ช่วง PARADOX หุ้นขึ้น แต่เศรษฐกิจชะลอ
TOP PICK TRUE / GULF/ SCGP
EXTERNAL FACTOR
• ทิศทางเงินเฟ้อมีแนวโน้มคาดการณ์ได้ยากขึ้น เนื่องจากมีทั้งแรงกดดันและแรงกระตุ้น เข้ามาในเวลาเดียวกัน หลังราคาน้ำมันโลกชะลอตัวลง ท่ามกลางตลาดแรงงานสหรัฐฯ อยู่ในเกณฑ์ดีกว่าคาด
• ในแง่มุมของตลาดฯ ดูค่อนข้างให้น้ำหนักกับผลกระทบของ TRADE WAR ต่อ เศรษฐกิจสหรัฐฯ ทำให้ตลาดแรงงานที่ไม่ได้ทรุดตัวหนัก หนุนแนวคิดว่า FED อาจ “คง” ดอกเบี้ยนานขึ้น
• อย่างไรก็ตามยังต้องรอติดตามท่าทีของ FED อีกครั้งในการประชุมรอบวันที่ 7 พ.ค. นี้
INTERNAL FACTOR
• ลุ้นตัวเลข GDP 1Q68 ที่จะประกาศวันที่ 19 พ.ค.68 โดย BLOOMBERG คาดจะโต 3.0%YOY และ 0.7%QOQ ซึ่งทำให้ความกังวลการเกิด TECHNICAL RECESSION เบาบางลง อย่างไรก็ตาม หลายสำนักเศรษฐกิจคาดว่าประเด็น TRADE WAR จะเริ่ม กระทบเศรษฐกิจไทยตั้งแต่ไตรมาส 2
• กลยุทธ์ช่วงนี้เน้นหุ้นรายตัวที่กำไร 1Q68 มีโอกาสเติบโตทั้ง YOY / QOQ อาทิ TRUE STECON CBG DELTA CRC GPSC BEM ADVANC WHA BBL BDMS DOHOME เป็นต้น
INVESTMENT STRATEGY
• แม้ปัจจัยภายนอก และภายในยังไม่แน่นอน แต่ในเชิงเทคนิค ตลาดหุ้นไทยยัง TRADING ได้ และยังมี MOMENTUM ขึ้นต่อสะท้อนได้จาก MACD ที่กลับมายืนเหนือ 0 ครั้งแรกในรอบ 8 เดือน ในสภาวะดังกล่าว SET มักทยอยปรับตัวขึ้นต่อได้ในระยะ 1 –2 เดือนข้างหน้า
• กลยุทธ์ แนะนำ TRADING หุ้นพื้นฐานดี, มี MACD > 0, และมี ESG RATING หวังจะมี MOMENTUM ขึ้นต่อ และเป็นเป้าหมายของสถาบันฯ ในช่วงนี้ คือTASCO, SCGP, CPALL, CK, BDMS, OSP, CPF, OR, GPSC, SCC, ADVANC, DELTA
ดอกเบี้ยขาลงดูมีอุปสรรค
ทิศทางเงินเฟ้อมีแนวโน้มคาดการณ์ได้ยากขึ้น เนื่องจากมีทั้งแรงกดดันและแรงหนุนเข้ามาในเวลาเดียวกัน
• ปัจจัยกดดันเงินเฟ้อ :ราคาน้ำมันโลกชะลอตัวลงต่อเนื่องนับแต่ต้นปี 2568 ขณะที่ล่าสุด OPEC+ มีมติ เพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันอีก 411,000 บาร์เรล/วัน ในเดือน มิ.ย. นี้ ทำให้ราคาน้ำมันดิบ WTI เฉลี่ยเดือน พ.ค.68 ร่วงลงมาอยู่ที่ 58.1 เหรียญฯ/บาเรล (-26%YOY)
ฝ่ายวิจัยฯ แนะนำหุ้นที่ได้รับประโยชน์ในช่วงที่ราคาน้ำมันดิบลดลง ประกอบด้วย กลุ่มโรงไฟฟ้า GULF GPSC กลุ่มวัสดุก่อสร้าง SCCC SCC TPIPL TASCO DCC VNG กลุ่มขนส่ง เช่น BA AAV AOT กลุ่ม ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค BJC OSP กลุ่มเช่าซื้อ MTC SAWAD TIDLOR
• ปัจจัยกระตุ้นเงินเฟ้อ : ตลาดแรงงานสหรัฐฯ อยู่ในเกณฑ์ดีกว่าคาด ทำให้ตลาดฯ มีมุมองเชิงบวกต่อ เศรษฐกิจและตลาดหุ้น โดยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐฯ เดือน เม.ย. 68 ปรับตัว เพิ่มขึ้น 177,000 ราย ซึ่งสูงกว่าคาดที่ 138,000 ราย อีกทั้งอัตราการว่างงานสหรัฐฯ ล่าสุดยังคงทรงตัว อยู่ที่ 4.2% แม้จะเป็นช่วงที่นโยบายตั้งกำแพงภาษีขของหรัฐฯ เริ่มมีผลบังคับแล้ว
ในแง่มุมของตลาดฯ ดูค่อนข้างให้น้ำหนักกับผลกระทบของ TRADE WAR ต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ทำให้ตลาดแรงงานที่ ไม่ได้ทรุดตัวหนัก หนุนแนวคิดว่า FED อาจ “คง” ดอกเบี้ยนานขึ้น สะท้อนจาก FEDWATCH TOOL ให้น้ำหนักเกือบ 70% คาด FED จะคงดอกเบี้ยไปจนถึงเดือน มิ.ย. 68 และจะเริ่มปรับลดดอกเบี้ยครั้งแรกในเดือน 7 (เดิมคาดเดือน 6) อย่างไรก็ตามยังต้องรอติดตามท่าทีของ FED อีกครั้งในการประชุมรอบวันที่ 7 พ.ค. 68
ปัจจัยในประเทศรอลุ้นตัวเลข GDP 1Q68 กลยุทธ์เน้นหุ้นกำไรงาม ฝ่าฟันช่วงตลาดผันผวน
ปัจจัยในประเทศรอลุ้นตัวเลข GDP 1Q68 ที่จะประกาศวันที่ 19 พ.ค.68 โดย BLOOMBERG คาดจะโต 3.0%YOY และ 0.7%QOQ ซึ่งทำให้ความกังวลการเกิด TECHNICAL RECESSION เบาบางลง อย่างไรก็ตาม หลายสำนัก เศรษฐกิจคาดว่าประเด็น TRADE WAR จะเริ่มกระทบเศรษฐกิจไทยตั้งแต่ไตรมาส 2 โดย BLOOMBERG คาด GDP GROWTH YOY จะทยอยลดลงเรื่อยๆ ในแต่ละไตรมาส ซึ่งมีมุมมองในทิศทางเดียวกันกับหลายสำนักเศรษฐกิจช่วง ก่อนหน้านี้
ขณะที่วันนี้ลุ้น ครม. เคาะแจก 10,000 ดิจิทัลวอลเล็ต เฟส 3 กลุ่ม อายุตั้งแต่ 16-20 ปี ประมาณ 2.7 ล้านคน เริ่มได้ ช่วงไตรมาส 2 (พ.ค.-มิ.ย.68) ซึ่งหากเกิดขึ้นจริงน่าจะเป็นตัวพยุงภาคบริโภค(C) ในส่วนประกอบ GDP ได้บ้าง
ส่วนในมุมของกำไรบริษัทจดทะเบียน คาดการณ์ของ BLOOMBERG CONSENSUS จะมีข้อมูลอยู่ 91 บริษัท คิด เป็นสัดส่วน 56% MARKET CAP กำไรคาดอยู่ที่ 1.7 แสนล้านบาท(+30.7%QOQ / -0.7%YOY) ซึ่งต้องติดตามว่า กำไรสุทธิแล้วจะสามารถแตะระดับ 2.2-2.5 แสนล้านบาทได้หรือไม่ อย่างไรก็ตามไตรมาสถัดๆไปมีโอกาสที่กำไรจะ ลดลง QOQ จากรับผลกระทบจาก TRADE TARIFF ซึ่งอาจเปิด DOWNSIDE ต่อประมาณการกำไรทั้งปี 68 ได้
ขณะที่ในส่วนของหุ้นรายตัวที่กำไร 1Q68 มีโอกาสเติบโต QOQ อาทิ SCGP CK SCC SPRC ICHI DCC เป็นต้น
หุ้นรายตัวที่กำไร 1Q68 มีโอกาสเติบโต YOY อาทิ CKP TASCO BJC AMATA BGRIM PR9 MTC CPALL CPAXT COM7 เป็นต้น
และหุ้นรายตัวที่กำไร 1Q68 มีโอกาสเติบโตทั้ง YOY / QOQ อาทิ TRUE STECON CBG DELTA CRC GPSC BEM ADVANC WHA BBL BDMS DOHOME เป็นต้น
ในเชิงกราฟ SET INDEX ดูแข็งแรงขึ้น หาหุ้นมี MOMENTUM ขึ้นต่อได้
แม้ปัจจัยภายนอก และภายในยังไม่แน่นอน แต่ในเชิงเทคนิค ตลาดหุ้นไทยยัง TRADING ได้ และยังมี MOMENTUM ขึ้น ต่อสะท้อนได้จาก MACD ที่กลับมายืนเหนือ 0 ครั้งแรกในรอบ 8 เดือน ถือเป็นสัญญาณที่ดี สะท้อนได้จากตลอด 3 ปี ที่ผ่านมา แม้ SET INDEX จะเป็นขาลง แต่ในเวลาที่ MACD > 0 SETINDEX มักทยอยปรับตัวขึ้นต่อได้ในระยะ 1 –2 เดือนข้างหน้า
ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุน แนะนำ TRADING ในหุ้นพื้นฐานดี, มี MACD > 0, และมี ESG RATING หวังจะมี MOMENTUM ขึ้นต่อ และยังเป็นเป้าหมายของสถาบันฯ ที่จะเติมเม็ดเงิน THAI ESGX เข้ามาในช่วงนี้ คือ TASCO, SCGP, CPALL, CK, BDMS, OSP, CPF, OR, GPSC, SCC, ADVANC, DELTA
Research Division
จัดทำโดย
ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์