Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

บล.ทิสโก้ : มูลค่าการส่งออกไทยเดือน พ.ค. ขยายตัว 18.4% YoY

537

 

 

ECONOMICS : มูลค่าการส่งออกไทยเดือน พ.ค. ขยายตัว 18.4% YoY สูงสุดในรอบ 38 เดือน ขณะที่การนำเข้าโต 18.0% สะท้อนการส่งสินค้าผ่านไทยที่ยังต่อเนื่อง และผลบวกจากการบังคับใช้ภาษีตอบโต้ที่ล่าช้า


การส่งออกไปตลาดสำคัญขยายตัวได้ดี โดยเฉพาะตลาดสหรัฐฯ จีน และยุโรป ด้านสินค้าอิเล็คทรอนิกส์ยังโตดีต่อเนื่อง ส่วนสินค้าเกษตรพลิกกลับมาบวก

• การส่งออกภายใต้ระบบศุลกากรในเดือน พ.ค. พลิกกลับมาเกินดุลที่ 1.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากที่ขาดดุล -3.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในเดือนก่อน โดยมูลค่าการส่งออกสินค้า อยู่ที่ 31,044.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขยายตัว 18.4% YoY (vs. 10.2% เดือนก่อน) ขณะที่ การนำเข้าขยายตัว 18.0% YoY (vs. 16.1% เดือนก่อน) อยู่ที่ 29,928.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

• การส่งออกและนำเข้าภายใต้ระบบศุลกากรในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2025 ขยายตัวที่ 14.9% และ 11.3% ตามลำดับ หากพิจารณาเฉพาะภาคเศรษฐกิจจริง (หักสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับ ทองคำ น้ำมัน และยุทธปัจจัย) การส่งออกสินค้า ในเดือน พ.ค. ขยายตัวแข็งแกร่งที่ 20.3% YoY ส่งผลให้การส่งออกในภาคเศรษฐกิจจริงในช่วง 5M25 ขยายตัว 13.9% ส่วนดุลการค้าในช่วง 4 เดือนขาดดุลสุทธิ -1.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

• อุปสงค์จากประเทศคู่ค้าหลักยังคงแข็งแกร่ง โดยการส่งออกไปยังตลาดหลักขยายตัวในระดับเลขสองหลักที่ 19.0% YoY (vs. 12.7% เดือนก่อน) โดยหากพิจารณารายละเอียด พบว่าการส่งออกไปยังตลาดสหรัฐฯ ขยายตัว 35.1% YoY (vs. 28.3% เดือนก่อน) ตลาดจีนขยายตัว 28.0% YoY (vs. 3.2% เดือนก่อน) และตลาดสหภาพยุโรป-27 ขยายตัว 16.6% YoY (vs. 6.1% เดือนก่อน) ขณะที่การส่งออกไปยังตลาด CLMV ชะลอลงเล็กน้อยที่ 20.8% YoY (vs. 25.2% เดือนก่อน) แต่ยังถือว่าอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง

• หากพิจารณาตามลักษณะของสินค้า การส่งออกสินค้าเกษตรพลิกกลับมาขยายตัวได้เป็นครั้งแรกหลังจากหดตัวต่อเนื่อง 4 เดือนที่ 6.8% YoY (vs. -19.6% เดือนก่อน) ขณะที่การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมเกษตรยังคงแข็งแกร่งที่ 10.1% YoY (vs. 9.1% เดือนก่อน) โดยสินค้าที่ขยายตัวได้ดี ได้แก่ ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็ง แห้ง และบรรจุกระป๋อง ซึ่งขยายตัว 11.8% YoY (vs. -29.0% เดือนก่อน) และไก่สด แช่เย็น แช่แข็ง และแปรรูป ขยายตัว 9.3% YoY (vs. 8.6% เดือนก่อน) ในทางกลับกัน การส่งออกข้าวหดตัวที่ -9.9% YoY (vs. -44.0% เดือนก่อน) และการส่งออกยางพาราหดตัวที่ -7.8% YoY (vs. 22.5% เดือนก่อน)

• ด้านสินค้าอุตสาหกรรม การส่งออกขยายตัว 22.9% YoY (vs. 16.6% เดือนก่อน) ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 14 โดยสินค้าสำคัญที่หนุนการขยายตัวได้แก่ คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ ซึ่งขยายตัว 104.0% YoY (vs. 75.1% เดือนก่อน) รถยนต์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ ขยายตัว 15.3% YoY (vs. -7.8% เดือนก่อน) ผลิตภัณฑ์ยางขยายตัว 34.2% YoY (vs. 15.9% เดือนก่อน) และแผงวงจรรวมอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Integrated Circuits) ขยายตัว 41.4% YoY (vs. 39.0% เดือนก่อน) ขณะที่การส่งออกอุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์ และไดโอด ยังคงหดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 15 ที่
-32.1% YoY (vs. -33.1% เดือนก่อน) เช่นเดียวกับการส่งออกเม็ดพลาสติก (-4.4% YoY vs. -5.6% เดือนก่อน) โทรศัพท์และส่วนประกอบ (-20.8%) และไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ (-9.5%) ที่ยังคงอยู่ในภาวะอ่อนแอ

• ด้านการนำเข้า: การนำเข้าสินค้าทุน (41.1% YoY vs. 27.5% เดือนก่อน) สินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป (19.3% vs. 17.4% เดือนก่อน) และยานพาหนะและอุปกรณ์การข่นส่ง (23.8% vs. -0.6% เดือนก่อน) ปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่การนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภค (10.1% vs. 11.9% เดือนก่อน) ชะลอตัวลงเล็กน้อย อย่างไรก็ดี การนำเข้าสินค้าเชื้อเพลิง (-11.8% vs. 1.7% เดือนก่อน) พลิกหดตัว

การส่งออกรวมในเดือน พ.ค. โตดีกว่าที่คาดไว้มาก แต่การนำเข้าก็โตสูงเช่นกัน โดยเฉพาะหมวดคอมพิวเตอร์ที่โตสูงทั้งส่งออกและนำเข้า สะท้อนว่าไทยเป็นทางผ่านของสินค้าจากต่างประเทศ ด้านอัตราภาษีที่แท้จริงที่สหรัฐฯ จัดเก็บแม้ปรับขึ้นบ้าง แต่ยังไม่สูงอาจเป็นอีกปัจจัยหนุน

• ตัวเลขการส่งออกสินค้าในเดือน พ.ค. รายงานออกมาสูงกว่าที่เราคาดการณ์ โดยเฉพาะการส่งออกที่ไม่รวมทองคำ น้ำมัน และยุทธปัจจัย ปรับตัวเพิ่มขึ้นค่อนข้างแข็งแรง โดยกระทรวงพาณิชย์ระบุว่า การชะลอการบังคับใช้ภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) ของปธน. ทรัมป์ ส่งผลให้การส่งออกยังสามารถเร่งขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง ในอัตราที่แข็งแรงเมื่อเทียบจะเทียบกับเขตเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเซีย อาทิ ไต้หวัน (+24%), เวียดนาม (+17%), สิงคโปร์ (+7%), จีน (+5%), เกาหลีใต้ (-1%) และอินเดีย (-2%)

• การส่งออกสินค้าในเดือน เม.ย. แม้ว่าจะโตได้ในระดับเลขสองหลัก แต่ถือว่าทำได้น่าผิดหวัง เนื่องจากแรงส่งออกการเร่งส่งออกไปยังตลาดสหรัฐฯ เริ่มแผ่ว การส่งออกสินค้าเกษตร โดยเฉพาะข้าวและมันสำปะหลังยังหดตัวแรงต่อเนื่อง อีกทั้งทุเรียนที่คาดว่าจะช่วยหนุนได้กลับเป็นปัจจัยฉุด ดังนั้น หากมองไปในเดือนข้างหน้าที่อัตราภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ เริ่มมีผลบังคับใช้แล้วนั้น คาดว่ายอดการส่งออกในระยะต่อจากนี้จะเผชิญกับความจริงที่โหดร้าย คือจะเริ่มชะลอตัวลงแรง และอาจเห็นการหดตัวในระดับเลขสองหลักได้ในช่วงครึ่งหลังของปี

• เราคงประมาณการเศรษฐกิจไทยไว้ที่ 1.4% ในปี 2025F และ 1.4% ในปี 2026F และยังคาดว่าการส่งออกในช่วงครึ่งปีหลังจะมีแนวโน้มหดตัว ซึ่งจะส่งผลให้ตัวเลขทั้งปีขยายตัวได้ราว 2% ด้านความเสี่ยงต่อประมาณการโน้มไปทางด้านต่ำจากสงครามการค้าที่ยังไม่แน่นอนสูง จำนวนนักท่องเที่ยวที่อาจลดลง และภาวะความไม่แน่นอนทางการเมืองในประเทศที่สูงขึ้นอาจส่งผลต่อแรงส่งทางการคลัง

• จากตัวเลขการส่งออกที่ดีกว่าคาด และการต่อรองด้านภาษีศุลกากรที่ยังอยู่ในขั้นตอนการเจรจา เราประเมินว่า กนง. มีแนวโน้มที่จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.75% ตามเดิมในการประชุมสัปดาห์หน้า (25 มิ.ย.) ขณะที่เรายังคงประเมินว่า กนง. มีแนวโน้มที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงได้อีก 2 ครั้ง ครั้งละ 0.25% ในช่วงครึ่งหลังของปี (Q3 และ Q4 ไตรมาสละครั้ง) ส่งผลให้ดอกเบี้ยนโยบาย ณ สิ้นปี 2025 จะอยู่ที่ 1.25% ขณะเดียวกัน มองว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะต่อเนื่องไปยังครึ่งแรกของปี 2026 โดยมองว่า กนง. จะปรับลดเพิ่มเติมอีก 2 ครั้งในช่วงครึ่งแรกของปี 2026 ดังนั้น อัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยในปีหน้าคาดว่าจะลดลงไปอยู่ที่ระดับ 0.75%

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

PTG คว้าหุ้นยั่งยืน "ระดับสูงสุด AAA" จาก SET ESG Ratings ปี 2568

PTG คว้าหุ้นยั่งยืน "ระดับสูงสุด AAA" จาก SET ESG Ratings ปี 2568

IND ส่งต่อพลังบุญ มอบรถกระบะให้วัดป่าลัน ใช้สืบสานงานศาสนา

IND ส่งต่อพลังบุญ มอบรถกระบะให้วัดป่าลัน ใช้สืบสานงานศาสนา

มัลติมีเดีย

หุ้นอินไซด์ทอลค์ : อัพเดทชีวิต WGE

หุ้นอินไซด์ทอลค์ : อัพเดทชีวิต WGE

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้