AT THE OPEN (#ATO)

ปัจจัยทางการเมืองกดดันแต่มองย่อคือจังหวะซื้อ
Selective หุ้นรายตัวชอบ KBANK BCP

Market Strategy
SET ผันผวนในกรอบ 1100-1130 จุด กดดันจากสถานการณ์อิหร่าน-อิสราเอล การปรับ ครม. มีน้ำหนักมากกว่าปัจจัยทางเศรษฐกิจที่มีความคืบหน้าการเจรจาการค้าและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่วนการขึ้นค่าแรงผลจำกัด หุ้นเด่นเลือก KBANK BCP

คณะกรรมการค่าจ้าง มีมติขึ้นค่าแรงขั้นต่ำสำหรับทั่วกรุงเทพ 400 บาท ส่วนต่างจังหวัดปรับขึ้น 400 บาทเฉพาะกิจการโรงแรมระดับ 2 ดาวขึ้นไปและกิจการสถานบริการทั่วประเทศ มีผล 1 ก.ค. 68 ถือเป็นการปรับค่าแรง กทม. ขึ้น 7.5% จากรอบล่าสุด (1 ม.ค.68) ประเด็นนี้ผลกระทบต่อกำไรตลาดจำกัด แต่อาจสร้าง Sentiment ลบต่อกลุ่ม Labor Intensive อย่างกลุ่มรับเหมาฯ และโรงแรม แต่เราประเมิน Downside ต่อประมาณการกำไรปี 68 ไม่มาก โดย STECON กระทบ -3% CK -1% CENTEL -4% MINT -3% ERW -1% AWC -1% แต่ผลในทางปฏิบัติคาดต่ำกว่านี้จากการปรับตัวของผู้ประกอบการ ส่วนหุ้นที่ได้ ประโยชน์ชอบ OSP จากกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้น ราคาหุ้นซื้อขายบน PER68 14 เท่าต่ำค่าเฉลี่ย -2 S.D. พร้อมปันผลสูง 8%

การเจรจาการค้าระหว่างไทย-สหรัฐฯ ล่าสุด รมว.คลังเผยว่าได้เริ่มเจรจาอย่างเป็นทางการแล้ว ซึ่งจะมีการยื่นข้อเสนอเพิ่มเติมให้สหรัฐฯในสัปดาห์นี้ ความคืบหน้าข้างต้นเป็นบวก ซึ่งในมุมของเราคาดว่าจะปรับลดมาได้ที่ 10% ส่วนวันนี้ติดตามการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหญ่ พิจารณาโครงการวงเงิน 1.57 แสนล้านบาท ก่อนที่จะนำเสนอเข้าสู่ ครม. ในสัปดาห์หน้า ซึ่งโครงการที่เราคาดว่าจะอยู่ในการพิจารณาเช่น เที่ยวคนละครึ่งและโครงการซ่อมแซมโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ดีต่อ ERW CENTEL MINT STECON TASCO

Market Summary
SET Index ปรับลง 0.9 จุด กลุ่มที่ขึ้นเด่นเป็นการรีบาวน์ของหุ้นกลุ่มที่ลงแรงจากความกังวลต่อสงครามตะวันออกกลาง เช่น กลุ่มท่องเที่ยว +2.7% กลุ่มไฟแนนซ์ +1.2% กลุ่มค้าปลีก +0.7% หุ้นที่เข้าคำนวณใน SET50 ช่วง 2H68 TIDLOR +4% TCAP +0.5% KKP +1.6% ด้านกลุ่มที่กดดันคือ แรงขายทำกำไรกลุ่มน้ำมันและโรงกลั่น PTTEP -1.8% BCP +1.4% TOP -0.9% กลุ่มอิเล็คฯ จาก DELTA -1%

DAILY Stock Pick
KBANK
Top pick กลุ่มธนาคาร มี upside
จากเงินปันผลพิเศษ
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 175 บาท
คาดกำไร KBANK ในปี 68/69 เติบโต +2.9%YoY/5.6%YoY หนุนจาก Credit Cost ที่ลดลงและคุณภาพสินเชื่อที่ดีขึ้น โดยเฉพาะที่มีหลักประกัน อีกทั้งการเติบโตของรายได้ค่าธรรมเนียมต่างๆ อาทิ bancassurance, บริหารความมั่งคั่ง และ ค่าธรรมเนียม FX
คาดว่า KBANK มีโอกาสจ่ายเงินปันผลพิเศษหรือซื้อหุ้นคืน หลังผู้บริหารยังคงตั้งเป้าหมาย ROE ที่ 10% ในปี 69 โดย ณ ราคาปัจจุบัน ถูกซื้อขายที่ P/BV 68 ที่ 0.62 เท่า พร้อมกับเงินปันผลสูงถึง 8.3% ส่วนแรงหนุนระยะสั้นมองการประชุม FED ยังไม่ส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยฯ

KEY FACTOR
BOJ มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายตามที่ตลาดคาดการณ์ แต่ประกาศแผนการลดปริมาณการซื้อพันธบัตร (Tapering) ในอัตราที่ช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้เดิม โดยจะเริ่มลดการซื้อลงจาก 4 เหลือ 2 แสนล้านเยนต่อเดือน ในช่วงปี 2569 นอกจากนี้ยังออกมาตรการเสริมสภาพคล่องเพิ่มเติม ซึ่งตอกย้ำว่า BOJ ยังไม่เร่งรีบเข้มงวดด้านนโยบายการเงิน
USDJPY ยังแกว่งในกรอบจำกัด ในขณะที่ผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยยังคาดเป็นปัจจัยหนุน Yen Carry Trade การกู้เงินเยนดอกเบี้ยต่ำเพื่อลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า อย่างไรก็ตามผลกระทบโดยตรงอาจยังมีไม่มากนัก โดยตลาดน่าจะให้น้ำหนักไปที่ผลการประชุม Fed และ Dot Plot ที่บ่งชี้ทิศทางดอกเบี้ยระยะยาว

EYES ON
18 มิ.ย. ดัชนีราคาผู้บริโภค ยูโรโซน
19 มิ.ย. ประชุม FOMC
20 มิ.ย. ความเชื่อมั่นผู้บริโภคยูโรโซน

นักกลยุทธ์ : ธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์, ชาญชัย พันทาธนากิจ, ออมทรัพย์ โง้วศิริ