---เริ่มกระเตื้องขึ้นบ้าง แต่ก็ยังซบเซา---
ยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ยังเป็นลบใน 2Q25-QTD โดย SSSG ของ HomePro ในไทยคาดว่าจะติดลบเลขหลักเดียวตอนปลาย ขณะที่ Mega Home คาดว่าจะติดลบเลขหลักเดียวตอนต้นถึงกลาง ส่วนในมาเลเซียคาดว่าจะติดลบในระดับเลขสองหลักตอนต้น ทั้งนี้ในไทยยังไม่พบความต้องการซื้อเพิ่มเติมในกลุ่มสินค้าซ่อมแซมบ้านหลังเหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อ 28 มี.ค.25
SSSG เดือนมิ.ย.กระเตื้องขึ้น ทั้งนี้ SSSG ของ HomePro เดือนมิ.ย.25 ติดลบน้อยลงเป็นประมาณ -5% (จากแย่สุดที่ -10% ในเดือนเม.ย.) ส่วน SSSG ของ Mega Home ยังติดลบในเดือนเม.ย.-พ.ค. แต่เริ่มกลับมาเป็นบวกเล็กน้อยในเดือนมิ.ย.25
คาดกำไรสุทธิ 2Q25F ทรงตัวถึงขยับขึ้นเล็กน้อยเทียบ YoY ที่ประมาณ 1.6-1.7 พันล้านบาท (จาก 1.62 พันล้านบาทใน 2Q24) ทั้งนี้แม้ว่ายอดขายสาขาเดิมจะติดลบ แต่ยอดขายรวมเพิ่มเล็กน้อย YoY เป็นผลจากการขยายสาขาต่อเนื่อง และ GPM ดีขึ้นจากสัดส่วนยอดขายสินค้าแบรนด์ตนเองสูงขึ้น และสัดส่วนยอดขายเครื่องใช้ไฟฟ้า (ซึ่งมาร์จิ้นต่ำ) น้อยลง ด้าน SGA/ยอดขายคาดว่ายังอยู่ในระดับสูง
การแข่งขันในธุรกิจทวีความรุนแรงขึ้น จากการที่ผู้ประกอบการค้าปลีกวัสดุก่อสร้างมีการขยายสาขาต่อเนื่อง และจัดแคมเปญส่งเสริมการขายเพื่อบริหารจัดการสต๊อก ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่กดดันยอดขายสาขาเดิม (SSSG) นอกเหนือจากกำลังซื้อที่ซบเซา ภาวะเศรษฐกิจฟื้นตัวช้า
ได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นอัตราค่าแรงงานจำกัด รัฐบาลปรับขึ้นอัตราค่าแรงงานขั้นต่ำในกรุงเทพฯจาก 372 บาท/วัน เป็น 400 บาท/วัน มีผล 1 ก.ค.25 ซึ่ง HMPRO เปิดเผยว่าประมาณ 35%–40% ของสาขาทั้งหมดตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ และสาขาเหล่านี้สร้างรายได้คิดเป็นประมาณ 50% ของรายได้รวมของบริษัท อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารระบุว่าพนักงานส่วนใหญ่ในกรุงเทพได้อัตราค่าแรงงานสูงกว่า 400 บาท/วันอยู่แล้ว โดยมีเพียงประมาณ 10% ของพนักงานเท่านั้นที่อาจต้องมีการปรับค่าจ้างเพื่อรักษาระยะห่างจากอัตราค่าแรงขั้นต่ำที่ปรับขึ้น ซึ่งการปรับค่าแรงงานครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อกำไรของปี 25F ไม่ถึง 1% ของกำไรสุทธิ
คงคำแนะนำถือ ให้ราคาพื้นฐาน 8.40 บาท (DCF) ทั้งนี้มีสมมติฐาน SSSG ปีนี้ติดลบที่ -2.5%
นักวิเคราะห์&กลยุทธ์ : นันทิกา เวียงเพิ่ม : nantikawiang@dbs.com