Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

บล.คิงส์ฟอร์ด : บทวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นรายวัน

82

Market Wrap-Up

  • SET วันที่ 20 พ.ค.68 ปิด +2.08 จุด อยู่ที่ 1,189.14 จุด มูลค่าการซื้อขาย 46,960 ลบ. ต่างชาติซื้อ 865 ลบ. พอร์ตโบรกซื้อ 396 ลบ. สถาบันขาย 321 ลบ. และรายย่อยขาย 940 ลบ.  NVDR มียอดซื้อสุทธิ 2,438 ลบ.โดยมียอดซื้อในหุ้น KBANK,SCB,KTB,BBL,TTB และยอดขายหุ้น BH,GULF,EA,AOT,SCC มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 2,564 ลบ.หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ CPN,SIRI,HMPRO โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Long ใน Index Futures จำนวน 1,836 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 56,780 สัญญา ต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตรไทย 930 ลบ.
  • ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA -0.27%, S&P500 -0.39%, Nasdaq -0.38% จากแรงขายกลุ่มพลังงาน -1%, บริการสื่อสาร -0.77% ขณะที่กลุ่มสาธารณูปโภค +0.3%, เฮลธ์แคร์ +0.27% โดยหุ้น Home Depot -0.6% หลังรายงานรายได้ Q1/68 ดีกว่าคาด และบริษัทยืนยันจะไม่การปรับขึ้นราคาสินค้า ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 +0.73% ปิดสูงสุดในรอบ 9 สัปดาห์ ได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเทเลคอม และสาธารณูปโภค  

Market View

  • ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ปรับลดลงจากแรงขายกลุ่มเทคโนโลยี และกลุ่มค้าปลีกสินค้าตกแต่งบ้าน หลัง ปธน.ทรัมป์ขอให้ Walmart ไม่ปรับขึ้นราคาสินค้า ส่วนกลุ่มเทคโนโลยีถูกกดดันจาก US Bond Yield 10 ปี ปรับขึ้นอยู่ที่ 48% โดยวันอาทิตย์นี้จะมีการการพิจารณาร่าง กม.ปฏิรูปภาษีของสภาผู้แทน ฯ  มีแผนจะลดการเก็บภาษีเงินได้ แต่มีการเพิ่มงบประมาณรายจ่ายทางการทหาร & คุมการอพยพ ซึ่งจะเป็นการเพิ่มหนี้ให้กับรัฐบาลสหรัฐอีก 3 – 5 ลล,ดอลลาร์ จากปัจจุบันอยู่ที่ 36.2 ลล.ดอลลาร์  ส่วนการประชุม รมว.คลังกลุ่ม G7 ที่แคนาดานั้น ยังต้องติดตามว่าจะมีความคืบหน้าการเจรจาข้อตกลงการค้าหรือไม่ ขณะที่ รมว.พาณิชย์จีนเตือน ม.คุมการส่งออกชิป Huawei ของสหรัฐนั้น อาจส่งผลลบต่อการเจรจาการค้าสหรัฐ – จีน   
  • Stoxx600 ยุโรปวานนี้ปรับขึ้น นำโดย DAX เยอรมัน +0.4% ทำจุดสูงสุดใหม่ หลัง LSEG เผยกำไร บจ. ใน Stoxx600 Q1/68 +2.3% YoY หากไม่รวมกลุ่มพลังงาน +7.9% YoY โดย บจ. 271 แห่งที่ส่งงบแล้ว 1% รายงานกำไรดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ ขณะที่หุ้นสินค้าหรูหรา เช่น LVMH +1.3% จากคาดการณ์อุปสงค์ของลูกค้าจีนปรับดีขึ้น หลัง ธ.กลางจีนปรับลดดอกเบี้ยเงินกู้ลง
  • ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ ดัชนีเซี่ยงไฮ้ +0.38%, ฮั่งเส็ง +1.49% หลัง ธ.กลางจีนคาดจะปรับลดดอกเบี้ย LPR 1 ปี, 5 ปี ลง 10% เพื่อเสริมสภาพคล่องในตลาดเงิน กอปร CATL ผู้ผลิตแบตเตอรี่สัญชาติจีนประสบความสำเร็จในการทำ IPO มูลค่า 4.6 พัน ล. ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนดัชนีนิเกอิวานนี้ปิดทรงตัว โดยผู้แทนการค้าญี่ปุ่นจะเยือนสหรัฐในวันที่ 23 พ.ค. เพื่อเจรจารอบที่ 3 ซึ่งยังมีประเด็นเกี่ยวกับการแทรกแซงค่าเงินเยน และการเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์จากญี่ปุ่น ขณะที่เวียดนามจะเจรจาการค้ารอบที่ 2 กับสหรัฐในวันที่ 19 – 22 พ.ค.     
  • SET วานนี้ +0.18% ปริมาณการซื้อขาย 69 หมื่น ลบ. ต่างชาติซื้อ 865 ลบ. พอร์ตโบรกซื้อ 396 ลบ. สถาบันขาย 321 ลบ. และรายย่อยขาย 940 ลบ. หลัง ครม.มีมติอนุมัติงบ 1.57 แสน ลบ. เพื่อใช้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านน้ำเพื่อใช้บริโภค & เกษตรกรรม, ลงทุนด้านคมนาคม, งบช่วยเหลือภาคส่งออก & SME รวมถึงงบกองทุนหมู่บ้าน SML ต่างๆ เพื่อลดผลกระทบจาก ม.ปรับขึ้นภาษีของสหรัฐ โดยกลุ่มธนาคาร +1.89% นำโดย BBL,KBANK,SCB คาดได้ประโยชน์จากเม็ดเงินภาครัฐที่ช่วยเหลือผู้ประกอบส่งออก, SME ส่งผลให้หนี้เสียมีแนวโน้มลดลง กอปรกับ P/BV กลุ่มธนาคารอยู่ที่ 0.64 เท่า และมีอัตราจ่ายเงินปันผลเฉลี่ยสูงกว่า 4% จึงเป็นกลุ่มที่นักลงทุนสามารถพักเงินลงทุนได้ ขณะที่กลุ่มท่องเที่ยวก็ปรับขึ้นรับข่าวมาตราการกระตุ้นการท่องเที่ยวในเมืองรอง โดยดัชนี SET ยังทรงตัวรอความชัดเจนการเจรจาการข้อตกลงการค้าสหรัฐ - ไทย และรอการพิจารณาร่างงบประมาณรายจ่ายปี 69 วงเงินไม่เกิน 3.7 ล.ลบ. ที่เข้าพิจารณาวาระแรกในวันที่ 28 – 30 พ.ค.

Daily Strategy

  • วางจุดสังเกตุดัชนี SET บริเวณ 1,190 จุด กรณียืนไม่ได้ ยังต้องระวังการปรับฐานลงสู่ระดับ 1,160 – 1,170 แนะนำทยอยซื้อเมื่อดัชนีอ่อนตัว เช่น กลุ่มอาหาร & เครื่องดื่ม CPF,TFG,CBG,MALEE เป็นสินค้าจำเป็น, กลุ่มธนาคารพาณิชย์ KBANK,SCB,BBL คาดได้ประโยชน์จากงบกระตุ้นเศรษฐกิจ กอปรโครงการคุณสู้ เราช่วยยังช่วยลดภาระหนี้
  • PLANB* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 7.85 บาท) บริษัทรายงานกำไรสุทธิ 1Q68 ที่ 193 ล้านบาท -40%QoQ, +7%YoY ลดลงตามปัจจัยฤดูกาลตามเม็ดเงินสื่อโฆษณา แต่ยังเพิ่มขึ้น YoY ได้จากรายธุรกิจการตลาดแบบมีส่วนร่วม (Engagement Marketing) ส่วนใหญ่จากมวยเวทีราชดำเนินที่ได้รับความนิยม รวมถึงรายได้ BNK ที่มีการเลือกตั้ง ส่วนธุรกิจสื่อนอกบ้านรายได้โตเล็กน้อยและเห็น U-rate ลดลงแต่เป็นเพราะมี media capacity เพิ่มขึ้น ส่วน SG&A/Sale ที่ยังสูงกว่าปกติเพราะมีตั้งด้อยค่าเงินลงทุนใน BNK ก้อนสุดท้าย ข้ามมาที่ 2Q68 คาดกำไรฟื้นตัวเด่น QoQ, YoY เนื่องจากผ่านช่วง Low season ของการใช้สื่อนอกบ้าน U-rate จะกลับมาที่ 73-75% ทั้งปี 68 บริษัทวางเป้า core revenue ที่ 6-9.7 พันล้านบาท +5-6%YoY จากการเอาสื่อเสาตอม่อใต้ BTS กลับมาขายเองเริ่ม เม.ย.68 การบริหารสื่อให้ VGI เริ่ม พ.ค.68 เป็นรายได้เข้ามา 300-500 ล้านบาทในระยะเวลา 5 ปี ส่วน Hello LED เริ่มรับรู้ 100% ใน ส.ค.68 GPM 30-31% ทั้งนี้ตลาดคาดกำไรปี 68-69 อิงจาก consensus อยู่ที่ 1.16 พันล้านบาท +11%YoY และ 1.29 พันล้านบาท +11%YoY

STECON (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 9.00 บาท) กำไรสุทธิ 1Q68 อยู่ที่ 342 ลบ. (+3,009%YoY, พลิกมีกำไรจากขาดทุนใน 4Q67 ที่ 2,247 ลบ. ) มีปัจจัยหนุนจาก 1.รายได้เงินปันผลราว 222 ล้านบาท จาก GULF 2.ไม่มีค่าใช้จ่ายโครงการหนองบอน และ 3.ส่วนแบ่งขาดทุนที่ลดลงจากรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและสีชมพู ส่วนการดำเนินงานในช่วงถัดไปคาดจะยังอยู่ในเกณฑ์ดีได้ต่อ ปัจจุบัน มี Backlog อยู่เกือบ1.22 แสนล้านบาท โดยใน 1Q68ได้เซ็นต์ งานData Center 1.6  หมื่นล้านบาท งานก่อสร้างมอเตอร์เวย์ M7 ส่วนต่อขยายเชื่อมสนามบินอู่ตะเภา  รวมถึงยังมีงานอื่นๆที่มีโอกาสประมูลเข้ามาเพิ่มเติมได้อีก

 

Daily Key Factors

Oil Update(-) WTI มิ.ย.-$0.13 อยู่ที่ $62.56 / บาร์เรล, Brent ก.ค. -$0.16 อยู่ที่ $65.38/บาร์เรล หลังการเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์ระหว่างสหรัฐ – อิหร่านยังไม่มีความคืบหน้า โดยสหรัฐต้องการให้อิหร่านยุติโครงการเสริมสมรรถนะแร่ยูเรเนียม ขณะที่วานนี้อียู – อังกฤษได้ประกาศคว่ำบาตรรัสเซีย โดยไม่รอสหรัฐ

 

Gold Update(+) Comex Gold มิ.ย.+$51.10 อยู่ที่ $3,284.60 /ออนซ์ ได้แรงหนุนจาก Dollar Index อ่อนค่า -0.31% อยู่ที่ 100.12 กอปรกับอียู – อังกฤษได้ประกาศคว่ำบาตรรัสเซีย โดยไม่รอให้สหรัฐเข้าร่วม ส่งผลให้สงครามรัสเซีย - ยูเครนยังอาจยืดเยื้อต่อไป

 

Fund Flow(-) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ขายสุทธิ -14.47 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นไทย +26.18 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นอินโด ฯ -24.76 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และขายหุ้นฟิลิปปินส์ -15.89 ล.ดอลลาร์สหรัฐ

 

(0) ค่าเงินบาทเช้านีแข็งค่าอยู่ที่ 32.82 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ปรับขึ้นอยู่ที่ 4.482 %

(-) ดัชนี BDI วานนี้ -7 จุด อยู่ที่ 1,340

(+) BitCoin เช้านี้ +1.1% อยู่ที่ 106,895 ดอลลาร์สหรัฐ

(0)ตัวเลขส่งออกญี่ปุ่น เม.ย. +2.0% ตามคาด & มี.ค. +4.0% YoY

 

 

Economic Calendar

 

ในประเทศ

19 พ.ค.     สภาพัฒน์ แถลง GDP ไตรมาส 1/68 

                ส.อ.ท. แถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม

สัปดาห์ที4 กระทรวงพาณิชย์ แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศ

                ส.อ.ท. แถลงยอดผลิตและส่งออกรถยนต์ รถจักรยานยนต์และชิ้นส่วน

ยานยนต์

 

 

ต่างประเทศ

19 พ.ค.     EU ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) (ปีต่อปี) (เม.ย.)

21 พ.ค.     US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ

22 พ.ค.     US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต ( พ.ค.) 

US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการบริการ ( พ.ค.) 

US ยอดขายบ้านมือสอง (Existing Home Sales) (เม.ย.)

US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก

23 พ.ค.     US ยอดขายบ้านใหม่ (เม.ย.)

 

Theme Strategy

Theme หุ้นที่มีปัจจัยบวกตามกระแส Megatend, ทิศทางดอกเบี้ยเริ่มเข้าสู่ขาลง,  และ/หรือ สามารถรับจากความเสี่ยง Trade War ได้  

 

(1) กลุ่มการเงิน Leasing รับแนวโน้มทิศทางดอกเบี้ยในประเทศลดลง NCAP*, S11*, SINGER* ,SGC* ,THANI*

 

(2) กลุ่มสื่อสาร โรงไฟฟ้า หุ้น defensive ได้ประโยชน์จาก Bond yield ที่ปรับลดลง ธุรกิจหลักมีการเติบโตสอดคล้องเศรษฐกิจใหม่ ADVANC ,TRUE ,GULF*, GPSC*, BCPG

 

(3) กลุ่มเกษตรได้ประโยชน์จากราคาสุกรในประเทศที่อยู่ในระดับสูง ขณะที่การส่งออกไก่ไปต่างประเทศยังทำได้ดี CPF, BTG* ,TFG* ,FM* ,GFPT

 

(4) กลุ่ม China Play คาดความดึงเครียดทางการค้าผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว แม้ยังมีความผันผวนแต่หุ้นที่เกี่ยวข้องมี valuation ที่ปรับตัวลงมาต่ำมากแล้ว น่ากลับไปหาจังหวะเก็งกำไร SCC* ,SCGP* ,PTTGC

 

(5) กล่มสินค้า IT ได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนถ่ายเทคโนโลยี ADVICE* ,COM7* SYNEX*,SIS*

 

(6) สินค้าจำเป็นและการบริโภคในชีวิตประจำวันที sensitive น้อยต่อกำลังซื้อในประเทศชะลอตัว เช่น CPALL , MALEE*, BJC ,OKJ*, NSL*

 

**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย

 

Asset Allocation: Equity 50% Fixed Income 35% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%

 

Today Fundamental Research: -

 

 

Monthly Portfolio May 2025: CPALL, TASCO*, TFG*, STECON, NSL*

 

 

 

 

 

 

Theme Strategy

Theme หุ้นที่มีปัจจัยบวกตามกระแส Megatend, ทิศทางดอกเบี้ยเริ่มเข้าสู่ขาลง,  และ/หรือ สามารถรับจากความเสี่ยง Trade War ได้  

 

(1) กลุ่มการเงิน Leasing รับแนวโน้มทิศทางดอกเบี้ยในประเทศลดลง NCAP*, S11*, SINGER* ,SGC* ,THANI*

 

(2) กลุ่มสื่อสาร โรงไฟฟ้า หุ้น defensive ได้ประโยชน์จาก Bond yield ที่ปรับลดลง ธุรกิจหลักมีการเติบโตสอดคล้องเศรษฐกิจใหม่ ADVANC ,TRUE ,GULF*, GPSC*, BCPG

 

(3) กลุ่มเกษตรได้ประโยชน์จากราคาสุกรในประเทศที่อยู่ในระดับสูง ขณะที่การส่งออกไก่ไปต่างประเทศยังทำได้ดี CPF, BTG* ,TFG* ,FM* ,GFPT

 

(4) กลุ่ม China Play คาดความดึงเครียดทางการค้าผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว แม้ยังมีความผันผวนแต่หุ้นที่เกี่ยวข้องมี valuation ที่ปรับตัวลงมาต่ำมากแล้ว น่ากลับไปหาจังหวะเก็งกำไร SCC* ,SCGP* ,PTTGC

 

(5) กล่มสินค้า IT ได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนถ่ายเทคโนโลยี ADVICE* ,COM7* SYNEX*,SIS*

 

(6) สินค้าจำเป็นและการบริโภคในชีวิตประจำวันที sensitive น้อยต่อกำลังซื้อในประเทศชะลอตัว เช่น CPALL , MALEE*, BJC ,OKJ*, NSL*

 

**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย

 

Asset Allocation: Equity 50% Fixed Income 35% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%

 

Today Fundamental Research: -

 

 

Monthly Portfolio May 2025: CPALL, TASCO*, TFG*, STECON, NSL*

 

 

 

 

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

พยายาม By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ เห็นเส้นกราฟ เส้นเทคนิค ของดัชนีหุ้นไทย พยายามจะแตะ 1,200 จุด ให้ได้ เช้าวันนี้ ทำได้...

NKT เดินหน้า 2 บิ๊กโปรเจค ตอกย้ำผู้นำในการดูแลสุขภาพ

NKT เดินหน้า 2 บิ๊กโปรเจค ตอกย้ำผู้นำในการดูแลสุขภาพ

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้