ภาวะตลาด : SET Index วันศุกร์ขยับขึ้นเล็กน้อย +1.28 จุด ปิดที่ 1195.77 โดยแกว่งตามผลประกอบการที่ประกาศออกมา และรอปัจจัยใหม่ เช่น ดัชนี PMI ของประเทศชั้นนำ ตัวเลขการค้าต่างประเทศของไทย นักลงทุนสถาบันขายสุทธิเล็กน้อย -72 ลบ. ส่วนต่างชาติขายสุทธิ -1.15 พันลบ.

ปัจจัยต่างประเทศ
- สหรัฐ : Moody's Ratingsได้ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐจาก Aaa เป็น Aa1 แนวโน้ม Stable โดยการปรับลดดังกล่าวเกิดขึ้นกว่า 1 ปีหลัง Moody’s ปรับแนวโน้มเป็น Negativeเหตุผลหลัก คือ การขาดดุลงบประมาณและหนี้สาธารณะที่สูงของรัฐบาล
- สหรัฐ : ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ค.ร่วงเป็น 50.8 ลดต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 และต่ำสุดนับตั้งแต่ก.ค.65 และตลาดคาดการณ์เงินเฟ้อ 1 ปีข้างหน้าเพิ่มเป็น 7.3% จาก 6.5% ในเดือนเม.ย. นอกจากนั้นนักลงทุนจับตา นโยบายภาษีของสหรัฐ หลังร่างกฎหมายปฎิรูปภาษีทรัมป์ ไม่ผ่านขั้นตอนสำคัญในสภาคองเกรส จากสมาชิกพรรครีพับลิกันต้องการให้ตัดงบประมาณลงอีก
-/• ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐล่วงหน้าเช้านี้ลดลง ตอบรับ Moody’s ปรับลดอันดับเครดิต ราคาน้ำมันดิบ WTI & BRENT บวกขึ้น +1.4% เป็น 62-65 US$/bbl ด้านสัญญาทองคำ COMEX ลดลง -39.40 ดอลลาร์ เป็น 3187.20 US$/ออนซ์ US Bond Yield 10 ปีเด้งขึ้นเล็กน้อยเป็น 4.46% ดัชนีค่าเงิน US$ ทรงๆที่100.70 เงินบาทแข็งขึ้นเป็น 33.20 บาท/ดอลลาร์ดัชนีราคาถ่านหิน (NC) ทรงที่99(สูงสุด 149) ดัชนีBaltic Dry Index ดีขึ้นเป็น 1388 (สูงสุดอยู่ที่ 1669)

ปัจจัยในประเทศ & ข่าวหุ้นเด่น
+/- ไทย : รัฐบาลเดินหน้าโครงการ เที่ยวไทยคนละครึ่ง โดยเลื่อนเป็นมิ.ย.68 รัฐช่วยจ่าย 50% จองรับคนละ10 สิทธิ์...เป็น Sentiment บวกกลุ่มหุ้นโรงแรมและค้าปลีก หุ้นเด่น ERW, CPALL อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ไม่ใช่ข่าวใหม่ จึงอาจตอบรับในทางบวกไม่มาก ส่วนโครงการแจกเงินดิจิตอลเฟส 3 น่าจะชะลอไปก่อน โดยก.คลังนัดประชุมทบทวนโครงการกระตุ้น 1.5แสนลบ.ในวันนี้ (19 พ.ค.)
• ไทย : วันนี้ (19 พ.ค.) สภาพัฒน์รายงานจีดีพีไตรมาส 1/68…ตลาดประเมินว่าจะขยายตัว 2.9%YoY ลดลงจากไตรมาส 4/67 ที่โต 3.2%
•/- ติดตามว่าไทยจะอยู่ในกลุ่มประเทศที่บรรลุข้อตกลงการค้ากับสหรัฐในระยะเวลาผ่อนผัน 90 วันหรือไม่ หลังจากทรัมป์ ระบุว่าจะมีหลายประเทศที่เจรจาไม่ทันภายในระยะเวลาดังกล่าว ติดตามว่าอัตราภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐของไทยจะเป็นเท่าไร ซึ่งเรามีความหวังว่าจะต่ำกว่า 36%
•/-จับตาสถานการณ์การเมืองไทย หลังมีการย้ายพรรคของนักการเมืองหลายคน ส่อแววว่าการเลือกตั้งทั่วไปอาจมากว่าที่คาดไว้ ซึ่งสถานการณ์การเมืองไทยที่ไม่แน่นอนเป็นอีกปัจจัยที่ถ่วงความเชื่อมั่นในการลงทุน

+ หุ้นที่คาดว่ากองทุน TESGX จะให้ความสนใจ ได้แก่ ADVANC (SET ESG Ratings: AAA), BEM (AAA), CPALL (AAA), CPN (AAA), GULF (AAA), KTB (AAA), KBANK (AAA), PTT (AAA), SCC (AAA), AOT (A), DELTA (A), BDMS (A) เป็นต้น

กลุยทธ์:
กลยุทธ์หลักเป็นการเลือกลงทุนหุ้นพื้นฐานดีที่ Valuation ไม่แพง และหุ้น Big Cap ที่กองทุน TESGX ให้ความสนใจ ซึ่งหุ้น Top Picks ของเดือนพ.ค.เป็น ADVANC, BDMS, BJC, CPALL และ KTB ส่วนการเก็งกำไรรอบสั้น ระยะสั้นมีแนวรับ 1190, 1185, 1175 หรือต่ำกว่า ส่วนแนวต้านระยะสั้นอยู่ที่ 1200, 1210

หุ้นพื้นฐานแนะนำ :
BCH – รายได้คนไข้ OPD และคนไข้ประกันสังคม (SSO) เพิ่มขึ้นใน 1Q68 และมีแนวโน้มไปได้ดี บริหารค่าใช้จ่ายดำเนินงานได้ดี คาดกำไรไตรมาส 2/68 เติบโต YoY จากไม่มีกลับรายการรายได้ SSO คาดกำไรทั้งปี 68 โต +25% ทั้งจากรายได้เพิ่ม ไม่มีกลับรายการ SSO และผลขาดทุนร.พ.ใหม่ลดลงแนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 19 บาท

นักวิเคราะห์&กลยุทธ์: อาภาภรณ์ แสวงพรรค : arparporns@dbs.com : Tel 02 587 7829