Equality for All
PTTGC : บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล
Allnex เซี่ยงไฮ้ : เป็นผู้ผลิตสารเคลือบผิว(coating resins) และสารเติมแต่งสำหรับงานสถาปัตยกรรม และอุตสาหกรรมทั่วไปรวมถึงยานยนต์ โดยบริษัทนี้เข้าไปลงทุนในจีนตั้งแต่ปี 1997 มีโรงงานผลิต และศูนย์วิจัยพัฒนาสินค้า โดยโรงงานที่ Jiaxing นั้นลงทุนไป 100 ล้านยูโร เริ่มผลิตในปี 2023 โดยในเฟสที่ 1 มี 9 สายการผลิต มีกำลังการผลิต 55,000 ตัน/ ปี และมีแผนเพิ่มเป็น 100,000-130,000 ตันภายในปี 2030
ทำไมต้องจีน : เอเชียแปซิฟิกเป็นภูมิภาคที่มีการเติบโตสูงภูมิภาคหนึ่งในกลุ่ม coating resins โดยมีสัดส่วนมากกว่า 40% ของมูลค่าตลาดดังกล่าว โดยเฉพาะจีนเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่สุดในกลุ่ม และมีอัตราเติบโตราว 5% ต่อปี รวมถึงมีการลงทุนในไทย และอินเดียด้วย ซึ่งเป็นภูมิภาคที่มีการเติบโตสูงเช่นกัน (รูปที่ 3) โดยคาดว่าบริษัทจะมีการเติบโตของปริมาณขายในจีนที่ 6% ต่อปี
ก้าวต่อไปของ PTTGC : ผบห.ได้เผยถึงแนวโน้มต่อไปว่าปีนี้คาดผลการดำเนินงานของ PTTGC จะกลับมาดีขึ้นเนื่องจาก
จากสัดส่วนการใช้อีเทนเพิ่มขึ้นหลังปรับราคาขายขึ้น ซึ่งปกติใช้ 1.5-1.5 ล้านตัน/ ปี แต่เพิ่มการใช้ได้ถึง 2.5 ล้านตัน เป็นจะการซื้อจาก PTT ราว 2 ล้านตัน
ได้มีการตั้งด้อยค่าเงินลงทุนทั้งหมดไปแล้วในส่วน Vencorex ทำให้ PTTGC ไม่ต้องรับรู้ขาดทุน 5,000 ลบ.ต่อปี รวมถึงล่าสุดศาลมีคำสั่งเข้าสู่กระบวนการเลิกกิจการแล้ว ทำให้จะมีรับรู้กำไรเข้ามาราว 30-40 ล้านยูโรใน 2Q25 อีกด้วย
ในไทย และสหรัฐ ยังมีสินทรัพย์ดำเนินงานอยู่ระหว่างรอขายอีกทั้งในส่วนของการทำ asset monetization (แปลงสินทรัพย์ที่มีอยู่ให้เกิดรายได้) มูลค่ารวมราว 30,000 ลบ. คาดใช้เวลาในการทยอยขายเนื่องจากมีสินทรัพย์หลายชิ้นซึ่งคาดจะใช้เวลาแล้วเสร็จในปีหน้า
PTT ในระยะถัดไป : ผบห. ของ PTT ได้ร่วมไปด้วยและเผยถึงแผนการต่อไปของกลุ่มดังนี้ โดยในส่วนของ PTT นั้นจะมีการทำ Asset monetization และได้กำไรเข้ามาราว 8,000 ลบ. ซึ่งคาดจะแล้วเสร็จใน 3Q25 นี้ รวมถึงการมาพิจารณาสินทรัพย์ทั้งหมดที่มีอยู่ว่าจะยังดำเนินต่อไปหรือไม่
ขณะที่ในส่วนการหาพันธมิตรใหม่เข้ามาลงทุนในบริษัทลูกอย่าง TOP, PTTGC และ IRPC นั้นอยู่ระหว่างพิจารณาเงื่อนไขต่าง ๆ และอาจต้องลดสัดส่วนการถือหุ้นลงจากการเพิ่มทุนเพื่อรองรับพันธมิตรใหม่เข้ามา อย่างไรก็ตาม PTT จะยังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัทเหล่านี้ ซึ่งปัจจุบันถืออยู่ราว 45%
Downside จำกัดแล้ว
“ จากการไปเยี่ยมโรงงาน Allnex สิ่งที่เราเห็นคือศักยภาพในตลาดจีนซึ่งยังมีการเติบโตดีราว 5% ต่อปี และเป็นตลาดใหญ่ในเอเชียแปซิฟิก ขณะที่ธุรกิจหลักของ PTTGC นั้นมีพัฒนาการที่ดีขึ้นตามลำดับหลังการปรับโครงสร้างภายใน รวมถึงแผนการในอนาคตหลังจากนี้
อย่างไรก็ตาม ประเด็นมาตรการภาษีสหรัฐและจีนยังเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่ออุปสงค์ ขณะที่อุปทานปัจจุบันที่ยังสูง ทำให้ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์อาจยังฟื้นตัวไม่มากตรงนี้จึงเป็นประเด็นที่เราต้องตามต่อไป แต่จากความคืบหน้าในการเจรจาระหว่างจีน-สหรัฐ ก็ถือเป็นปัจจัยบวกต่ออุตสาหกรรม
กลยุทธ์การลงทุนในกลุ่มนี้ยังเน้นเกาะไปกับการฟื้นตัวของราคาผลิตภัณฑ์ ซึ่งจะล้อไปกับเศรษฐกิจจีนและการเจรจาการค้า ขณะที่ Valuation ซื้อขายบน P/B25E เพียง 0.4x ทำให้ downside จำกัดแล้ว ”
นารี อภิเศวตกานต์
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐาน #17971
naree.a@liberator.co.th