Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

บล.เอเซีย พลัส : Market Talk

78

 

 

SET ขึ้นตามเพื่อน
TOP PICK PTTEP / SCC / GPSC

 

EXTERNAL FACTOR
ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวขึ้นราว 2.8% - 4.3% ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นราว 0.5% - 1.6% ส่วนเอเชียปรับตัวขึ้น 0.3% - 3% จำกความตึงเครียดทางการค้าสหรัฐฯ - จีน ผ่อนคลายลง โดยจีน ลดภาษีสหรัฐฯ เหลือ 10% (เดิม 125%) และสหรัฐฯ ลดภาษีจีน เหลือ 30% (เดิม 145%)

หนุนเม็ดเงินไหลออกจากสินทรัพย์ปลอดภัย และหนุน BOND YIELD 10Y สหรัฐฯ พุ่ง ขึ้นใกล้แตะ POLICY RATE ที่ 4.5% ซึ่งทำให้นักลงทุนคาดว่า FED เลื่อนการปรับลดดอกเบี้ยครั้งแรกไปอยู่ที่เดือน 9 จากก่อนหน้านี้คาดจะลดดอกเบี้ยช่วงเดือน 6 - 7 ซึ่ง น่าจะทำให้ SET INDEX จะเปิดเขียวได้ราว 10 - 15 จุด (PRE-OPEN) เช้านี้

 

INTERNAL FACTOR
สหรัฐฯ ลดภาษีจีน เหลือ 30% (เดิม 145%) ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำกว่า ธปท. ประเมินไว้ใน ฉากทัศน์ LOWER TARIFFS ที่ 54% มองเป็นมุมบวกที่อาจเพิ่ม UPSIDE ให้กับ GDP GRWOTH ของไทย เติบโต้ได้ไม่ต่ำกว่า 2% ในปี 2568

อย่างไรก็ตาม ผู้ว่า ธปท.ฉายภาพ "เศรษฐกิจไทย" ชะลอลงก่อนซึมลากยาว รับพิษ "ภาษีทรัมป์" โดยคาดว่าจะเริ่มเห็นผลกระทบตั้งแต่ 3Q68 และชัดเจนใน 4Q68

ฝ่ายวิจัยฯ ประเมิน ดอกเบี้ย 1.75% จะหนุนกรอบแนวรับสำคัญทำงพื้นฐาน SET ขยับ ขึ้นมาอยู่ที่ 1060 จุด ส่วน TARGET ปีนี้ 1424 จุด


INVESTMENT STRATEGY
เม็ดเงินไหลออกจากสินทรัพย์ปลอดภัยเข้าสินทรัพย์เสี่ยงอีกครั้ง โดย FUND FLOW สลับมาไหลเข้าตลาดหุ้นภูมิภาคในเดือน พ.ค. นี้ (MTD) ส่วนตลาดหุ้นไทย ต่างชาติมีการขายสุทธิน้อยลงเหลือ -438 ล้านบาทเท่านั้น (MTD) จากขายสุทธิในปีนี้ -5.5 หมื่นล้านบาท (YTD) ขณะที่สัปดาห์นี้เริ่มมีเม็ดเงิน THAIESGX เข้ามาพอดี หนุนให้ SET ในเดือนนี้มีโอกาสเดินหน้าต่อได้

กลยุทธ์การลงทุนแนะนำ 4 ธีม เก็งกำไรในช่วงนี้หุ้นอิงเศรษฐกิจจีน PTTGC, SCC, SCGP, PTTEP หุ้นอิงเทคฯ DELTA, CCET, KCE หุ้นอิงงบ 1Q68 โต QOQ, YOY และดีกว่าคาด WHA, TRUE, GULF, GPSC, OR หุ้นอิง VALUATION ถูกกว่าปกติ CPALL, AOT, BH


ความตึงเครียดทางการค้าสหรัฐฯ-จีน ผ่อนคลายลง หนุนเม็ดเงินเข้า RISK ON
วานนี้ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวขึ้นราว 2.8%-4.3% ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นราว 0.5%-1.6% ส่วนเอเชียปรับตัวขึ้น 0.3%-3% ลุ้นเช้านี้ SETINDEX จะเปิดเขียวได้ราว 10-15 จุด(PRE-OPEN)จากความตึงเครียดทางการค้าสหรัฐฯจีน ผ่อนคลายลง โดยสหรัฐฯ -จีน ตกลงลดภาษีตอบโต้ระหว่างกัน ชั่วคราว 90 วัน มีผลบังคับใช้วันที่ 14 พ.ค. 68
• จีน ลดภาษีสหรัฐฯ เหลือ 10% (เดิม 125%)
• สหรัฐฯ ลดภาษีจีน เหลือ 30% (เดิม 145%)

 

ซึ่งประเด็นที่ต้องติดตาม คือ จีนจะยกเลิกมาตรการ NON-TARIFFS ที่บังคับใช้กับสหรัฐฯ เมื่อช่วงต้นเดือนเม.ย.68 ซึ่งอาจรวมถึงการควบคุมแร่หายาก รวมถึงTRUMP อำจพูดคุยกับ XI JINPING ในช่วงปลายสัปดาห์นี้, BESSENT(รมต.คลังสหรัฐฯ) คาดเพดานภาษีตอบโต้จีนสูงสุดที่ 34% (การเก็บภาษียาเฟนทานิลอาจลดลง) แต่ไม่น่าต่ำกว่า 10% (คาดหวังภาษีตอบโต้ไทยจะต่ำกว่า 36%) และ สหรัฐฯ จ่อเปิดตัวดีลการค้ากับหลายประเทศในช่วงเดือนหน้า แต่คาดว่าการเก็บภาษีจากแต่ละประเทศในอัตรา 10% จะไม่ถูกยกเลิก ซึ่งเป็นประเด็นที่ต้องติดตามว่าผลลัพธ์ยังออกมาในโทนผ่อนคลายอย่างต่อเนื่องหรือไม่

 

อย่างไรก็ตามความตึงเครียดทางการค้าสหรัฐฯ-จีน ที่ผ่อนคลายลงช่วงสั้น(90 วัน) หนุนเม็ดเงินไหลออกจากสินทรัพย์ปลอดภัย และหนุน BOND YIELD 10Y สหรัฐฯ พุ่งขึ้นใกล้แตะ POLICY RATE ที่ 4.5% ซึ่งทำให้นักลงทุนคาดว่า FED เลื่อนการปรับลดดอกเบี้ยครั้งแรกไปอยู่ที่เดือน 9 จากก่อนหน้านี้คาดจะลดดอกเบี้ยช่วงเดือน 6-7

 


ขณะที่หากพิจารณา BOND YIELD ประเทศอื่นๆ จะเห็นได้ว่าในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมาขยับขึ้นหมด แสดงถึงเม็ดเงินไหลเข้าสินทรัพย์เสี่ยงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะกล่าวในมุมเม็ดเงิน FUND FLOW ต่างชาติในหัวข้อถัดไป ส่วนหุ้นที่ได้ประโยชน์จากประเด็นดังกล่าว คือ กลุ่มธนาคารพาณิชย์(KBANK, SCB, BBL, TISCO) กลุ่มประกัน(BLA, TIPH) เป็นต้น

 

ความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจไทยยังทิ้งไม่ได้ แม้ TRADE WAR จะผ่อนคลายลง
จีน-สหรัฐฯ คลายความตึงเครียดทางการค้า (รายละเอียดตามหัวข้อก่อนหน้า) โดยสหรัฐฯ ลดภาษีจีน เหลือ 30% (เดิม 145%) ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำกว่า ธปท. ประเมินไว้ในฉากทัศน์ LOWER TARIFFS ที่ 54% มองเป็นมุมบวกที่อาจเพิ่ม UPSIDE ให้กับ GDP GRWOTH ของไทย เติบโต้ได้ไม่ต่ำกว่า 2% ในปี 2568

 

อย่างไรก็ตาม ยังต้องระวังผลกระทบที่ตามมาต่อเศรษฐกิจไทยในระถัดไปเช่นกัน หลังบ้านเราถูกสหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีกับการนำเข้าขั้นต่ำ 10% (UNIVERSAL TARIFF) ขณะที่ผู้ว่า ธปท.ฉายภาพ "เศรษฐกิจไทย" ชะลอลงก่อนซึมลากยาว รับพิษ "ภาษีทรัมป์" โดยคาดว่าจะเริ่มเห็นผลกระทบตั้งแต่ 3Q68 และเศรษฐกิจไทยใน 4Q68 เสี่ยงตกต่ำสุด ก่อนที่ค่อยๆ ฟื้นตัว เมื่อพิจารณาวิกฤตล่าสุดเศรษฐกิจไทยใช้เวลานานถึง 2 ปีกว่าจะฟื้นตัวเหนือช่วงโควิด-19


สำหรับในแง่มุมของทิศทางดอกเบี้ยบ้านเรา อาจเห็นการทิ้งช่วงการลดดอกเบี้ยไปอีกระยะหนึ่ง ท่ามกลางความไม่แน่นอนของการเจรจาทางการค้าของสหรัฐฯ และประเทศต่างๆ

 

ฝ่ายวิจัยฯ ประเมินอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยที่ระดับ 1.75% จะหนุนกรอบแนวรับสำคัญทางพื้นฐาน SET ขยับขึ้นมาอยู่ที่ 1180 จุด (MEYG 5.8%, EPS 89 บาท/หุ้น) และ 1240 จุด (MEYG 5.8%, EPS 93.5 บาท/หุ้น) ส่วน TARGET ปีนี้ 1424 จุด (MEYG 4.5%, EPS 89 บาท/หุ้น)

 

4 ธีมหุ้นเด่นเก็งกำไร หวังเม็ดเงินหนุนต่อ
เม็ดเงินไหลออกจากสินทรัพย์ปลอดภัยเข้าสินทรัพย์เสี่ยงอีกครั้ง โดย FUND FLOW สลับมาไหลเข้าตลาดหุ้นภูมิภาคในเดือน พ.ค. นี้ (MTD) หลังจากขายมาตลอด 4 เดือนแรกของปี ส่วนตลาดหุ้นไทย ต่างชาติมีการสลับมาซื้อบ้าง พร้อมกับขายสุทธิน้อยลงเหลือ -11.8 ล้านเหรียญ หรือ -438 ล้านบาทเท่านั้น (MTD) จากขายสุทธิในปีนี้ 1.6 พันล้านเหรียญ หรือ -5.5 หมื่นล้านบาท (YTD)ขณะที่สัปดาห์นี้เริ่มมีเม็ดเงิน THAIESGX เข้ามาพอดี หนุนให้ SET ในเดือนนี้มีโอกาสเดินหน้าต่อได้

 

กลยุทธ์กำรลงทุนแนะนำ 4 ธีม เก็งกำไรในช่วงนี้
1. หุ้นอิงเศรษฐกิจจีน PTTGC, SCC, SCGP, PTTEP
2. หุ้นอิงเทคฯ DELTA, CCET, KCE
3. หุ้นอิงงบ 1Q68 โต QOQ, YOY และดีกว่าคาด WHA, TRUE, GULF, GPSC, OR
4. หุ้นอิง VALUATION ถูกกว่าปกติ CPALL, AOT, BH

 

Research Division
จัดทำโดย
ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

วันขาย By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ ขายเมื่อมีข่าวดี วันนี้ วันขาย ท่ามตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวขึ้น ตอบรับข่าวดี สหรัฐกับจีน ....

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้