Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

บล.คิงส์ฟอร์ด : บทวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นรายวัน

97

Market Wrap-Up

  • SET วันที่ 13 มิ.ย.68 ปิด -5.92 จุด อยู่ที่ 1,122.70 จุด มูลค่าการซื้อขาย 42,301 ลบ. สถาบันขาย 1,630 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 214 ลบ. ต่างชาติซื้อ 330 ลบ. และรายย่อยซื้อ 1,515 ลบ. NVDR มียอดขายสุทธิ 317 ลบ.โดยมียอดซื้อในหุ้น PTT,PTTEP,TTB,AOT,WHA และยอดขายหุ้น CPALL,GULF,KBANK,IVL,CRC มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 2,027 ลบ.หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ HMPRO,BCH,MINT โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Long ใน Index Futures จำนวน 23,424 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 68,956 สัญญา ต่างชาติขายสุทธิในตลาดพันธบัตรไทย 274 ลบ.
  • ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA -1.79%, S&P500 -1.13%, Nasdaq -1.30% จากแรงขายกลุ่มการเงิน -2.6%, บริการสื่อสาร -1.5% ขณะที่กลุ่มพลังงาน +1.72% จากความกังวลภาวะสงครามอิสราเอล - อิหร่าน ส่วน ม.มิชิแกนเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐ เบื้องต้น มิ.ย. ปรับขึ้นอยู่ที่ 4 & พ.ค. 49.0 ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 -0.89% จากแรงขายกลุ่มรถยนต์ -2.2%, ท่องเที่ยว & นันทนาการ -2% จากความกังวลภาวะสงครามในตะวันออกกลาง ขณะที่กลุ่มพลังงาน, ขนส่งทางเรือ และอุตสาหกรรมป้องกันประเทศปรับขึ้น  

Market View

  • DJIA -1.3%, S&P500 -0.4%, Nasdaq -0.6% WoW จากความกังวลต่อสถานการณ์ในตะวันออกกลาง หลังวันศุกร์ที่ผ่านมาอิสราเอลได้ยิงขีปนาวุธโจมตีเป้าหมายทางทหาร และโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน ส่งผลให้อิหร่านได้ปฏิบัติการยิงขีปนาวุธตอบโต้อิสราเอล ขณะที่ผลการเจรจาข้อตกการค้าเบื้องต้นกับจีนนั้น สามารถบรรลุข้อตกลงได้บางส่วน โดยสหรัฐยังคงการเก็บภาษีสินค้าจีนที่ 55% และจีนเก็บภาษีสินค้าสหรัฐที่ 10% ขณะที่นักลงทุนยังรอการเจรจาการค้ากับประเทศคู่ค้าหลัก ๆ ก่อนถึงเส้นตายวันที่ 8 ก.ค. ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจนั้น US CPI พ.ค. อยู่ที่ 4% ต่ำกว่าคาดที่ 2.5% YoY ส่งผลให้ตลาดคาดเฟดจะคงดอกเบี่ยในการประชุมวันที่ 18 มิ.ย. สัปดาห์นี้ 18 มิ.ย. ติดตามผลการประชุมเฟดคาดคงดอกเบี้ยที่ 4.25 – 4.5% และ Fed Dot Plot
  • Stoxx600 -1.57% WoW จากแรงขายกลุ่มยานยนต์ หลัง ปธน.ทรัมป์ขู่อาจปรับขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์ต่อไปอีก เพื่อดึงการผลิตกลับมายังตลาดสหรัฐ กอปรยังมีความไม่แน่นอนกับการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐ – สหภาพยุโรปว่าจะทันเส้นตายวันที่ 8 ก.ค. หรือไม่ ส่วนกลุ่มท่องเที่ยวปรับลดลง หลังเกิดเหตุการโจมตีกันระหว่างอิสราเอล - อิหร่าน ส่งผลให้สัญญาน้ำมันดิบ Brent +11.6% WoW และกลุ่มป้องกันประเทศ
  • MSCI Asia Picific X Japan Index +0.9% WoW โดยช่วงกลางสัปดาห์ตลาดหุ้นเอเชียปรับขึ้น รับข่าวสหรัฐ – จีนสามารถบรรลุข้อตกลงเบื้องต้น ในการลดข้อจำกัดการส่งออกแร่หายากของจีนและชิปของสหรัฐ แต่วันศุกร์ดัชนีปรับลดลง หลังเกิดเหตุอิสราเอลโจมตีทางอากาศต่อเป้าหมายทางทหาร และโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน ส่งผลให้ปัจจัยเสี่ยงสงครามในตะวันออกกกลางสูงขึ้น ขณะที่ดัชนีนิเกอิ +0.25% WoW ยังรอการหารือข้อตกลงการค้ากับสหรัฐ ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจจีนเช้านี้ติดตาม ยอดค้าปลีก, ผลผลิตภาคอุตฯ, การลงทุนสินทรัพย์ถาวร, ราคาบ้าน และอัตราว่างงาน พ.ค. / วันอังคาร การประชุม BOJ คาดคงดอกเบี้ยที่ 0.5%
  • SET -1.21% WoW ปริมาณการซื้อขายเฉลี่ย/วัน 0 หมื่น ลบ. -18.5% WoW สถาบันขาย 2,719 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 365 ลบ. ต่างชาติซื้อ 596 ลบ.และรายย่อยซื้อ 2,488 ลบ. WoW จากแรงขายกลุ่มค้าปลีก,ไฟแนนท์ หลังกำลังซื้อผู้บริโภคมีแนวโน้มชะลอตัว กอปร NPL มีแนวโน้มสูงขึ้น ส่วนกลุ่มขนส่ง AOT ปรับลดลงรับข่าวบริษัท คิง พาวเวอร์ ดิวตี้ฟรีขอเจรจาปรับสัญญาร้านสินค้าปลอดภาษีในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ดอนเมือง ภูเก็ต เชียงใหม่ และหาดใหญ่ โดยจะมีการประชุมบอร์ด AOT วันนี้เพื่อพิจารณาประเด็นดังกล่าว ขณะที่กลุ่มที่ช่วยหนุนดัชนี คือ อิเล็กฯ, บรรจุภัณฑ์, ปิโตรเคมี หลังสหรัฐ & จีนสามารถตกลงกรอบข้อตกลงการค้าเบื้องต้น กอปรกับ SCC ปรับขึ้นรับข่าวจะลดการสัดส่วนเงินลงทุนใน CAP จาก 30.57% เหลือ 20% ทำให้ไม่ต้องรับรู้ผลขาดทุนจากบริษัทร่วมดังกล่าว ส่วนกลุ่มพลังงานต้นน้ำ  PTTEP วันศุกร์ +7.6% หลังเกิดเหตุโจมตีกันระหว่างอิสราเอล – อิหร่าน ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบ +13% WoW ซึ่งอาจส่งผลลบต่อกำไร บจ.จากต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้น ส่วนปัจจัยในประเทศยังรอบอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจพิจารณางบ 1.57 แสน ลบ. เพื่อลดผลกระทบจาก ม.ปรับขึ้นภาษีของสหรัฐ และการเริ่มเจรจาการค้ากับสหรัฐก่อนเส้นตายวันที่ 8 ก.ค. 

Daily Strategy

  • ประเมิน SET กรอบแนวรับ 1,110 – 1,120 โดยมีแนวต้านที่ 1,130 – 1,140 คาดดัชนีผันผวนระหว่างรอประเมินผลกระทยจากภาวะสงครามในตะวันออกกลาง แนะนำซื้อเก็งกำไร PTT,PTTEP,BCP ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันที่ปรับขึ้น และพักเงินในกลุ่มปลอดภัย CPF,TFG,BCH,ADVANC
  • BCP (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย 00 บาท) ระยะสั้นได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ส่งผลให้แรงกดดันจากผลขาดทุนสต๊อกฯ ใน 2Q68 ลดลง ประกอบกับค่าการกลั่นในเดือน พ.ค.-มิ.ย.68 ที่ฟื้นตัวดีเหนือระดับ US$6-7/bbl ช่วยชดเชยโรงกลั่นศรีราชาที่มีการปิดซ่อมบำรุง ทั้งนี้คาดหวังเห็นกำไรฟื้นตัวขึ้นใน 2H68 จากการปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นลดลง นอกจากนี้ยังมีปัจจัยหนุนจากธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซธรรมชาติในสหรัฐฯ ที่ให้ส่วนแบ่งกำไรเพิ่มขึ้นตามทิศทางของค่าไฟฟ้าในตลาด PJM รวมถึงเข้าสู่ฤดูฝนหนุนการผลิตไฟฟ้าพลังงานน้ำ และเริ่มเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ของโครงการพลังงานลม Monsoon ในลาว ส่วนประเด็นสงครามอิสราเอลและอิหร่านหากรุนแรงขึ้นจนกระทบการขนส่งน้ำมัน BCP จะถูกกระทบน้อยกว่าตัวอื่นเพราะโรงกลั่นพระโขนงมีสัดส่วนการใช้น้ำมันดิบจากตะวันออกกลางแค่เล็กน้อย ขณะที่ธุรกิจ E&P ในยุโรปจะรับประโยชน์จากปริมาณขายและราคาที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น เราประเมินกำไรสุทธิปี 2568-69 ที่ 7 พันล้านบาท +224%YoY และ 7.5 พันล้านบาท +6%YoY

TMAN* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 22.00 บาท) กำไรสุทธิ 1Q68 อยู่ที่ 122 ลบ.(-13%YoY, +12%QoQ) การอ่อนตัว YoY มาจาก Produxt Mix ที่เปลี่ยนไป(สัดส่วนยาสูงขึ้น) และแรงกดดันจากค่าใช้จ่ายด้านการตลาด อย่างไรก็ตาม คาดว่าช่วงที่เหลือของปี การเติบโตของรายได้จะสามารถชดเชยปัจจัยลบดังกล่าวในไตรมาส1 ได้ โดย ทาง TMAN* เอง ตั้งเป้าหมายในระยะ 5 ปีข้างหน้า(68-72) รายได้เติบโตเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 10-15% ต่อปี และตั้งเป้าเป็น Top 5 ในตลาด OTC (Over-The-Counter) และ Top 10 ในตลาดร.พ. ทั้งนี้ ตลาดคาดว่าปี67 และ68 กำไรสุทธิของ TMAN* จะอยู่ที่ 491 ลบ. (+9%YoY) และ 544 ลบ.(+11%YoY)

 

Daily Key Factors

Oil Update(+) WTI ก.ค.+$4.94 อยู่ที่ $72.98 / บาร์เรล, Brent ส.ค. +$4.87 อยู่ที่ $74.23/บาร์เรล สัปดาห์ที่ผ่านมา WTI +13%, Brent +11.7% WoW หลังอิสราเอลได้โจมตีแหล่งก๊าซธรรมชาติเซาท์พาร์สทางตอนใต้ของอิหร่าน ซึ่งเป็นแหล่งก๊าซธรรมชาติใหญ่ที่สุดในโลก ขณะที่อิหร่านได้โจมตีแหล่งน้ำมันขนาดใหญ่ในเมืองไฮฟาของอิสราเอล

 

Gold Update(+) Comex Gold ส.ค.+$50.40 อยู่ที่ $3,452.80 /ออนซ์ ได้แรงหนุนจากภาวะสงครามอิสราเอล – อิหร่านที่อาจยืดเยื้อ โดย Goldman Sachs คาดราคาทองคำปีนี้มีโอกาสปรับขึ้นไปที่ $3,700/ออนซ์

 

Fund Flow(+) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP สัปดาห์ที่ผ่านมา ซื้อสุทธิ +96.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยซื้อหุ้นไทย +18.35 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นอินโดฯ +80.24 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และขายหุ้นฟิลิปปินส์ -1.99 ล.ดอลลาร์สหรัฐ

 

(0) ค่าเงินบาทเช้านี้ทรงตัวอยู่ที่ 32.42 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ปรับขึ้นอยู่ที่ 4.42 %

(+) ดัชนี BDI วานนี้ +64 จุด อยู่ที่ 1,968

(-) BitCoin เช้านี้ -0.11% อยู่ที่ 105,544 ดอลลาร์สหรัฐ

Economic Calendar

 

ในประเทศ

25 มิ.ย.     ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ครั้งที่ 3/68

สัปดาห์ที3 ส.อ.ท. แถลงยอดผลิตและส่งออกรถยนต์ รถจักรยานยนต์และชิ้นส่วน

ยานยนต์

ส.อ.ท. แถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม

สัปดาห์ที4 กระทรวงพาณิชย์ แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศ

สศอ. แถลงดัชนีอุตสาหกรรม 

สศค.รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง, ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค,

ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค     

 

 

ต่างประเทศ

17 มิ.ย.     US ดัชนียอดขายปลีก ( พ.ค.)

18 มิ.ย.     EU ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ( พ.ค.)

US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ

19 มิ.ย.     US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก

US การตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย          

US การแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนของ FOMC

20 มิ.ย.     US ดัชนีภาคการผลิตจากธนาคารกลางรัฐฟิลาเดลเฟีย (มิ.ย.)

 

Theme Strategy

Theme หุ้นที่มีปัจจัยบวกตามกระแส Megatend, ทิศทางดอกเบี้ยเริ่มเข้าสู่ขาลง,  และ/หรือ สามารถรับจากความเสี่ยง Trade War ได้  

 

(1) กลุ่มการเงิน Leasing รับแนวโน้มทิศทางดอกเบี้ยในประเทศลดลง NCAP*, S11*, SINGER* ,SGC* ,THANI*

 

(2) กลุ่มสื่อสาร โรงไฟฟ้า หุ้น defensive ได้ประโยชน์จาก Bond yield ที่ปรับลดลง ธุรกิจหลักมีการเติบโตสอดคล้องเศรษฐกิจใหม่ ADVANC ,TRUE ,GULF*, GPSC*, BCPG

 

(3) กลุ่มเกษตรได้ประโยชน์จากราคาสุกรในประเทศที่อยู่ในระดับสูง ขณะที่การส่งออกไก่ไปต่างประเทศยังทำได้ดี CPF, BTG* ,TFG* ,FM* ,GFPT

 

(4) กลุ่ม China Play คาดความดึงเครียดทางการค้าผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว แม้ยังมีความผันผวนแต่หุ้นที่เกี่ยวข้องมี valuation ที่ปรับตัวลงมาต่ำมากแล้ว น่ากลับไปหาจังหวะเก็งกำไร SCC* ,SCGP* ,PTTGC

 

(5) กล่มสินค้า IT ได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนถ่ายเทคโนโลยี ADVICE* ,COM7* SYNEX*,SIS*

 

(6) สินค้าจำเป็นและการบริโภคในชีวิตประจำวันที sensitive น้อยต่อกำลังซื้อในประเทศชะลอตัว เช่น CPALL , MALEE*, BJC ,OKJ*, NSL*

 

**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย

 

Asset Allocation: Equity 50% Fixed Income 35% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%

 

Today Fundamental Research: -

 

 

Monthly Portfolio May 2025: PLANB*, TASCO*, TFG*, STECON, IVL*

 

 

 

 

 

Analysts

Apichai Raomanachai  

Fundamental and Technical Investment Analysis ID No.  002939

Tel  02-829-6999  Ext  2200

Email : apichai.ra@kfsec.co.th

Meena Tunlayanitigun

Fundamental and Technical Investment Analysis ID No.  033662

Tel  02-829-6999

Email : meena.tu@kfsec.co.th

Nopporn Chaykaew     

Fundamental Analysis ID No.  043964

Tel  02-829-6999  Ext  2203

Email : noppoen.ch@kfsec.co.th

Nattawat Poosunthornsri  

Fundamental Analysis ID No.  087077

Tel  02-829-6999  Ext  2204

Email : nattawat.po@kfsec.co.th

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

ไม่มีปัจจัยบวก By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ นอกจากสงครามการค้า ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดทั่วโลกในตอนนี้ นั่นคือ อิสราเอล-อิหร่าน ยังโจมตีตอบ...

มัลติมีเดีย

รู้จักพร้อมเปิดพื้นฐาน NUT ก่อนเทรด 11 มิ.ย.- สายตรงอินไซด์ - 9 มิ.ย.68

รู้จักพร้อมเปิดพื้นฐาน NUT ก่อนเทรด 11 มิ.ย.- สายตรงอินไซด์ - 9 มิ.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้