สำนักข่าวหุ้นอินไซด์( 16 มิถุนายน 2568 )----InnovestX บริษัทหลักทรัพย์ในกลุ่ม SCBX ออกบทวิเคราะห์ประจำวันที่ 16 มิถุนายน 2568   คาดตลาดแกว่งตัวลงต่อ มีแนวรับที่ 1118 และ 1100–1094 ตามลำดับ แนวต้านยังอยู่ที่ 1127 โดยสงครามในตะวันออกกลางกดดันตลาดหุ้นทั่วโลกรวมถึงไทย ขณะที่ปัจจัยในประเทศยังถูกกดดันจากกังวลเสถียรภาพทางการเมืองไทย และข่าวคิงเพาเวอร์ขอยกเลิกสัมปทานดิวตี้ฟรียังกดดัน AOT ต่อ

ประเด็นสำคัญ
• อิสราเอล-อิหร่านยังโจมตีตอบโต้ต่อเนื่อง โดยเป้าหมายการโจมตีของอิสราเอลขยายวงสู่โครงสร้างพื้นฐานพลังงานของอิหร่าน ส่วนการเจรจานิวเคลียร์ระหว่างอิหร่านและสหรัฐฯ เมื่อวันอาทิตย์ถูกยกเลิก ตลาดกังวลอุปทานน้ำมันในตะวันออกกลางถูกกระทบ
• IEA ประกาศพร้อมระบายน้ำมันสำรองหากจำเป็น โดยมีปริมาณน้ำมันสำรองฉุกเฉินกว่า 1.2 พันล้านบาร์เรล เทียบกับกำลังการผลิตของอิหร่านที่ 3.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน กรมธุรกิจพลังงานเผยไทยมีน้ำมันสำรองเพียงพอต่อการใช้ในประเทศ รองรับได้ 60 วัน
• สายการบินต่างๆ ประกาศยกเลิกหรือเปลี่ยนเส้นทางบินเพื่อหลีกเลี่ยงน่านฟ้าของอิสราเอล อิหร่าน อิรัก และจอร์แดน หลังอิสราเอล-อิหร่านโจมตี เรามองส่งผลลบต่อหุ้นท่องเที่ยวและ รพ. ระดับบน ซึ่งจะมีการชะลอเดินทางท่องเที่ยวและรักษาที่ไม่เร่งด่วน
• ติดตามอิหร่านโจมตีอิสราเอล รวมถึงในกรุงเทลอาวีฟซึ่งเป็นที่ตั้งของบริษัทเทคข้ามชาติ (Intel, Microsoft, Apple, Google) อีกทั้งเป็นผู้ผลิตด้านเซมิฯ รายใหญ่แห่งหนึ่งของโลก ทำให้ตลาดอาจกังวลห่วงโซ่อุปทานซึ่งจะกระทบต่อการดำเนินงานหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์
• วันนี้ฝ่ายบริหาร AOT เสนอบอร์ดถึงแนวทางแก้ปัญหากรณีคิงเพาเวอร์ (KPD) ขอปรับสัญญาดิวตี้ฟรี เรามองเป็นปัจจัย Overhang ธุรกิจสัมปทานที่เพิ่มขึ้นกดดันราคาหุ้นเสี่ยงลงต่อ ระยะเวลาแก้ไขปัญหาไม่แน่นอน ลดคำแนะนำสู่ Underperform
• วันศุกร์ กสทช. เห็นชอบคุณสมบัติผู้ยื่นคำขอรับใบอนุญาตประมูลคลื่นความถี่ย่าน 850MHz, 1500MHz, 2100MHz และ 2300MHz ซึ่งมีเอกชน 2 ราย ได้แก่ TUC ในเครือ TRUE และ AWN ในเครือ ADVANC โดย กสทช. จะได้เดินหน้าสู่การประมูลคลื่นในวันที่ 29 มิ.ย.

กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET แกว่งตัวผันผวน อยู่ระหว่างติดตามสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางและข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับประเทศคู่ค้าเพิ่มเติม (ญี่ปุ่น อินเดีย) หลังมีข้อสรุปเบื้องต้นกับจีนแล้ว รวมถึงการแจ้งอัตราภาษีแบบฝ่ายเดียวกับประเทศอื่นๆ ใน 1-2 สัปดาห์นี้ ขณะที่ปัจจัยภายในยังติดตามความไม่แน่นอนทางการเมือง (การปรับ ครม.) และการออกมาตรการกระตุ้น ศก. (เที่ยวไทยคนละครึ่ง และโครงการกระตุ้น ศก. 1.57 แสนลบ.) อย่างไรก็ดี เราเชื่อว่า ช่วงต้น เม.ย. SET ได้ปรับลงสะท้อนวิกฤติจากนโยบายเก็บภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ไปแล้ว (มอง SET ผ่านจุดแย่ที่สุดไปแล้วที่ Downside 1,032 จุด) และยังคงมุมมองว่าหากดัชนีปรับตัวลงมาบริเวณ 1100 ยังเป็นโอกาสทยอยซื้อสะสมสำหรับนักลงทุนระยะกลาง-ยาว กลยุทธ์ลงทุนคงแนะนำให้ “Selective Buy”

แนวรับ-ต้าน
1118/1094– 1127/1135

ล็อคเป้าลงทุนประจำสัปดาห์
มอง SET ผันผวน รอติดตามความชัดเจนจากหลายปัจจัย อาทิ สถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง, ความคืบหน้าการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และประเทศคู่ค้าเพิ่มเติม, อัตราภาษีฝ่ายเดียวจากสหรัฐฯ และปัจจัยการเมืองไทย กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy” ใน 4 ธีม หลักและ 3 ธีมเทรดดิ้ง ที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้
1. หุ้น Earnings Play ซึ่งโมเมนตัมกำไรยังเติบโตแข็งแกร่ง โดย 2Q68 คาดกำไรปกติจะเติบโตได้ทั้ง YoY และ QoQ แนะนำ ADVANC TRUE CPALL BTG CPF
2. หุ้น SET50 ที่มี SET ESG Ratings A ขึ้นไป พร้อมคาดให้ Div. Yield ตั้งแต่ 5% ขึ้นไป แนะนำ PTT KTB BBL HMPRO
3. หุ้นที่คาดเป็นเป้าหมาย ThaiESGX โดย 1) ปี 2568 คาดกำไรเติบโต YoY 2) ฐานะการเงินแกร่ง และ 3) จ่ายปันผลสม่ำเสมอ แนะนำ ADVANC BDMS CPALL PTT BCH BTG AP
4. หุ้นตั้งรับที่มีรายได้ในประเทศเป็นหลัก สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำและต้องการรอดูความชัดเจนของการดำเนินมาตรการภาษีของ ปธน. ทรัมป์ แนะนำ BCH CPALL GULF MTC OR TRUE
5. Trading Idea : นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงและต้องการเก็งกำไร แนะนำ 1) หุ้นที่ได้อานิสงส์จากราคาน้ำมันปรับขึ้นหลังเกิดความตึงเครียดในตะวันออกกลาง แนะนำ PTT PTTEP BCP 2) หุ้นที่ได้ประโยชน์หากรัฐออกมาตรการะกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่ม แนะนำ SCC SCCC STECON CK และ 3) หุ้นที่ได้อานิสงส์จากภาวะดอกเบี้ยขาลง แนะนำ กลุ่ม REITs (DIF), กลุ่มเช่าซื้อ (MTC TIDLOR) และกลุ่มโรงไฟฟ้า (GULF GPSC)

Daily top picks
PTTEP: มองเป็นหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมัน แนวโน้ม 2Q68 ผู้บริหารคาดว่าปริมาณขายใน 2Q68 จะเพิ่มขึ้น QoQ จากการปิดซ่อมบำรุงในไทยที่น้อยลงและการขายน้ำมันในโอมานและแอลจีเรียมากขึ้น และคาดว่าปริมาณขายจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องใน 2H68 วันนี้แนะนำซื้อราคาไม่เกินหุ้นละ 115 บาท

BCH: มองราคาหุ้นมีปัจจัยกระตุ้นจากการเป็นหุ้น Defensive และแนวโน้มรายได้ในเดือนเม.ย.-พ.ค.ของ BCH เติบโต YoY และ QoQ ถือว่าดีเพราะปกติแล้วไตรมาสที่ 2 จะเป็นโลว์ซีซัน คงมุมมองเชิงบวกว่ากำไรปกติของ BCH จะฟื้นตัวกลับมาเติบโต 15% ในปี 2568 เป็นการเติบโตที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มการแพทย์