห่งในไทย

แม้จะมีแรงกดดันทางเศรษฐกิจมหภาคทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง ดีลอยท์ยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มปี 2568 ทั้งนี้ คาดว่าปัจจัยบวกในไตรมาส 4 ปี 2567 ยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนการเติบโตในปี 2568 นองจากนี้ยังมีแรงสนับสนุนจากปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งของภูมิภาคนี้และความสนใจจากนักลงทุนที่ยังคงมีอย่างต่อเนื่อง

 

จามิล ราซา ไซเอด Private Equity Leader ดีลอยท์ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า "ความตึงเครียดด้านกำแพงภาษีและภูมิรัฐศาสตร์ทั่วโลกที่ยังดำเนินอยู่ ก่อให้เกิดความผันผวนทั้งในตลาดการเงินและธุรกรรมการควบรวมและซื้อกิจการ (M&A) ส่งผลให้ผู้จัดการกองทุนเพิ่มความระมัดระวังและเริ่มทบทวนกลยุทธ์การลงทุน ในระยะสั้น การลงทุนอาจเกิดความล่าช้าเนื่องจากความไม่แน่นอน อย่างไรก็ตาม มุมมองระยะยาวของการลงทุนโดยกองทุน Private Equity ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังคงเป็นบวก ด้วยปัจจัยบวกด้านโครงสร้างประชากรและตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจที่เอื้อต่อการเติบโต ประกอบกับแนวโน้มการปรับลดดอกเบี้ยลงในหลายประเทศในภูมิภาคนี้ การสะสมเงินทุนจำนวนมากที่พร้อมสำหรับโครงการลงทุน และการพัฒนาอย่างเป็นรูปธรรมของระบบนิเวศของกองทุน Private Equity คาดว่าจะยังคงเห็นการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของธุรกรรมการลงทุนในกลุ่มนี้ในช่วงปี 2568"

 

คาดว่าการลงทุนในประเทศไทยจะยังคงได้รับความสนใจโดยเพาะอย่างยิ่งในภาคเศรษฐกิจดิจิทัล ศูนย์ข้อมูล และการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างพลังงาน ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มของภูมิภาคนี้ที่นักลงทุนให้ความสำคัญกับโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีและพลังงานสีเขียวมากขึ้น

 

พรพรรณ เวสารัชเวศย์ พาร์ทเนอร์ แผนกการควบรวมและซื้อขายกิจการ (M&A) ดีลอยท์ ประเทศไทย กล่าวเสริมว่า "สัดส่วนการลงทุน โดยกองทุน Private Equity ที่เพิ่มขึ้นของไทยในภูมิภาคนี้สะท้อนถึงศักยภาพทางเศรษฐกิจของประเทศ ตลอดจนความเชื่อมั่นระยะยาวของนักลงทุนต่อปัจจัยพื้นฐานของไทย โดยคาดว่าจะเห็นแนวโน้มการลงทุนอย่างต่อเนื่องในภาคอุตสาหกรรม การศึกษา และโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยี เช่น ศูนย์ข้อมูล โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการที่เชื่อมโยงกับ AI ซึ่งมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว"

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

บทความล่าสุด

ตะวันออกกลาง คลี่คลาย By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ สถานการณ์ตะวันออกกลาง คลี่คลาย ตลาดหุ้นต่างประเทศ ปรับตัวเพิ่มขึ้น รวมถึงตลาดหุ้นไทยเช่นกัน..

NAM ผนึกกลุ่ม PRINC ลุยขยายธุรกิจ Serviso ทั่วประเทศ

NAM ผนึกกลุ่ม PRINC ลุยขยายธุรกิจ Serviso ทั่วประเทศ

มัลติมีเดีย

รู้จักพร้อมเปิดพื้นฐาน NUT ก่อนเทรด 11 มิ.ย.- สายตรงอินไซด์ - 9 มิ.ย.68

รู้จักพร้อมเปิดพื้นฐาน NUT ก่อนเทรด 11 มิ.ย.- สายตรงอินไซด์ - 9 มิ.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้