สำนักข่าวหุ้นอินไซด์( 8 พฤษภาคม 2568)--- บริษัท โรงพยาบาลนครธน จำกัด (มหาชน)NKT รายงานงบการเงินรวมไตรมาส1/68 มีกำไรสุทธิ 56.06 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันปีก่อน กำไรสุทธิ 62.12 ล้านบาท

ในไตรมาส 1 ปี 2568 บมจ.โรงพยาบาลนครธน (“บริษัท”) มีจำนวนการเข้ารับบริการของผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยในอยู่ที่99,836 ครั้ง และ 3,973 ครั้ง ตามลำดับ โดยจำนวนผู้ป่วยนอกลดลงร้อยละ 2 และจำนวนผู้ป่วยในลดลงร้อยละ 3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อันเป็นผลจากสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว เกณฑ์การอนุมัติการรับการรักษาของผู้ป่วยในที่มากขึ้นจากบริษัทประกัน รวมถึงความกังวลของผู้รับบริการเกี่ยวกับนโยบายการร่วมจ่ายค่ารักษาพยาบาล (CoPayment) ส่งผลให้จำนวนผู้เข้ารับบริการทั้งผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยในลดลงในไตรมาสนี้

รายได้รวมของบริษัทลดลงร้อยละ 0.4จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีรายได้รวมที่จำนวน 500.5 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม รายได้หลักจากการประกอบกิจการโรงพยาบาลจำนวน 494.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 โดยรายได้จากผู้ป่วยนอกมีจำนวน 309.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 2 สืบเนื่องจากรายได้เฉลี่ยต่อครั้งที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่จำนวนผู้เข้ารับบริการลดลง ในส่วนของรายได้จากผู้ป่วยในมีจำนวน 185.1 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 2 เป็นผลจากจ นวนผู้เข้ารับบริการ อัตราการครองเตียง และจำนวนวันนอนที่ลดลง แต่รายได้เฉลี่ยต่อวันนอนมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น

ค่าใช้จ่ายรวมในไตรมาสนี้อยู่ที่จ านวน 428.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 1 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยต้นทุนการประกอบกิจการโรงพยาบาลจำนวน 346.8 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 1 จากการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นค่าใช้จ่ายในการขายและจัดจำหน่ายอยู่ที่ 9.7 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายในการบริหารอยู่ที่ 71.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 1และร้อยละ 14 ตามลำดับ ส่งผลให้กำไรจากการดำเนินงานก่อนหักดอกเบี้ย และภาษี (“EBIT”) อยู่ที่จำนวน 72.3 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 8 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และกำไรสุทธิสำหรับไตรมาสนี้อยู่ที่จำนวน 56.1 ล้านบาท ลดลงร้อยละ10 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

สำหรับแผนการขยายโรงพยาบาลของบริษัทในปี 2568
ในปี 2568 บริษัทมีแผนขยายโรงพยาบาลนครธน 2 ขนาด 151 เตียง มุ่งเน้นให้บริการแก่ผู้ประกันตนในเขตกรุงเทพมหานคร เขต 7 และผู้ป่วยทั่วไป โดยคาดว่าจะเปิดให้บริการ 102 เตียง ในปีนี้และอีก 49 เตียงในปี 2569นอกจากนี้ บริษัทกำลังปรับปรุงอาคารเดิมของโรงพยาบาลนครธน พร้อมขยายเพิ่มอีก 95 เตียง โดยมีการเพิ่มห้อง VIPเพื่อรองรับความต้องการด้านสุขภาพที่เพิ่มขึ้น

ปัจจัยขับเคลื่อนหลักของการเติบโตในปี 2568 ได้แก่ การขยายตัวของประชากรผู้สูงอายุ โรคจากพฤติกรรมการใช้ชีวิต และความต้องการการดูแลเฉพาะทาง การรักษาโรคยากซับซ้อนที่สูงขึ้น ประกอบกับประสบการณ์ให้บริการสุขภาพระดับพรีเมียมในกรุงเทพมหานคร มายาวนานกว่า 28 ปี ส่งเสริมให้บริษัทมีความได้เปรียบจากภาพลักษณ์ที่น่าเชื่อถือ และที่ตั้งเชิงกลยุทธ์บนถนนพระราม 2 ซึ่งสามารถรองรับทั้งกลุ่มผู้อยู่อาศัยรายได้สูงและการเติบโตของการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ