---เดินหน้าสู่ Asset-light Model---
Earnings Review : กำไรหลัก 1Q68 อยู่ที่ 50 ล้านบาท ฟื้นตัวแข็งแกร่งจากขาดทุนหลัก 351 ล้านบาทใน 1Q67 และดีกว่าที่ตลาดคาดไว้ การปรับตัวดีขึ้นมาจาก การเพิ่มขึ้นของ EBITDA margin และต้นทุนทางการเงินที่ลดลง แม้ว่ารายได้จะอ่อนตัวลงจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับยูโรในช่วงเดียวกันของปีก่อน
รายได้ต่อห้องพัก (RevPar) ใน 1Q68 เพิ่มเพียง 1%YoY เพราะเงินบาทแข็งค่า ส่วนรายได้สกุลเงินท้องถิ่นในยุโรป สหรัฐ และมัลดีฟส์แข็งแกร่ง แต่รายได้ในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ลดลงจากฐานสูงปีก่อน ซึ่งมีการจัดงาน Formula 1
รายได้จากธุรกิจอาหารทรงตัว YoY ใน 1Q68 โดยมาจากการขยายสาขา ส่วนยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ลดลง -2.3%YoY
EBITDA margin เพิ่มจากปีก่อน 80bps เป็น 24.4% ใน 1Q68 โดยหลักมาจากกลุ่มโรงแรม ขณะที่อัตรากำไรของกลุ่มอาหารลดลงเล็กน้อย ต้นทุนทางการเงินลดลง 16%YoY และอัตรากำไรสุทธิหลักปรับขึ้น 10bps เป็น 7.1%
แนวโน้ม 2Q68 คาดว่ากำไรหลักจะเพิ่มขึ้น QoQ หนุนโดยธุรกิจโรงแรมในยุโรปที่เป็นช่วง high season และการอ่อนค่าของเงินบาท อย่างไรก็ตาม การเติบโต QoQ อาจยังคงอยู่ในระดับจากัดจากความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้นในระดับโลก ซึ่งอาจกดดันทั้ง RevPar ของโรงแรม และยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ของธุรกิจอาหารบริษัทคาดว่าจะมีมาร์จิ้นที่ดีขึ้นในปีนี้ จากการปรับขึ้นอัตราค่าห้องพัก, ดอกเบี้ยจ่ายลดลงจากการชำระหนี้ และการปรับลดอัตราดอกเบี้ยโดยธนาคารกลางยุโรป (ECB)
แนวโน้มระยะกลางยังคงเน้นกลยุทธ์ Asset-light strategy โดย MINT ยังคงเป้าหมายการเติบโตของรายได้ต่อปีในระดับเลขหลักเดียวด้านสูง (High-single-digit) และการเติบโตของกำไรต่อปีที่ 15-20% ในช่วง 3 ปีข้างหน้า โดยในส่วนของธุรกิจโรงแรมจะเพิ่มสัดส่วนการบริหารและสัญญาแบบ Management Letting Rights ด้านธุรกิจอาหารจะเพิ่มสัดส่วนเฟรนไชส์ และกระจายไปยังประเทศต่างๆ เช่น อินโดนีเซีย อินเดีย ญี่ปุ่น ฯลฯ
คงคำแนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 36.50 บาท (DCF) โดยคาดการณ์กำไรหลักปีนี้เติบโต 9% ปัจจัยหนุนหลัก คือ มาร์จิ้นที่เพิ่มขึ้น และดอกเบี้ยจ่ายลดลง ราคาหุ้นปัจจุบันมี EV/EBITDA ปี 68 ที่ 5.1 เท่า และ P/BV ต่ำที่ 1.6 เท่า (Mean-3SD)
นักวิเคราะห์&กลยุทธ์ : นันทิกา เวียงเพิ่ม : nantikawiang@dbs.com