Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

TAKUNI ลุยมอเตอร์ไซค์-จักรยานไฟฟ้าผนึกพันธมิตรให้บริการเช่าซื้อ ตั้งเป้าปีนี้ขยายเครือข่าย 100 สาขา- ดันยอดขาย 15,000 คัน

88

 สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(6 พฤษภาคม 2568)--------ทาคูนิ กรู๊ป เปิดแผนธุรกิจ รุกตลาดรถไฟฟ้า ทั้งมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า และจักรยานไฟฟ้า ควบคู่สร้างแบรนด์เทลจี ผ่านช่องทางการจัดจำหน่าย และบริการหลังการขายเพื่อสร้างความพึ่งพอใจของลูกค้า พร้อมผนึกพันธมิตรให้บริการเช่าซื้อ โดยครึ่งแรกปีนี้ จะเน้นกระจายรถจักรยานไฟฟ้าในราคาที่เข้าถึงง่าย ผ่านตัวแทนจำหน่ายและเครือข่าย ตั้งเป้าทั้งปี 68 ออกผลิตภัณฑ์ให้ครอบคลุมทุกการใช้งาน ขยายสาขาเครือข่ายพันธมิตร 100 แห่ง หวังยอดขายจักรยานไฟฟ้าและมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ารวม 15,000 คันหรือคิดเป็นรายได้ราว 400 ล้านบาท


ดร.กฤตพงศ์ อรชัยพันธ์ลาภ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัททาคูนิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TAKUNI เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ายังมีแนวโน้มที่ดี จากนโยบายการอุดหนุนของภาครัฐเป็นตัวกระตุ้นอุตสาหกรรมรวม แต่การขยายตัวจะมาจากความเชื่อมั่นในแบรนด์ผู้ผลิตมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าที่มีคุณภาพ รวมไปถึงการบริการหลังการขายที่รวดเร็วและครอบคลุม


“ตลาดรถ EV ในไทยยังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน เริ่มมีแบรนด์มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าขนาดใหญ่เข้ามา ซึ่ง 1-2 ปีนี้จะอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ หากตลาดขยายตัวขึ้นและสินค้าเริ่มติดตลาด ผู้ผลิตและจัดหน่ายอื่นๆ ก็จะกล้ามาลงทุนเพิ่ม ซึ่งส่งผลดีกับผู้บริโภค แต่ถ้าจะให้มองว่ามอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าสามารถเข้ามาทดแทนในส่วนของรถน้ำมัน คาดว่าถ้าจะให้ถึง 50% หรือประมาณ 9 แสนคันจากประมาณ 1.8 ล้านคัน มองว่าประมาณอีก 10 ปีถึงจะเป็นไปได้ ส่วนอีก 2 ปีข้างก็คิดว่าน่าจะทดแทนได้เต็มที่คงไม่เกิน 10% และขึ้นอยู่กับว่าใครจะมีส่วนแบ่งการตลาดเท่าไหร่”ดร.กฤตพงศ์กล่าว


ดร.กฤตพงศ์ กล่าวว่า ในส่วน ธุรกิจรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าของ กลุ่มทาคูนิ ตามแผนเดิมอาจล่าช้าออกไปบ้าง เพราะมีการปรับเปลี่ยนเล็กน้อยทั้งในส่วนของตลาดมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าที่เติบโตช้ากว่าที่คิด และการหาพันธมิตรเพื่อสอดรับกับกลยุทธ์ทางธุรกิจที่เปลี่ยนไป ซึ่งทุกอย่างเริ่มอยู่ในทิศทางที่ดีขึ้นและมีแนวโน้มที่จะปรับตัวดีขึ้นเรื่อยๆ ในอนาคต


เขามองว่า ปัญหาที่ทำให้ตลาดมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าในไทยเติบโตช้ากว่าที่ควรจะเป็น โดยเฉพาะในต่างจังหวัดเติบโตค่อนข้างช้า เนื่องด้วยระยะทาง ราคา และสถานีชาร์จหรือสถานีสลับแบตเตอรี่ยังไม่รองรับการใช้งาน แม้แต่ในกรุงเทพฯเองก็ตาม แม้จะมีระบบรองรับแต่ก็ยังไม่ครอบคลุมเพียงพอ ซึ่งแม้ยอดขายในกรุงเทพฯจะมีร่วม 20,000 คัน แต่ก็เป็น 20,000 คัน จาก 1,800,000 คันของยอดขายมอเตอร์ไซค์ทั้งหมดซึ่งเป็นจำนวนที่น้อยมาก ไม่นับว่ายังต้องแบ่งมาร์เก็ตแชร์กับแบรนด์อื่นๆอีก ด้วยจำนวนนี้คงยังไม่ใช่ New S Curve ที่ทาคูนิต้องการ ฉะนั้นผมจึงต้องเปลี่ยนแผนธุรกิจใหม่หมด

โดยแผนงานที่ทางกลุ่มทาคูนิ มองเห็นชัดเจน กลายเป็นว่า ต่างจังหวัดนิยมรถจักรยานไฟฟ้าค่อนข้างมาก และพบว่าตลาดกลุ่มนี้มียอดขายมากกว่า 200,000 คันต่อปี โดยราคาจะอยู่ตั้งแต่หลักพันไปจนถึงประมาณคันละ 45,000 บาทตามแต่คุณภาพของสินค้า ซึ่งด้วยข้อมูลตรงนี้ทำให้เรามองว่าตลาดตรงนี้มีทั้งขนาดและศักยภาพที่ทางเรามองหา ดังนั้นเราจะเริ่มต้นด้วยการทำตลาดจักรยานไฟฟ้าก่อนเพราะเป็นตลาดที่ใหญ่และราคาไม่ได้สูงนัก แม้ว่าเทลจี (TAILG) จะเป็นแบรนด์ชั้นนำระดับโลก แต่ก็ยังค่อนข้างใหม่ในไทย จำเป็นต้องสร้างการรับรู้ของตัวแบรนด์ผ่านสินค้า ช่องทางจัดจำหน่ายให้ผู้บริโภคได้เห็นและเข้าถึง โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริการหลังการขายต้องมีประสิทธิภาพและครอบคลุม เพื่อให้ลูกค้าของเราได้รับประสบการณ์และบอกต่อประสบการณ์ที่ดีที่มีต่อแบรนด์

ดร.กฤตพงศ์ กล่าวว่าในช่วงครึ่งปีแรกจะกระจายรถจักรยานไฟฟ้าในราคาที่เข้าถึงได้ก่อน โดยเบื้องต้นจะเน้นกระจายสินค้าผ่านตัวแทนจำหน่ายและเครือข่ายพันธมิตร เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ในวงกว้าง เนื่องจากตัวแทนจำหน่ายมีเครือข่ายในการกระจายสินค้าอยู่เป็นจำนวนมากและสร้างการมองเห็นได้ไวยิ่งขึ้น

“ภาพเล็กของเราในปีนี้คือการทำให้ลูกค้ารู้จักเราก่อน และภาพใหญ่ต่อจากนั้นคือตลาดรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าไทยที่ประมาณ 1.8 ล้านคัน เราทำทุกอย่างเพื่อก้าวขึ้นไปอีกขั้นในปีต่อไปเมื่อลูกค้าเริ่มรู้จักเราแล้ว เห็นว่าสินค้าของเราขายได้ มีสินเชื่อสนับสนุน คุณภาพดี บริการหลังการขายดี เค้าจะบอกต่อกันเอง ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของตัวแทนจำหน่ายหรือตัวผู้บริโภคเองก็ตาม ซึ่งพอเราทำให้เค้ามั่นใจได้ ตลาดจะวิ่งตามมาแล้วการเติบโตอย่างยั่งยืนก็จะตามมาเอง สุดท้ายก็กลับมาที่เราเองนี่แหล่ะต้องสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้าเห็นก่อน “


โดยทาคูนิคาดหวังว่าการเติบโตจะเป็นไปตามที่คาดภายในปีนี้ จะออกผลิตภัณฑ์ให้ครอบคลุมทุกการใช้งาน ขยายสาขาเครือข่ายพันธมิตร 100 แห่ง พร้อมยอดขายของจักรยานไฟฟ้าและมอเตอร์ไซด์ไฟฟ้ารวม 15,000 คันหรือคิดเป็นรายได้ก็ประมาณ 400 ล้านบาท


นอกจากนี้ เพื่อให้บริการครบวงจรยิ่งขึ้น การมีพันธมิตรในการปล่อยสินเชื่อให้จึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจ เนื่องจาก การซื้อจักรยานยนต์ในปัจจุบันเป็นสัดส่วนการเช่าซื้อกว่า 80% ซึ่ง พันธมิตรที่เป็นที่รู้จักในธุรกิจเช่าซื้อจะเข้ามาสนับสนุนการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อจักรยานไฟฟ้า มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า และจะช่วยกระตุ้นให้ผู้บริโภคสามารถตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้