ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

บล.คิงส์ฟอร์ด : บทวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นรายวัน

14 พ.ค. 2568 09:12:39 79

Market Wrap-Up

SET วันที่ 13 พ.ค.68 ปิด +3.45 จุด อยู่ที่ 1,214.39 จุด มูลค่าการซื้อขาย 50,869 ลบ. สถาบันซื้อ 779 ลบ. รายย่อยซื้อ 1,737 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 51 ลบ. และต่างชาติขาย 2,466 ลบ. NVDR มียอดซื้อสุทธิ 94 ลบ.โดยมียอดซื้อในหุ้น ADVANC,PTT,WHA,AWC,BH และยอดขายหุ้น DELTA,CPALL,SCC,KBANK,AOT มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 2,187 ลบ.หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ KTC,HMPRO,OSP โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Short ใน Index Futures จำนวน 5,956 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 39,679 สัญญา ต่างชาติขายสุทธิในตลาดพันธบัตรไทย 6,629 ลบ.
ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA -0.64%, S&P500 +0.72%, Nasdaq +1.61% โดยกลุ่มเทคโนโลยี +2.2%,สินค้าฟุ่มเฟือย +1.4% ขณะที่กลุ่มเฮลธ์แคร์ -2.97% หลังหุ้น United Health -17.8% รับข่าว CEO ลาออก ส่วน US CPI เม.ย. อยู่ที่ 2.3% ต่ำกว่าคาดที่ 2.4% YoY ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 +0.12% หลังสหรัฐ – จีนสามารถบรรลุข้อตกลงการค้าชั่วคราว 90 วัน กอปรกับเงินเฟ้อสหรัฐ เม.ย. ปรับลดลง

Market View

ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ S&P500, Nasdaq ปรับขึ้น หลังข้อมูล US CPI เม.ย. อยู่ที่ 2.3% & คาด 2.4% YoY และ เม.ย. อยู่ที่ 0.2% & คาด 0.3% MoM บ่งขี้เงินเฟ้อสหรัฐยังอยู่ระดับต่ำ กอปรข้อตกลงการค้าสหรัฐ – จีน ยังช่วยลดความกังวลต่อเงินเฟ้อสหรัฐอาจสูงขึ้นในระยะถัดไป ซึ่งเป็นผลบวกต่อหุ้นกลุ่ม Growth ของสหรัฐ ขณะที่กลุ่มเฮลธ์แคร์ -2.97% หลังหุ้น United Health -17.8% รับข่าว CEO ลาออก และบริษัทงดการให้ประมาณการณ์กำไรในงวดปี 68 ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจวันพรุ่งนี้ติดตาม ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, US PPI & ยอดค้าปลีก เม.ย. และถ้อยแถลงของ ปธ.เฟด ในงานสัมมนาที่วอชิงตัน ดีซี เพื่อจับสัญญาณดอกเบี้ยสหรัฐ
ตลาดยุโรปวานนี้ +0.12% รับข่าวสหรัฐ – จีนบรรลุข้อตกลงการค้าชั่วคราวเป็นเวลา 90 วัน ส่งผลให้ Euro Vix Index ปรับลดลงอยู่ที่ 18.2 ต่ำสุดในรอบ 11 สัปดาห์ โดยนักลงทุนรอรายงานงบ บจ.ใน Stoxx600 ซึ่ง LSEG คาดกำไร Q1/68 +9% YoY และหากไม่รวมกลุ่มพลังงานคาดกำไร +7.3% YoY ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสัปดาห์นี้ติดตาม CPI เยอรมัน, ฝรั่งเศส เม.ย., Eurozone & UK GDP Q1/68 รวมถึงการเจรจาระหว่าง ปธน.ปูติน & เซเลนสกี้ ที่ตุรกีในวันพฤหัสนี้
ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ ดัชนีนิเกอิ +1.43% ได้แรงหนุนจากกลุ่มส่งออกรถยนต์ ที่ได้ประโยชน์จากค่าเงินเยนอ่อนค่า ขณะที่ดัชนีฮั่งเส็ง -1.87% ถูกแรงขายทำกำไร หลังสัปดาห์ก่อนดัชนีได้ปรับขึ้น ตอบรับข่าวบวกผลการเจรจาการค้าสหรัฐ – จีน และยังรอผลการเจรจาของสหรัฐกับประเทศคู่ค้าอื่น ๆ ข้อมูลเศรษฐกิจวันศุกร์ติดตาม GDP ญี่ปุ่น Q1/68 คาด -0.2% & Q4/67 +2.2% YoY
SET วานนี้ +0.28% ปริมาณการซื้อขาย 0 หมื่น ลบ. สถาบันซื้อ 779 ลบ. รายย่อยซื้อ 1,737 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 51 ลบ. และต่างชาติขาย 2,466 ลบ. โดยดัชนีปรับขึ้นสูงสุดระหว่างวันที่ 1,231.02 จุด ตอบรับข่าวสหรัฐ – จีนปรับลดการเก็บภาษีศุลกากรต่อกันเป็นเวลา 90 วัน ส่งผลบวกต่อหุ้นในกลุ่ม Global & China Play เช่น อิเล็กทรอนิกส์, ปิโตรเคมี, บรรจุภัณฑ์ และท่องเที่ยว แต่ดัชนี SET ถูกแรงขายกำไร หลังประเทศไทยยังไม่อยู่ในรายชื่อ 20 ประเทศที่สหรัฐจะเริ่มเจรจา แม้ว่านายก ฯ เผยได้ส่งหัวข้อการเจรจาให้สหรัฐแล้วในช่วงสัปดาห์ก่อน โดยตลาดอยู่ระหว่างรายงานกำไร บจ วานนี้ TFG,BTG,AAI,BCP,TASCO,CPALL,MINT มีกำไร Q1/68 ดีกว่า Consensus คาดการณ์ และ บจ. จำนวน 278 แห่งทีส่งงบแล้วมีกำไรดีกว่า BB.Consensus +1.54% ส่วนผลการรีบาลานท์ของ MSCI พ.ค. ได้ถอดหุ้นไทยออกจาก Global Standard 3 ตัว BEM,CRC,KTC ขณะที่ Small Cap เข้า 2 ตัว AWC,BEM และออก 8 ตัว AURA,BPP,DOHOME,GUNKUL,JAS,JMART,M,PRM

Daily Strategy

ประเมินแนวรับดัชนี SET ที่ 1,200 – 1,210 แนวต้าน 1,220 – 1,225 คาดดัชนีทรงรอการเริ่มการเจรจาการค้าสหรัฐ – ไทย กอปรวันจันทร์หน้าสภาพัฒน์จะรายงาน GDP ไทย Q1/68 แนะนำทยอยซื้อกลุ่ม China Play เช่น PTTEP,SCC,SCGP,BCP หลังสงครามการค้ามีแนวโน้มลดลง/ กลุ่มพลังงานทดแทน CKP,BCPG คาดกำไร Q2/68 อยู่ในแนวโน้มบวก และกลุ่มอาหาร เช่น GFPT,TFG,AAI ที่รายงานกำไร Q1/68 ดีกว่าคาด
GULF* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 61.25 บาท) รายงานกำไรสุทธิ 1Q68 (งบก่อนควบรวม) 4 พันล้านบาท +YoY จากการเติบโตของโรงไฟฟ้า IPP ปลวกแดง และหินกอง COD ครบทุก unit เต็มไตรมาส ส่วนโรงไฟฟ้า Renew มี COD ใหม่ในโครงการ Solar+BESS เข้ามาเป็นไตรมาสแรก นอกจากนี้ยังรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากโครงการ Wind GULF GUNKUL เพิ่มขึ้นตามกำลังลมที่แรง รับรู้กำไรจาก INTUCH เพิ่มขึ้นโดยหลักจากผลประกอบการของ ADVANC ที่ดี / สำหรับกำไร +QoQ ตามปัจจัยฤดูกาลที่ IPP ผ่าน low season รวมถึงส่วนแบ่งกำไรทั้งจาก IPP wind และสื่อสารที่เพิ่มขึ้น แนวโน้มกำไร 2Q68 คาดกำไรโตต่อ QoQ, YoY เป็น high season demand กำไรจาก ADVANC ก็ยังดี data center phase แรกเริ่มเปิดเดือน พ.ค.นี้ และรับเงินปันผลจาก KBANK ระยะถัดไปยังคงมีปัจจัยหนุนจากการควบรวมและตั้งบริษัทใหม่ ทำให้งบดุลแข็งแกร่งเพิ่มความสามารถในการลงทุนขยายธุรกิจใหม่ทางด้าน Data center และ AI Cloud Solutions
KCG* (ซื้อ/ ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 11.54 บาท) กำไรสุทธิ 1Q68 อยู่ที่ 122 ลบ.(+71%YoY, -25%QoQ) อ่อนตัว QoQ ตามฤดูกาล แต่ YoY โตได้หนุนจากสินค้ากลุ่ม Food and Bakery Ingredient ด้าน KCG* เอง วางเป้ารายได้ปี68นี้ +6 ถึง 9%YoY ปัจจัยขับเคลื่อนหลักจะมาจากสินค้าใหม่ๆ การหาตัวแทนกระจายสินค้าเพิ่มเติม และการให้ความสำคัญกับช่องทางออนไลน์ ขณะที่ในส่วนของต้นทุนค่าใช้จ่ายคาดว่าจะได้ประโยชน์จาก Solar Roof รวมถึงการเปิดใช้งาน KCG Logistic Park ทั้งนี้ ตลาดคาดกำไรสุทธิ KCG* ปี68 และ69 จะอยู่ที่ 451 ลบ.(+11%YoY) และ 509 ลบ.(+13%YoY)

Daily Key Factors

Oil Update(+) WTI มิ.ย. +$1.72 อยู่ที่ $63.67 / บาร์เรล, Brent ก.ค. +$1.67 อยู่ที่ $66.62/บาร์เรล หลังสหรัฐสามารถบรรลุข้อตกลงการค้ากับจีนเป็นเวลาชั่วคราว 90 วัน กอปรข้อมูล US CPI เม.ย. ปรับลดลง ช่วยลดความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอย ขณะที่ API รายงานสต็อคน้ำมันดิบสหรัฐสัปดาห์ที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น 4.287 ล.บาร์เรล

Gold Update(+) Comex Gold มิ.ย.+$19.80 อยู่ที่ $3,247.80 /ออนซ์ ได้แรงหนุนหลังข้อมูล US CPI เม.ย. ชะลอตัวอยู่ที่ 2.3% กอปรกับ Dollar Index อ่อนค่า -0.77% อยู่ที่ 101.002

Fund Flow(-) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ขายสุทธิ -73.26 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นไทย -74.23 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และซื้อหุ้นฟิลิปปินส์ +0.97 ล.ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ค่าเงินบาทเช้านีแข็งค่าอยู่ที่ 33.20 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ทรงตัวอยู่ที่ 4.477 %

(-) ดัชนี BDI วานนี้ -24 จุด อยู่ที่ 1,280

(+) BitCoin เช้านี้ +1.42% อยู่ที่ 103,868 ดอลลาร์สหรัฐ

Economic Calendar

ในประเทศ

14 พ.ค. รายงานผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ฉบับย่อ

19 พ.ค. สภาพัฒน์ แถลง GDP ไตรมาส 1/68

สัปดาห์ที3 ม.หอการค้าไทย แถลงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค, ดัชนีความเชื่อมั่น

หอการค้าไทย

ส.อ.ท. แถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม

สัปดาห์ที4 กระทรวงพาณิชย์ แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศ

ส.อ.ท. แถลงยอดผลิตและส่งออกรถยนต์ รถจักรยานยนต์และชิ้นส่วน

ยานยนต์

ต่างประเทศ

13 พ.ค. US ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)(เม.ย.)

14 พ.ค. USสินค้าคงคลังน้ำมันดิบ

15 พ.ค. US ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) (เม.ย.)

US ดัชนียอดขายปลีก (เม.ย.)

US ดัชนีภาคการผลิตจากธนาคารกลางรัฐฟิลาเดลเฟีย ( พ.ค.)

US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก

Theme Strategy

Theme หุ้นที่มีปัจจัยบวกตามกระแส Megatend, ทิศทางดอกเบี้ยเริ่มเข้าสู่ขาลง, และ/หรือ สามารถรับจากความเสี่ยง Trade War ได้

(1) กลุ่มการเงิน Leasing รับแนวโน้มทิศทางดอกเบี้ยในประเทศลดลง NCAP*, S11*, SINGER* ,SGC* ,THANI*

(2) กลุ่มสื่อสาร โรงไฟฟ้า หุ้น defensive ได้ประโยชน์จาก Bond yield ที่ปรับลดลง ธุรกิจหลักมีการเติบโตสอดคล้องเศรษฐกิจใหม่ ADVANC ,TRUE ,GULF*, GPSC*, BCPG

(3) กลุ่มเกษตรได้ประโยชน์จากราคาสุกรในประเทศที่อยู่ในระดับสูง ขณะที่การส่งออกไก่ไปต่างประเทศยังทำได้ดี CPF, BTG* ,TFG* ,FM* ,GFPT

(4) กลุ่ม China Play คาดความดึงเครียดทางการค้าผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว แม้ยังมีความผันผวนแต่หุ้นที่เกี่ยวข้องมี valuation ที่ปรับตัวลงมาต่ำมากแล้ว น่ากลับไปหาจังหวะเก็งกำไร SCC* ,SCGP* ,PTTGC

(5) กล่มสินค้า IT ได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนถ่ายเทคโนโลยี ADVICE* ,COM7* SYNEX*,SIS*

(6) สินค้าจำเป็นและการบริโภคในชีวิตประจำวันที sensitive น้อยต่อกำลังซื้อในประเทศชะลอตัว เช่น CPALL , MALEE*, BJC ,OKJ*, NSL*

**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย

Asset Allocation: Equity 50% Fixed Income 35% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%

Today Fundamental Research: -

Monthly Portfolio May 2025: CPALL, TASCO*, TFG*, OKJ*, NSL*