Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

บล.บัวหลวง : รอบด้านตลาดหุ้น

148


ภาพตลาดและแนวโน้ม

 

สัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงปรับตัวขึ้นได้ต่อเนื่อง หนุนจากการที่สหรัฐฯและจีนบรรลุข้อตกลงเบื้องต้นในการเจรจาการค้าที่กรุงลอนดอน ส่วนเครื่องมือที่ชี้วัด Sentiment ส่งสัญญาณว่าความเชื่อมั่นของตลาดปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย


ดัชนี CNN Fear & Greed กลับมาฟื้นตัวขึ้น จากระดับ 59 คะแนนในสัปดาห์ก่อนหน้า มาอยู่ที่ 62 คะแนนในปัจจุบัน และยังคงยืนในโซน Greed ได้ต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่หก อย่างไรก็ตามดัชนี S&P500 กำลังเข้าใกล้แนวต้านสำคัญ ขณะที่ค่า Put/Call Option Ratio ปรับตัวลงมาอยู่ที่ 0.66 ซึ่งใกล้ระดับต่ำสุดที่เคยทำไว้ในเดือน ก.พ. (ที่ 0.62) โดยในตอนนั้นดัชนี S&P500 เคยขึ้นไปแตะ 6144 จุด ก่อนที่จะปรับฐานพร้อมกับการดีดตัวของ Put/Call Ratio จากสถานการณ์เช่นนี้จึงอาจทำให้ดัชนี S&P500 อ่อนไหวต่อข่าวลบมากขึ้นในระยะสั้น


ส่วนผลสำรวจความเชื่อมั่นนักลงทุนของ AAII ชี้ว่ามุมมอง Bearish ของนักลงทุนต่อแนวโน้มตลาดในช่วง 6 เดือนข้างหน้าปรับตัวลดลง 7.8% เหลือ 33.6% (แต่ยังสูงกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 31.2%) ขณะที่มุมมอง Bullish เพิ่มขึ้น 4.0% เป็น 36.7% (ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 37.6%) ส่วนนักลงทุนที่มีมุมมอง Neutral เพิ่มขึ้น 3.8% มาอยู่ที่ 29.7% สำหรับ Bull-Bear Spread ปรับขึ้นมาถึง 11.8% ภายในสัปดาห์เดียว จนอยู่ในโซนบวกที่ +3.1% (ค่าเฉลี่ยเป็น +6.5%) สะท้อนว่านักลงทุนมีความกังวลน้อยลง ทั้งนี้ในการสอบถามกลยุทธ์การลงทุนของนักลงทุนในช่วงที่ผ่านมา พบว่านักลงทุน 41% เลือกปรับพอร์ตให้เป็นเชิงรับ (Conservative) มากขึ้น ขณะที่มีเพียง 9% ปรับพอร์ตให้เป็นเชิงรุก (Aggressive) มากขึ้น ส่วนอีก 24.9% สลับไปมาในหลายกลยุทธ์ และ 24.0% ยังไม่เปลี่ยนกลยุทธ์


ขณะที่ Sentiment Indicator ของตลาดหุ้นไทยยังคงอ่อนแอลงต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่สี่ โดยมาตรวัด BLS Greed & Fear Barometer ปรับตัวลงจากระดับ 21 คะแนนสู่ระดับ 19 คะแนน และยังคงอยู่ในโซน Fear ต่อเนื่อง องค์ประกอบที่แย่ลง ได้แก่ ดัชนี Momentum Strength ที่ปรับตัวลึกลงอีกในโซน Negative โดยปรับลงจาก -11.3 จุดสู่ -18.9 จุด และ Market Breadth ที่ปรับตัวแย่ลง ขณะที่ดัชนี Bull-to-Bear ยังคงแกว่งตัวในโซนต่ำกว่า Lower-bound ต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 3

สรุปภาพตลาดวานนี้

วานนี้เข้าสูตรเช้าไม่ขาย บ่ายไม่เหลือ หลังจากการเมืองกลับมาส่ง Sentiment ลบจากข่าย แต่หุ้นถูกขายดูเป็นหน้าหุ้นฝรั่ง DELTA ADVANC AOT CPAXT TRUE CRC และธนาคาร ขณะที่ฝั่งพบส่วนใหญ่ในกลุ่มพลังงาน-ปิโตรฯ PTTEP PTTGC SCC TOP

 

 

 

 


แนวโน้มตลาดวันนี้


เลื่อน_ขึ้น Vs. เลื่อน_ลง (เลื่อนลอย)
วันนี้คาดหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์เชื่อมโยงเศรษฐกิจโลกยังคงแข็งแกร่งกว่าตลาด ขณะที่ นลท.สายการเมืองอาจรอติดตามผล คดีการเมืองอดีตนายกทักษิณ แต่เราคาดว่ากรณีที่ เลื่อนคำวินิจฉัยออกไปก่อนเพื่อ พิจารณาข้อมูลเพิ่มเติม อาจส่งผลทั้งบวกและ ลบ ต่อภาพรวม เพราะ กลุ่มที่มองว่ายังขาดความชัดเจนอาจเลื่อนการซื้อหุ้น หรือ อาจตัดสินใจซื้อเลย เพราะมีเวลาให้พักก่อนจะมาลุ้นใหม่อีกรอบ (แต่ที่เลือกซื้อไปแล้ว เช่น “เรา” ก็น่าจะทนถือหุ้นที่ซื้อไปแล้ว และ รอ)
ขณะที่ประเด็นการเมืองในประเทศ ถ้า“เลื่อน” ประเด็น “เทรดวอร์” ซึ่งคาดว่าไทยน่าจะปิดดีลกับสหรัฐฯได้ และ ระหว่างสหรัฐฯ กับนานาประเทศ ก็ควรจะได้ปิดดีลเร็วขึ้น (หรือรอรับใบแจ้งหนี้มาเลย จะได้จบ เอาให้ชัด) จากแนวทางการเจรจาที่เราอิงจากสหรัฐฯ และจีน ล่าสุด, โดยคาดว่าไทย-สหรัฐฯจะปิดดีลทันเส้นตาย ต้นเดือนหน้า ทำให้เราคงถือพอร์ตลงทุนตามกลยุทธ์เดิมไว้ก่อน จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงปัจจัยแวดล้อมใหม่
กลยุทธ์ เราคงคำแนะนำ ทนถือหุ้นที่พาเข้าไปก่อนหน้านี้ไว้ก่อน แม้ระหว่างทางราคาจะย่อลงบ้าง รวมถึงหุ้นสินค้าโภคภัณฑ์ตัวอื่นด้วย

กลยุทธ์การลงทุน

กลยุทธ์การลงทุนช่วงนี้ แนะนำ ซื้อเก็งกำไร เล่นรอบ เน้นไปที่หุ้น 1Q25 ส่อแววผ่านจุดต่ำสุด และเริ่มจะเห็นสัญญาณของการฟื้นตัว เช่นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์

วิเคราะห์ทางเทคนิค
ดัชนีปิด low ปิดไม่สวย! หลุดเส้น EMA 5 วัน test จุดต่ำสุดในรอบ 1 สัปดาห์ที่ 1,127 จุด โดยผ่านการ draw drown มาแล้วทั้งสิ้น -7% ประมาณ 100 จุด วัดจากจุดยอดที่ 1,231 จุด….แนวโน้มตลาด close gap ช่องว่างบริเวณ 1,100-1,120 จุด คิดเป็น downside risk -3% และน่าจะทำให้ดัชนีกลับสู่กรอบล่าง เข้าเขต oversold อีกครั้ง ปัจจัยวันนี้…ติดตามรายงานความเชื่อมั่นผู้บริโภค ถ้าปรับลงอาจไม่ดี ต่อกลุ่มค้าปลีก&กลุ่มอสังหาฯ (เมื่อวานลงนำไปแล้ว)และศาลฎีกานัดพิจารณา คุณทักษิณรักษาตัวที่รพ.ตำรวจชั้น 14 ผิดหรือไม่ผิด….มุมมอง:เรื่องการเมือง ตลาดรับรู้ตีความเป็นลบไปแล้ว ดังนั้นถ้ามีความชัดเจนมองเป็นกลาง-บวกต่อตลาด
ไฮไลท์หุ้น: SCC ร้อนแรง….โอกาสทะลุ high ได้หรือไม่! // รีวิวหุ้นแนะนำประจำเดือนมิ.ย. 2025…ไปตรวจการบ้านกันครับ

 

 


What to watch
ศาลอุทธรณ์สหรัฐฯ นัดไต่สวนคดีภาษีทรัมป์ 31 ก.ค. ระหว่างนี้ยังมีผลบังคับใช้ได้ /ศาลอุทธรณ์กลางในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. มีคำสั่งล่าสุดว่า ภาษีนำเข้าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ เคยประกาศใช้ จะยังคงมีผลบังคับใช้ต่อไปในระหว่างที่การอุทธรณ์คำตัดสินของศาลชั้นต้นกำลังดำเนินอยู่
แม้ศาลอุทธรณ์ยังไม่ได้ตัดสินว่าภาษีเหล่านี้มีความชอบด้วยกฎหมายภายใต้กฎหมาย IEEPA ซึ่งเป็นกฎหมายที่ให้อำนาจพิเศษทางเศรษฐกิจในภาวะฉุกเฉินระดับนานาชาติ แต่ศาลก็เห็นควรให้ภาษีดังกล่าวยังคงมีผลบังคับใช้ในระหว่างที่การพิจารณาคดียังไม่แล้วเสร็จ
คาดหุ้นติดโผ SET50 รอบใหม่ BCP KKP TCAP TIDLOR หุ้นออก BGRIM GLOBAL ITC SAWAD // ส่วน SET100 หุ้นเข้า AURA JTS MBK TFG TOA WHAUP หุ้นออก CKP COCOCO ROJNA SAPPE SKY SNNP
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เปิดเผยข่าวดีล่าสุดว่าขณะนี้ประเทศสหรัฐฯ ได้ตอบรับอย่างเป็นทางการแล้ว ที่จะเริ่มเจรจากับประเทศไทยเรื่องมาตรการภาษี และการค้าระหว่างสองฝ่าย
สหรัฐฯ และจีนได้บรรลุฉันทามติด้านการค้าแล้ว โดยตัวแทนจากทั้งสองฝ่ายเปิดเผยหลังการเจรจาระดับสูงเป็นวันที่สองในกรุงลอนดอน
โฮเวิร์ด ลุตนิก รัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐฯ กล่าวว่า "เราได้บรรลุกรอบความร่วมมือในการดำเนินการตามฉันทามติที่ได้จากการประชุมที่เจนีวา และจากการสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างประธานาธิบดีทั้งสองประเทศแล้ว"
ลุตนิกกล่าวว่า "เขาและเจมีสัน เกรียร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ จะเดินทางกลับกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เพื่อให้แน่ใจว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะอนุมัติกรอบข้อตกลงนี้ และหากสี จิ้นผิง ผู้นำจีนอนุมัติเช่นกัน เราก็จะดำเนินการตามกรอบข้อตกลงนี้
สหรัฐฯ ได้แสดงความพร้อมที่ผ่อนคลายข้อจำกัดในการส่งออกเทคโนโลยี หากจีนยอมลดข้อจำกัดในการส่งออกแร่หายากซึ่งเป็นทรัพยากรสำคัญที่ใช้ในผลิตภัณฑ์พลังงาน อาวุธยุทโธปกรณ์ และเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น สมาร์ตโฟน เครื่องบินขับไล่ และเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ โดยจีนเป็นผู้ผลิตแร่หายากเกือบ 70% ของตลาดโลก
นายเผ่าภูมิ กล่าวว่า ขณะนี้กระทรวงการคลัง อยู่ระหว่างการแก้ไขหลักเกณฑ์เพื่อให้ผู้ให้บริการ "พิโกไฟแนนซ์" สามารถปล่อยกู้ข้ามจังหวัดได้ หรือปล่อยกู้ได้ในหลายจังหวัด เพื่อทำให้เกิดการกระจายของการให้บริการพิโกไฟแนนซ์ได้มากยิ่งขึ้น และลดข้อจำกัดในการกระจายสภาพคล่องเข้าสู่ระบบ เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงสภาพคล่องได้มากขึ้น เนื่องจากปัญหาของประเทศไทยในปัจจุบันคือ ไม่สามารถเข้าถึงสภาพคล่องได้อย่างมีศักยภาพ ดังนั้นอะไรที่เป็นข้อจำกัด ก็ควรจะมีการทบทวนเพื่อให้เกิดประโยชน์มากยิ่งขึ้น
ประกาศ ตลท.ห้าม HFT (โรบอท) ซื้อขายหุ้นนอก SET100 เริ่ม 7 ก.ค.นี้

หุ้นแนะนำวันนี้
GPSC เล่นรับโอกาสลงทุนผ่านงานเสวนาฯ เจาะลึกอนาคตธุรกิจโรงไฟฟ้าไทย กับ BLS Research แนวรับ 32 ต้าน 34.5 Stop loss 31

 

รายงานพื้นฐานวันนี้

BLS Event
สรุปงาน BLS ‘Under Rain or Shine’
งาน BLS ‘Under Rain or Shine’ ที่จัดขึ้นช่วง 4-6 มิ.ย. 2025 เป็นเวทีสำคัญที่สะท้อนภาพการบริโภคในช่วง 2Q25 อย่างใกล้ชิด โดยมีผู้นำธุรกิจจากหลายกลุ่มร่วมแชร์ ได้แก่ ศูนย์การค้าและค้าปลีก (CPN, CPNREIT, MC, MOSHI), F&B (iberry Group, CBG, AU, CENTEL), สินเชื่อรายย่อย (TIDLOR), โรงพยาบาล (PR9) และท่องเที่ยว (CENTEL) รวมถึงสมาคมค้าปลีกฯ (TRA) และท่องเที่ยวฯ (ATTA) ซึ่งสรุปมุมมองตรงกันว่าเศรษฐกิจยังเผชิญแรงกดดันจากอุปสงค์ในประเทศอ่อนตัว โดย TRA คาดว่าความเชื่อมั่นจะถึงจุดต่ำสุดใน 3Q25 และเริ่มฟื้นตัวใน 4Q25
อย่างไรก็ดี ในฝั่งผู้ประกอบการเริ่มมีสัญญาณบางอย่าง โดย MC เริ่มฟื้นจาก ticket size และ online channel ที่โต MOSHI โตโดดเด่น SSSG +17% YoY พร้อมตั้งเป้าเปิดครบ 200 สาขาในปีนี้ ขณะที่ CPN เริ่มเห็น traffic บวกใน พ.ค. และ SSRR กลับมาโตได้ ส่วน CBG ยังรักษาส่วนแบ่งตลาดได้ดีจากต้นทุนลดลง CENTEL กลุ่ม QSR อ่อนแรงตามกลุ่มแมส (SSS -3% YoY) ส่วน TIDLOR ยังตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อโต >7% ภาพรวมสะท้อนว่า แม้บริโภคซบเซาลง ยังมีความแข็งแกร่งในบางรายอยู่
แต่ด้านท่องเที่ยวยังเปราะบาง โดย ATTA ชี้ว่าแม้จีนยังชะลอแต่ไม่ใช่ลดลงถาวร และเน้นว่ารัฐควรเร่งแก้เรื่องความปลอดภัย กฎระเบียบ และอัดมาตรการกระตุ้นเพื่อสร้างความมั่นใจก่อนไฮซีซันปลายปี CENTEL รายได้โรงแรมไทยใน เม.ย.-พ.ค. -12% ถึง -16% YoY (ไม่รวมโรงแรมใหม่ที่เพิ่งรีโนเวทแล้วเปิดเต็มใน 1Q25) แต่หากรวมโรงแรมใหม่แล้ว โต +2% ใน เม.ย. และ +9% ใน พ.ค. พร้อมเห็นแนวโน้ม booking มิ.ย. ดีขึ้น AU ยังถูกกดดันจากสาขาที่พึ่งนักท่องเที่ยว (SSS -10% เม.ย.-พ.ค.) แต่มีช่องทางอื่นช่วยชดเชย ขณะที่ PR9 รายงานสัดส่วนลูกค้าต่างชาติ 25% ใน 2Q25 หนุนกำไรหลักสูงสุดเป็นประวัติการณ์
Fundamental view: เรายังคงมองกลุ่มค้าปลีกและท่องเที่ยวโดยรวมในเชิง Selective โดยให้ความสนใจกับหุ้นที่เริ่มมีการปรับตัวรับมือภาวะเศรษฐกิจ เช่น MOSHI, CBG, PR9 และรอติดตามแรงกระตุ้นจากมาตรการรัฐหรือจำนวนนักท่องเที่ยวจีนช่วง 4Q25 เป็นตัวเร่งการฟื้นตัวของกลุ่มอีกครั้งในระยะถัดไป

PTTGC
พีทีที โกลบอล เคมิคอล
Allnex โตแรงในจีน หนุนกำไร PTTGC ระยะยาว
เราเข้าร่วมการเยี่ยมชม (Site Visit) ศูนย์การผลิต Allnex ในจีน (ธุรกิจฝั่ง Specialty Chemicals ของ PTTGC) พบแนวโน้มการเติบโตระยะยาวที่แข็งแกร่ง โดย Allnex ดำเนินธุรกิจ Coating Resins ในหลายภูมิภาคทั่วโลก โดยจีนเป็นตลาดอุตสาหกรรมเคลือบผิวที่ใหญ่ที่สุดในโลก (~45% ของตลาดโลก หรือราว 7 ล้านตัน) ขณะที่กลุ่มเป้าหมายของ Allnex ซึ่งเน้นกลุ่ม High-performance มีขนาดตลาดราว 1.8 ล้านตัน และคาดว่าจะเติบโต 5% CAGR ถึงปี 2028
Allnex China เป็นฐานการผลิตที่ใหญ่ที่สุดของบริษัท โดยปัจจุบันมีส่วนแบ่งตลาดสูงสุดใน Automotive OEM (12%) และ Industrial metals (11%) พร้อมแผนขยายกำลังการผลิตจาก 5.5 หมื่นตันเป็น 1-1.3 แสนตัน/ปี ภายในปี 2030 แบบ brownfield ที่ใช้งบลงทุนต่ำ ทั้งนี้ Allnex ใช้วัตถุดิบภายในประเทศจีนเป็นหลัก และไม่ได้พึ่งพาตลาดส่งออก จึงได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าน้อยมาก
การเติบโตของปริมาณขายในจีนที่คาดว่าจะเพิ่มเฉลี่ย 6% ต่อปี จะหนุน EBITDA โตเฉลี่ย 6% ต่อปีในช่วง 2025–30 โดยคาดว่า EBITDA ปี 2025 จะโต 5% YoY จากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น 5% YoY โดย Allnex มี EBITDA margin ที่มั่นคงที่ระดับ 11–12% จาก Specialty Chemicals ที่มี margin สูงและผันผวนน้อยกว่าผลิตภัณฑ์ทั่วไป
Fundamental view: เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” PTTGC ราคาเป้าหมาย 24 บาท

BGRIM
บี.กริม เพาเวอร์
ร่วมทุน Data Center เสริมกำไร แต่ไม่หนุนยอดขายไฟ
BGRIM ประกาศร่วมทุนกับ Digital Edge เพื่อพัฒนา Data Center ในพื้นที่ EEC ขนาดรวม 96MW (แบ่งเป็น 2 เฟส เฟสละ 48MW) โดย BGRIM ถือหุ้น 40% และรับหน้าที่ด้านจัดหาที่ดิน ระบบไฟฟ้า และการขออนุญาตต่างๆ ขณะที่ Digital Edge (มีฐานใน 9 ประเทศ รวม IT load 1.1GW) จะดูแลลูกค้าหลักในกลุ่ม Hyperscale และ Co-location โดยมูลค่าลงทุนรวมราว US$746m หรือ 24.5 พันล้านบาท
แม้โครงการจะมีค่าใช้จ่ายเริ่มต้นสูง แต่เราคาดว่าเฟสแรกแบบ build-to-suit จะมีลูกค้าล่วงหน้าจำนวนหนึ่ง จึงขาดทุนเพียงเล็กน้อยในช่วงแรก และจะเริ่มสร้างผลตอบแทนได้เร็ว โดยประเมินว่าเฟส 1 จะให้ EIRR ราว 8.7% และเพิ่มประมาณการกำไรระยะยาวของเราราว 6-8% คิดเป็นมูลค่า 0.75 บาท/หุ้น หากโครงการเดินหน้าเฟส 2 ต่อ (เงินลงทุนลดลงและ EIRR สูงถึง 17.4%) จะหนุนกำไรเพิ่มอีก 6-10% และเพิ่มมูลค่าพื้นฐานอีก 1.79 บาท/หุ้น ทำให้เฉลี่ย EIRR อยู่ที่ 11.5% (สมมติฐานอนุรักษ์นิยมกว่าเป้าหมายของบริษัทที่ 13-15%)

อย่างไรก็ดี ความคาดหวังเดิมว่าศูนย์ข้อมูลจะช่วยระบายกำลังการผลิตไฟฟ้าจาก SPP ของ BGRIM นั้นอาจไม่เป็นจริง เพราะศูนย์ข้อมูลเฟสแรกไม่ได้ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรม และอยู่ห่างจาก SPP ของ BGRIM ทำให้โอกาสขายไฟตรงมีน้อย กดดัน sentiment ระยะสั้นจากความคาดหวังเดิม
Fundamental view: เรายังแนะนำ “ซื้อ” โดยมองว่าการร่วมทุนครั้งนี้เป็นบวกในแง่การสร้างฐานรายได้ใหม่ที่มั่นคง และเพิ่มมูลค่าระยะยาว แม้ระยะสั้นจะไม่มี upside จากยอดขายไฟก็ตาม


วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค
นภนต์ ใจแสน นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน
ภูวดล ภูสอดเงิน, AISA นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

อิสราเอล โจมตีฯ อิหร่าน By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ อุณหภูมิตะวันออกกลาง ร้อนขึ้นมา ทันที เมื่อ อิสราเอลโจมตีโครงการนิวเคลียร์อิหร่าน.....

มัลติมีเดีย

รู้จักพร้อมเปิดพื้นฐาน NUT ก่อนเทรด 11 มิ.ย.- สายตรงอินไซด์ - 9 มิ.ย.68

รู้จักพร้อมเปิดพื้นฐาน NUT ก่อนเทรด 11 มิ.ย.- สายตรงอินไซด์ - 9 มิ.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้