สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(14 พฤษภาคม 2568)--------ATP30 เผยผลประกอบการไตรมาส 1/68 ทำสถิติสูงสุดต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 9 รายได้รวม 202.51 ล้านบาท เติบโต 14.28% กำไรสุทธิ 15.22 ล้านบาท เติบโต 45.93% อัตรากำไรขั้นต้นพุ่งแตะกว่า 20% กระแสเงินสดแข็งแกร่ง เดินหน้าขยายฐานลูกค้าบัส EV ในกลุ่มอุตสาหกรรมใหม่อย่างต่อเนื่อง พร้อมบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ
นายปิยะ เตชากูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอทีพี 30 จำกัด (มหาชน) หรือ ATP30 ผู้ให้บริการรถรับส่งพนักงานจากที่พักในเขตชุมชนไปยังโรงงานอุตสาหกรรมและสถานประกอบการ โดยเฉพาะในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมภาคตะวันออก (Eastern Seaboard) และเขตอุตสาหกรรมในภาคกลาง เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 1/2568 ทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 9 มีรายได้รวม 202.51 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 25.31 ล้านบาท เติบโต 14.28% และมีกำไรสุทธิ 15.22 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 4.79 ล้านบาท เติบโต 45.93%
ผลประกอบการของ ATP30 เติบโตอย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากบริษัทรับรู้รายได้จากลูกค้าที่ใช้บริการเพิ่มขึ้น ทั้งในส่วนของกลุ่มลูกค้าใหม่ ลูกค้าเดิมที่ขยายสัญญา เพิ่มจำนวนรถให้บริการ รวม 67 ราย คิดเป็นมูลค่าสัญญารวม 1,830 ล้านบาท อีกทั้งสามารถควบคุมต้นทุน และบริหารจัดการการเดินรถได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 21.90% เพิ่มขึ้นจาก Q1/67 ซึ่งอยู่ที่ 19.85% และมีอัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 7.52% เพิ่มขึ้นจาก Q1/67 ซึ่งอยู่ที่ 5.89%
นอกจากนี้บริษัทได้เริ่มใช้งานระบบ Solar Roof & Smart Charger ที่ได้รับการพัฒนาเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าจากเดิม 60 กิโลวัตต์ เป็น 120 กิโลวัตต์ ในปัจจุบันและจะขยายเป็น 240 กิโลวัตต์ในปีนี้ นำมาใช้ชาร์จรถ EV ของบริษัทได้โดยตรง ซึ่งช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน
นายปิยะ กล่าวต่อไปว่า บริษัทอยู่ระหว่างติดตามผลกระทบจากนโยบายปรับขึ้นภาษีนำเข้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งอาจกระทบการดำเนินงานของลูกค้าบางราย อย่างไรก็ตามคาดว่าจะไม่ส่งผลต่อภาพรวมของบริษัทมากนัก ขณะเดียวกันยังมีปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันในประเทศที่ปรับตัวลดลง และบริษัทอยู่ระหว่างรอความคืบหน้าของมาตรการสนับสนุนรถ EV เชิงพาณิชย์จากภาครัฐ ให้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีสูงสุดถึง 2 เท่า คาดว่ามาตรการนี้จะเป็นแรงสนับสนุนสำคัญที่ช่วยผลักดันการเติบโตของรายได้ในอนาคต
“บริษัทเดินหน้าขยายฐานลูกค้าบัส EV ในกลุ่มอุตสาหกรรมใหม่ อาทิ อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ยังคงเน้นพื้นที่ในเขตนิคมอุตสาหกรรมภาคกลางและเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) พร้อมพัฒนานวัตกรรมด้านระบบพลังงานไฟฟ้า และบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีแบบแผน โดยมีความแข็งแกร่งทางการเงินและกระแสเงินสดที่มั่นคง เพื่อรองรับการลงทุนและการขยายธุรกิจในอนาคต มุ่งสู่การเป็นผู้นำด้านบริการขนส่งบุคลากรด้วยพลังงานสะอาดต่อไป” นายปิยะ กล่าว