สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(16 พฤษภาคม 2568)------ไทยวิวัฒน์ โฮลดิ้ง โชว์ผลงานงวดไตรมาส 1/2568 กำไรสุทธิหลังหักภาษี สูงถึง 83 ล้านบาท ผลจากบริษัทลูก “ประกันภัยไทยวิวัฒน์” ทำผลงานแกร่งต่อเนื่อง มีรายได้จากการรับประกันภัยโตเกือบ 6% แตะ 1,883 ล้านบาท มั่นใจว่า ปีนี้เบี้ยรับรวมโตทะลุ 8,500 ล้านบาทตามเป้าหมาย
นายจีรพันธ์ อัศวะธนกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยวิวัฒน์ โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TVH ประกอบธุรกิจหลักโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) ซึ่งมีธุรกิจประกันวินาศภัยในประเทศไทยเป็นธุรกิจหลัก เปิดเผยภาพรวมผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1 ปี 2568 ว่า บริษัท ประกันภัยไทยวิวัฒน์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทลูกทำผลงานได้โดดเด่นต่อเนื่อง โดยสามารถทำเบี้ยประกันภัยรับได้ถึง 1,883 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.7% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน และยังสามารถทำกำไรจากการรับประกันภัยสำหรับในไตรมาสหนึ่งนี้สูงถึง 108 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 16% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
ผลประกอบการที่มีการปรับตัวดีขึ้นมาอย่างต่อเนื่องนี้ เป็นผลมาจากการที่ ประกันภัยไทยวิวัฒน์ ได้นำนวัตกรรมควบคู่กับการใช้เทคโนโลยี AI มาบริหารจัดการทั้งในการรวบรวม จัดหมวดหมู่ และวิเคราะห์ ข้อมูลอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้สามารถ ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างแม่นยำ คัดเลือกผู้บริโภคที่ควรจะเป็นกลุ่มเป้าหมาย บริหารจัดการความเสี่ยงได้อย่างเหมาะสม พร้อมทั้งสามารถบริหารต้นทุนการให้บริการด้านประกันวินาศภัยอย่างมีประสิทธิภาพ อาทิ การนำเอาระบบนวัตกรรมที่ได้พัฒนาขึ้นจากบริษัทด้านเทคโนโลยี ในกลุ่มของบริษัท TVH (บริษัท MARS จำกัด) ที่เรียกว่าระบบ MARS Inspect มาใช้ในการประเมินสภาพรถก่อนรับประกัน, ระบบ MARS Garage ประเมินความเสียหายจากอุบัติเหตุ ซึ่งปัจจุบันได้ให้อู่ในสัญญาครอบคลุมทั่วประเทศกว่าพันแห่ง นำมาใช้ในการประเมินค่าซ่อมสำหรับรถประกัน รวมถึงระบบการเคลมประกันด้วยตัวเองผ่าน Application
นอกจากนั้น ยังได้นำฐานข้อมูลที่ได้มีการรวบรวมจากผลิตภัณฑ์ประกันรถเปิดปิด มาปรับเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการ ซึ่งมีผลทำให้ ผู้เอาประกันรถเปิดปิดได้รับการบริการอย่างสะดวกและรวดเร็วมากขึ้น ทำให้การประกันรถเปิดปิดได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยจะเห็นได้จากอัตราการต่ออายุของผู้เอาประกันรถเปิดปิดที่มีอัตราสูงถึงกว่า 80 % เป็นผลทำให้ผลิตภัณฑ์การประกันรถเปิดปิดยังคงเติบโตแข็งแกร่ง ทั้งจุดแข็งที่ช่วยลูกค้าประหยัดค่าเบี้ยสูงสุดถึง 80% เมื่อเทียบประกันรถยนต์รายปี และล่าสุดได้พัฒนาต่อยอดฟีเจอร์ใหม่ รถติดไม่คิดเบี้ย ที่นับเป็นการตอกย้ำการคิดเผื่อเพื่อผู้บริโภคไปอีกขั้น
ขณะที่ประกันภัยประเภทอื่นๆ ของ ประกันภัยไทยวิวัฒน์ ก็สามารถเติบโตโดดเด่นกว่า 35% เทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน แตะ 368 ล้านบาท จากการเดินหน้าขยายฐานกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ และเพิ่มช่องทางการขายเพิ่มมากขึ้นจากปีที่ผ่านมา ทั้งโมเดิร์นเทรด และแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ช โดยล่าสุดบริษัทได้ขายประกันสุขภาพ Active Health และประกันรถเปิดปิด ผ่านช่องทางโมเดิร์นเทรด อาทิ การขายโดยบริษัทนายหน้าประกันภัยของห้างโลตัส เป็นต้น เพื่อขยายฐานและเพิ่มโอกาสให้กลุ่มลูกค้าสามารถเข้าถึงการประกันภัยได้มากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งเดินหน้าขยายแนวคิด “Beyond Insurance” อย่างเป็นรูปธรรม ผ่านแคมเปญ Caring Forward ส่งต่อความดี ด้วยการขับขี่ปลอดภัย โดยประกันภัยไทยวิวัฒน์ จะบริจาคเบี้ยประกันส่วนหนึ่งของกรมธรรม์เพื่อลดหย่อนภาษีเงินได้ของผู้เอาประกันภัย ซึ่งเป็นแนวคิดที่นำเสนอต่อผู้เอาประกันภัยเป็นครั้งแรกของประเทศไทย
นายจีรพันธ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับค่าใช้จ่ายการรับประกันภัยงวดไตรมาส 1/2568 เพิ่มขึ้นราว 8% อยู่ที่ 1,653 ล้านบาท ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากค่าสินไหมจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้น เมื่อวันที่ 28 มีนาคม ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามจากการบริหารความเสี่ยงด้วยการประกันภัยต่อของประกันภัยไทยวิวัฒน์ที่มีประสิทธิภาพ ทำให้เหตุการณ์แผ่นดินไหวมีผลกระทบอย่างมีขอบเขตจำกัดกับผลประกอบการของประกันภัยไทยวิวัฒน์ นอกจากสินไหมจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวแล้ว ทางประกันภัยไทยวิวัฒน์ ได้มีการปรับปรุงการตั้งสำรองการรับประกันภัยให้เป็นไปตามมาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับที่ 17 เรื่องสัญญาประกันภัย (TFRS 17) ทดแทนมาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับที่ 4 (TFRS 4) เดิม ซึ่งเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 ที่ผ่านมานั้น โดยสรุปประกันภัยไทยวิวัฒน์ สามารถทำกำไรสุทธิงวดไตรมาส 1/2568 ตามมาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับที่ 17 นี้ได้สูงถึง 83 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัท ไทยวิวัฒน์ โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TVH ประกอบธุรกิจหลักโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) ซึ่งแบ่งโครงสร้างธุรกิจเป็น 2 กลุ่มหลัก ประกอบด้วย 1.กลุ่มธุรกิจหลัก ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับประกันภัย ประกอบไปด้วยธุรกิจประกันวินาศภัยในไทย ธุรกิจประกันภัยในต่างประเทศ และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจประกันภัย และ 2.กลุ่มธุรกิจอื่นที่นอกเหนือจากธุรกิจประกันภัย โดยพิจารณาความเป็นไปได้ในการเข้าลงทุนในธุรกิจที่ส่งเสริมธุรกิจประกันภัย และหรือธุรกิจมีผลตอบแทนสูง เพื่อสร้างผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหุ้นในระยะยาว