AT THE OPEN (#ATO)

ตลาดผันผวนเป็นโอกาส
สะสมรอรอบการฟื้นตัว

Market Strategy
วันนี้คาดว่า SET Index แกว่งตัวในกรอบ 1,180 – 1,200 จุด ตลาดหุ้นเอเชียอยู่ในช่วงการพักฐานรอความคืบหน้าการเจรจาดีลการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับประเทศต่างๆ ที่เป็นรูปธรรม ในขณะเดียวกันยังให้น้ำหนักไปที่การส่งสัญญาณของสหรัฐฯ ต่อทิศทางการกำหนดนโยบายเศรษฐกิจในช่วงการเดินทางเยือนตะวันออกกลางของ โดนัล ทรัมป์ ซึ่งมีการหารือ เน้นการดึงเงินกลับเข้าลงทุนในสหรัฐฯ ล่าสุด ขอให้ Apple หยุดสร้างโรงงานในอินเดีย และเปลี่ยนมาขยายฐานการผลิตในสหรัฐฯ แทน
สถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ยังผันผวน แม้อิหร่านส่งสัญญาณยอมลดระดับการสะสมยูเรเนียมและเปิดให้ตรวจสอบเพิ่ม หนุนโอกาสบรรลุดีลนิวเคลียร์กับสหรัฐฯ ซึ่งอาจกดดันราคาน้ำมันจากการกลับมาส่งออกของอิหร่าน อย่างไรก็ดี ความตึงเครียดรัสเซีย–ยูเครนยังยืดเยื้อ หลังปูตินไม่ร่วมวงเจรจาสันติภาพ ขณะทรัมป์อาจเข้าร่วมปลายสัปดาห์ ทำให้ราคาน้ำมันยังแกว่งในกรอบไม่แน่นอน
ภาพรวมงบฯ 1Q68 ล่าสุดออกมาผสมผสาน โดยมีกลุ่มอุตสาหกรรมที่สะท้อนความเสี่ยงของเศรษฐกิจในช่วงถัดไป นำโดย ธนาคาร ที่ภาพรวม NIM ลดลง ส่วนคุณภาพสินทรัพย์ผสมผสาน, กลุ่มการท่องเที่ยวทั้ง 1) โรงแรม (MINT CENTEL AWC) ผสมผสานภาพรวมธุรกิจโรงแรมยังดีในช่วง High season แต่อุปสงค์ MICE ชะลอตัว 2) สายการบิน (AAV, BA) กำไรใกล้เคียงคาด แต่อย่างไรก็ตามตลาดเริ่มให้น้ำหนักแนวโน้มการภาคท่องเที่ยวที่มีความเสี่ยง อิเล็กทรอนิกส์ (KCE, SVI) เริ่มเห็นสัญญาณอุปสงค์ชะลอ, อสังหา อุปสงค์หดตัว, เครื่องดื่ม การแข่งขันในอุตสาหกรรมที่รุนแรง
ขณะที่กลุ่มเด่น นำโดย เนื้อสัตว์ (CPF, TFG, BTG, GFPT) ได้แรงหนุนจากราคาสินค้าเกษตรและต้นทุนอาหารสัตว์ที่ลดลง, ICT (ADVANC, TRUE) กำไรออกมาดี จากการบริหารจัดการค่าใช้จ่าย และเริ่มเห็นสัญญาณบวกการแข่งขันที่ลดลงในอุตสาหกรรม, ขณะที่กลุ่มค้าปลีก เด่นในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค/อาหาร (CPALL) ในขณะที่กลุ่ม Home Improvement เริ่มเห็นสัญญาณการชะลอตัวของ SSSG ในช่วง 1Q68 และต่อเนื่องใน 2Q68

Market Summary
SET ปิดร่วงแรง 22.22 จุด หรือ -1.83% หลุดแนวรับจิตวิทยา 1,200 จุด มาปิดที่ 1,194.49 จุด จากแรงขายหุ้นขนาดใหญ่ที่ประกาศงบ 1Q68 ต่ำกว่าคาด ทั้งกลุ่มการเงิน (SAWAD-13.9%), ขนส่ง (AOT-6.7%) ตามด้วยกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ (KCE -10.4%, CCET -9.9%, DELTA -2.2%) โดนขายทำกำไรหลังราคาปรับขึ้นแรงก่อนหน้า ส่วนกลุ่มพลังงาน (PTTEP -3.4%, TOP -2.8%) ถูกกดดันจากราคาน้ำมันที่อ่อนตัว ขณะที่ฝั่งบวกมี TIDLOR +56.3% กลับเข้าซื้อขายวันแรกหลังปรับโครงสร้าง, CPALL +1.5% ฟื้นตัว

DAILY Stock Pick
PR9
งบ 1Q68 โตเด่น ไตรมาสถัดไปโตต่อเนื่อง
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 32.00 บาท
รายงานกำไรงวด 1Q68 ที่ 201 ล้านบาท (+26%YoY,-3%QoQ) ใกล้เคียงเราและตลาดคาด โดยรายได้กลุ่มลูกค้าต่างชาติเติบโตถึง +88%YoY จากลูกค้าตะวันออกกลาง, CLMV และ จีน ตามลำดับ โดยในไตรมาสถัดไปลูกค้าตะวันออกกลางกลับมาใช้บริการอีกครั้งหลังจากหมด เดือนรอมฎอน ในไตรมาส 1
เราชอบ PR9 เป็น Top pick ของเราในกลุ่มโรงพยาบาล เนื่องจากการเติบโตของกำไรเฉลี่ยที่ 14% (CAGR) สูงสุดในกลุ่ม หนุนจาก 1) การเติบโตของลูกค้าตะวันออกกลาง 2) จำนวนเตียง ผ่านช่วงการลงทุนไปแล้ว ณ ราคาปัจจุบัน ถูกซื้อขาย PE68 ที่ 23 เท่า (0SD ของค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี)

KEY FACTOR
ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ แกว่งตัวผสมผสาน ท่ามกลางความผันผวนจากปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์และความไม่แน่นอนด้านเศรษฐกิจโลก โดย ตลาดเอเชียเหนือ ปิดลบถ้วนหน้า นำโดย NIKKEI -0.98%, KOSPI -0.73%, TAIEX -0.24% จากแรงกดดัน Bond Yield สหรัฐฯ และแรงขายหุ้นเทค ขณะที่ จีน-ฮ่องกง ยังถูกกดดันต่อเนื่องจากเศรษฐกิจในประเทศที่ชะลอตัว HSI -0.79%, ส่วน SSEC -0.68% แม้มีคาดการณ์มาตรการกระตุ้นรอบใหม่ ด้าน กลุ่ม ASEAN มีทั้งบวกและลบคละกัน SET Index -1.83% ฟิลิปปินส์ -1.30%, มาเลเซีย -0.66% ส่วน อินโดนีเซีย +0.86%, สิงคโปร์ +0.54% ที่ได้แรงหนุนจากการซื้อกลับกลุ่ม domestic play

ตัวเลข PPI สหรัฐฯ เดือน เม.ย. ภาพรวมออกมาต่ำกว่าคาด สะท้อนแรงกดดันเงินเฟ้อภาคการผลิตที่ผ่อนคลายลง โดย PPI ลดลง -0.5% MoM (vs คาด +0.2%) ขณะที่ Core PPI -0.4% MoM (vs คาด +0.3%) ในขณะที่ตัวเลข YoY ก็ชะลอตัวเช่นกัน โดย PPI อยู่ที่ +2.4% YoY (vs คาด +2.5%) และ Core PPI อยู่ที่ +3.1% YoY เท่ากับที่คาด สะท้อนภาพแรงกดดันราคาต้นทุนที่เย็นลงชัดเจน ซึ่งจะเป็นปัจจัยสนับสนุนการผ่อนคลายนโยบายการเงินของเฟดในช่วงถัดไป และช่วยหนุนบรรยากาศการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงโดยเฉพาะหุ้นกลุ่มเติบโต ที่ตอบรับเชิงบวกกับภาวะดอกเบี้ยขาลง

EYES ON
[ในสัปดาห์] : ความคืบหน้าการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯกับประเทศต่างๆ

นักกลยุทธ์ : ธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์, ชาญชัย พันทาธนากิจ, ออมทรัพย์ โง้วศิริ