นักลงทุนเริ่มชิน ภาษีมาๆไปๆ
TOP PICK GULF/ KTB / GPSC
EXTERNAL FACTOR
GLOBAL INDICES
• ศุกร์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นโลกพลิกผันผวน โดยในฝั่งสหรัฐฯ ปิดตัวราว -0.3% ถึง+1.0% ส่วนในฝั่งยุโรป ปิดตัวราว -0.2% ถึง -1.8% หลัง ปธน. ทรัมป์ เก็บภาษี
IPHONE รวมถึง SAMSUNG 25% หากไม่ย้ายฐานการผลิตมายังสหรัฐฯ นอกจากนี้ยังขู่เก็บภาษียุโรป 50% มีผลบังคับใช้ 1 มิ.ย. 68
• อย่างไรก็ตาม ความกังวลนโยบายภาษีสหรัฐฯ ต่อยุโรปดูผ่อนคลายลง มีการเก็บภาษียุโรป 50% เป็นวันที่ 9 ก.ค. 68 ทำให้เช้านี้เริ่มเห็นการฟื้นตัวของตลาดหุ้น FUTURES
• ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น ด้วยแรงหนุนของความเสี่ยงเชิงภูมิรัฐศาสตร์ที่รุนแรงขึ้น
INTERNAL FACTOR
• เช้านี้จับตาตัวเลขส่งออก-นำเข้าไทยในเดือน เม.ย.68 คาด +12.2%YOY และ+7.3%YOY ตามลำดับ ซึ่งการที่มูลค่าส่งออกเติบโตน้อยลง ทำให้ดุลการค้าเดือน
เม.ย.68 คาดจะขาดดุลราว 800 ล้านเหรียญฯ
• ตัวเลขนักท่องเที่ยวเข้าไทยตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 13.4 ล้านคน ลดลง 1.75%YOY และหากพิจารณาเป็นรายเดือน จะเห็นได้ว่าตัวเลขนักท่องเที่ยวรายเดือน ทยอยลดลงอย่างมีนัยฯ ตามการเข้าสู่ช่วง LOW SEASON ของการท่องเที่ยวไทย ซึ่งทำให้มีโอกาสสูงที่ดุลบัญชีเดินสะพัด ณ เดือน เม.ย.68 มีความเสี่ยงปรับตัวลดลง และกดดันค่าเงินบาท
ให้อ่อนค่าได้
INVESTMENT STRATEGY
• ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าต่อเนื่อง ช่วยหนุนให้ค่าเงินบาทแข็งค่า และ FUND FLOW มีโอกาสทยอยไหลเข้าตลาดหุ้นไทยต่อหลังจากซื้อสุทธิติดต่อกัน 4 วัน มูลค่ารวม 4.4 พันล้านบาท
• ดังนั้นฝ่ายวิจัยฯ ทำการรวบรวมข้อมูลหุ้นที่ต่างชาติทยอยซื้อสะสมมากสุด MOMENTUM จะเอนเอียงไปที่หุ้นกลุ่มธ.พ. KBANK, KTB, BBL, TTB, TISCO หุ้น DOMESTIC และหุ้นอิงการผลิต อย่างTRUE, KTC, CRC,OSP, WHA, BEM, CPN ส่วนหุ้นที่ต่างชาติขายหนักช่วงนี้เป็นหุ้นอิงการบริการ อย่าง BDMS, BH, MINT,
AOT, CPALL เป็นต้น
นโยบายภาษี TRUMP กลับไปกลับมา
ศุกร์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นโลกพลิกผันผวน โดยในฝั่งสหรัฐฯ ปิดตัวราว -0.3% ถึง +1.0% ส่วนในฝั่งยุโรป ปิดตัวราว-0.2% ถึง -1.8% หลัง ปธน. ทรัมป์ เก็บภาษี IPHONE รวมถึง SAMSUNG 25% หากไม่ย้ายฐานการผลิตมายังสหรัฐฯ นอกจากนี้ยังขู่เก็บภาษียุโรป 50% มีผลบังคับใช้1 มิ.ย. 68
อย่างไรก็ตาม ความกังวลนโยบายภาษีสหรัฐฯ ต่อยุโรปดูผ่อนคลายลง หลัง ปธน. ทรัมป์ เจรจาทางโทรศัพท์กับประธานคณะกรรมการยุโรป (URSULA VON DER LEYEN) และได้ประกาศเลื่อนการเก็บภาษียุโรป 50% เป็นวันที่ 9ก.ค. 68 ทำให้เช้านี้เริ่มเห็นการฟื้นตัวของตลาดหุ้น FUTURE ของสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นราว 1% และยุโรปดีดตัว
มากกว่า 1%นอกจากนี้ยังเห็นความคืบหน้าการเจรจาทางการค้าของญี่ปุ่น โดยญี่ปุ่นแสดงความตั้งใจที่จะบรรลุข้อตกลงด้านภาษีกับสหรัฐฯ ให้ทันก่อนการประชุมสุดยอด G7 ในเดือน มิ.ย. 68 ซึ่งจะมีการพบกันระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ทรัมป์ และนายกรัฐมนตรีชิเงรุ อิชิบะของญี่ปุ่น
สำหรับแนวโน้มราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น ด้วยแรงหนุนของความเสี่ยงเชิงภูมิรัฐศาสตร์ โดยล่าสุดรัสเซียเปิดฉากโจมตีทางอากาศครั้งใหญ่สุดนับตั้งแต่สงครามเริ่มต้น ยิงโดรนและขีปนาวุธกว่า 367ลูกถล่มกรุงเคียฟและเมืองใหญ่ทั่วยูเครน รวมกว่า 30 จุดทั่วประเทศ ประเด็นดังกล่าวน่าจะเป็น SENTIMENT เชิงบวดต่อหุ้นอิงราคาน้ำมัน แนะนำเก็งกำไรหุ้น PTTEP, TOP, PTTGC, SPRC, BCP
ติดตามตัวเลขส่งออก-นำเข้า อาจกดดันค่าเงินบาทระยะถัดไป
เช้านี้จับตาตัวเลขส่งออก-นำเข้าไทยในเดือน เม.ย.68 คาด +12.2%YOY และ +7.3%YOY ตามลำดับ ซึ่งการที่มูลค่าส่งออกเติบโตน้อยลง ทำให้ดุลการค้าเดือน เม.ย.68 คาดจะขาดดุลราว 800 ล้านเหรียญฯ
ตามที่ดุลการค้าเดือน เม.ย.68 มีโอกาสขาดดุล บวกกับตัวเลขนักท่องเที่ยวเข้าไทยตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 13.4 ล้านคนลดลง 1.75%YOY และหากพิจารณาเป็นรายเดือน จะเห็นได้ว่าตัวเลขนักท่องเที่ยวรายเดือน ทยอยลดลงอย่างมีนัยฯ ตามการเข้าสู่ช่วง LOW SEASON ของการท่องเที่ยวไทย
ซึ่งทำให้มีโอกาสสูงที่ดุลบัญชีเดินสะพัด ณ เดือน เม.ย.68 มีความเสี่ยงปรับตัวลดลง(แม้จะมีแคมเปญจาก ททท.“สวัสดี หนีห่าว” นำ INFLUENCER เปิด 5 เส้นทางท่องเที่ยวใหม่ก็ตาม) และอาจกดดันค่าเงินบาทอ่อนค่าในระยะถัดไป
เลือกหุ้นที่ต่างชาติทยอยสะสม น่าจะผันผวนน้อยกว่าตลาด
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าต่อเนื่อง ช่วยหนุนให้ค่าเงินบาทแข็งค่า และ FUND FLOW มีโอกาสทยอยไหลเข้าตลาดหุ้นไทยต่อหลังจากซื้อสุทธิติดต่อกัน 4 วัน มูลค่ารวม 4.4 พันล้านบาท สวนทางกับสถาบันในประเทศที่ขายสุทธิหุ้นไทย 4วันติด มูลค่าขายสุทธิ 3.8 พันล้านบาท
ดังนั้นฝ่ายวิจัยฯ ทำการรวบรวมข้อมูลหุ้นที่ต่างชาติทยอยซื้อสะสมมากสุด MOMENTUM จะเอนเอียงไปที่หุ้นกลุ่มธ.พ. KBANK, KTB, BBL, TTB, TISCO หุ้น DOMESTIC และหุ้นอิงการผลิต อย่าง TRUE, KTC, CRC, OSP,WHA, BEM, COM7, CPN และหุ้นอื่นๆ อย่าง DELTA, BCP เป็นต้น ส่วนหุ้นที่ต่างชาติขายหนักช่วงนี้เป็นหุ้นอิงการ
บริการ อย่าง BDMS, BH, MINT, AOT, CPALL เป็นต้น
สรุป ภายใต้ความผันผวนจากปัจจัยภายนอก และการเมืองไทย กดดันตลาดหุ้นไทยย่อตัวลงมาในระดับหนึ่งแล้วขณะที่ทิศทางค่าเงินบาทที่แข็งค่า ช่วยหนุนให้ต่างชาติมีการทยอยเข้ามาสะสม ช่วยลดความผันผวนได้ระดับหนึ่ง แนะเก็งกำไรหุ้นพื้นฐาน หลบกระแสเชิงลบ พร้อมกับต่างชาติซื้อสะสมต่อเนื่อง KBANK, KTB, OSP, BCP, BEM, CPN
Research Division
จัดทำโดย
ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์