Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

เทพหุ้นเมย์แบงก์ คาดSET เดือน พ.ค. แกว่ง Sideways ในกรอบ 1150 - 1250 จุด ชู WHA SPRC OSP ดาวเด่น

80

 

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์( 6 พฤษภาคม 2568)-------- บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) ออกบทวิเคราะห์ Monthly Report: May คาด SET Index แกว่งตัว Sideways ในเดือน พ.ค. ตามกรอบ 1150 – 1250 จุด รอบการฟื้นตัวจากจุดต่ำสุดในช่วงก่อนหน้า สะท้อนว่าตลาดรับรู้ความเสี่ยงภาษีตอบโต้ไปแล้วมากพอสมควร ขณะที่นักลงทุนกำลังรอความชัดเจนการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ ซึ่งมีแนวโน้มบรรลุข้อตกลงลดภาษีเหลือ 10-20% อีกทั้งเม็ดเงิน LTF ที่ทยอยเข้าสู่ TESGX ช่วง 1 พ.ค. - 30 มิ.ย. คาดว่าจะหนุนสภาพคล่องได้ราว 9,000–16,000 ล้านบาท ขณะเดียวกันตลาดยังมีแรงหนุนจากความคาดหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้านการคลังที่เตรียมประกาศในระยะถัดไป ด้าน Flow ต่างชาติแรงขายเริ่มชะลอลง อย่างไรก็ตามในเชิงกลยุทธ์เป็นช่วงที่ต้อง selective ให้น้ำหนักหุ้นที่ Valuation ถูกเกินไปเมื่อเทียบปัจจัยพื้นฐาน WHA SPRC OSP

• การเจรจาภาษีสหรัฐฯเดินหน้า...ตัวแปรกำหนดทิศทางตลาดทุน
ประเมินการเจรจาลดภาษีประเทศต่างๆ กับสหรัฐฯ จะมีความคืบหน้า โดยเราคาดว่า อินเดีย ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้มีโอกาสบรรลุข้อตกลงกับสหรัฐฯเป็นกลุ่มแรกซึ่งตลาดอาจนำไปใช้เป็นบรรทัดฐานข้อตกลงกับประเทศอื่นๆ สำหรับไทยติดตามความคืบหน้าจากรัฐบาล แต่สมมติฐานของเราคาดว่ามีโอกาสเจรจาลดภาษีลงเหลือ 10–20% โดยไม่เสียเปรียบคู่แข่ง แม้ว่าจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยโตช้าลง แต่ตลาดหุ้นไม่น่าตอบรับลบเพราะถือเป็นอัตราภาษีที่ดีกว่าระดับ 36% ที่เคยกังวลไปก่อนแล้ว ในทางตรงข้ามความชัดเจนที่เกิดส่งผลให้การประเมินแนวทางรับมือของรัฐบาลและเอกชนทำได้ตรงเป้ามากขึ้น

• ความคืบหน้ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจตามมา ภายหลัง GDP ไทยถูกปรับลด
ในเดือน เม.ย. 68 หลายสำนักเศรษฐกิจปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปีนี้ลงเหลือในช่วง 1.3 - 2.3% เพื่อสะท้อนความเสี่ยงจากภาษีสหรัฐฯ ต่อการส่งออกไทย ลำดับถัดไปเราให้น้ำหนักไปที่การเตรียมออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลเพื่อลดทอนผลกระทบ โดยเชื่อว่าจะเน้นการกระตุ้นการบริโภค การท่องเที่ยว การลงทุนภาครัฐ และการช่วยเหลือผู้ส่งออก โดยขนาดเม็ดเงินและรายละเอียดน่าจะชัดเจนหลังการเจรจาลดภาษีสหรัฐฯ โดยแหล่งที่มาของงบประมาณอาจมาจากการเร่งเบิกจ่ายงบปี 68, งบปี 69 หรือการออก พ.ร.บ./พ.ร.ก. กู้เงิน (คาดยังมีช่องว่างให้ทำได้ราว 1 ล้านล้านบาท โดยไม่ต้องเพิ่มระดับเพดานหนี้เกิน 70%) จึงเป็น Sentiment บวกที่จะเข้าไปเก็งกำไรในกลุ่มค้าปลีก ท่องเที่ยว รับเหมา วัสดุก่อสร้าง เช่น CPALL MINT STECON TASCO เป็นต้น

• เม็ดเงินของ TESGX ตัวช่วยจำกัด Downside ตลาด
เม็ดเงินที่จะเข้า TESGX ที่จะเริ่มระหว่างเดือน พ.ค.-มิ.ย.68 จะมาจาก 2 ส่วน คือ การโอนจาก LTF สถานะคงค้าง ณ 2 พ.ค.68 อยู่ที่ 1.56 แสนล้านบาท และเม็ดเงินใหม่ที่ไหลเข้า TESGX ซึ่งคาดเม็ดเงิน 9,000 – 16,000 ล้านบาท จะเป็นปัจจัยช่วยจำกัด Downside ของ SET Index โดยทุกๆ 1 หมื่นล้านบาทที่เข้ามา คาดว่าจะช่วยหนุนดัชนีได้ราว 25 จุด โดยหุ้นที่คาดว่าได้แรงหนุนจากเม็ดเงิน TESGX สูงและแนะนำซื้อ 6 อันดับแรก คือ HMPRO KBANK CPF BDMS COM7

• งบ 1Q68 ปัจจัยสร้างความผันผวนหุ้นรายตัว
จากการรวบรวมกำไรบริษัทฯใน SET Index (ไม่รวม PF&REIT) เฉพาะหุ้นที่มีคาดการณ์โดย Bloomberg Consensus งวด 1Q68 คิดเป็น 60% ของ Market Cap ทำกำไรสุทธิรวม 1.67 แสนล้านบาท ขยายตัว 16%QoQ แต่หดตัว -1%YoY ปัจจุบันรายงานแล้วคิดเป็นสัดส่วน 28% Market Cap ดีกว่าตลาดคาด 5% โดยการรายงานงบของบริษัทฯ ที่เหลือจะมีขึ้นจนถึงเช้าวันที่ 16 พ.ค.68 ระหว่างทางจะเป็นปัจจัยที่สร้างความผันผวนต่อหุ้นรายตัว ทั้งนี้หุ้นที่เราคาดงบ 1Q68 โดดเด่นโดยที่ Valuation ซื้อขายต่ำกว่า 5 ปีที่น่าสนใจ WHA GFPT OSP NER และ PR9


กลยุทธ์การลงทุนเดือน พ.ค. 2568 เลือก WHA SPRC OSP


WHA (เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 4.00 บาท)
• ภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ จะไม่กระทบต่อการโอนที่ดินของ WHA ในปี 2568 ซึ่งมีแผนโอนสูงสุด 2,251 ไร่ ริ่มรับรู้รายได้บางส่วนตั้งแต่ 1Q25 จากลูกค้ากลุ่มศูนย์ข้อมูลที่ไม่ถูกกระทบจากมาตรการภาษีนี้
• ราคาหุ้นยังคง Underperform ปรับตัวลง -11.2% เทียบกับ SET Index +2.7% หลังการประกาศภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯ การผ่อนผัน reciprocal tariff ไปอีก 90 วัน มองเป็นโอกาสสะสมคาดหวังการเจรจาไทยที่น่าจะสามารถลดภาษีจาก 36% อีกทั้งราคาปัจจุบัน คิดเป็น PE68 ที่ 9.7 เท่า (-2SD ของค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี) พร้อมกับอัตราเงินปันผลที่ 6%

SPRC (เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 9.90 บาท)
• เข้าสู่ช่วงเทศกาล US driving season ในเดือน พ.ค. ของทุกปี หนุนอุปสงค์น้ำมันเบนซิน ส่งผลให้ส่วนต่างน้ำมันเบนซิน MTD อยู่ที่ 13.8 US$/bbl (+79.2%MoM) หรือจาก ระดับ -1SD กลับเข้าสู่ค่าเฉลี่ยอีกครั้ง โดย SPRC มีสัดส่วนน้ำมันดังกล่าวสูงถึง 24% เทียบกับค่าเฉลี่ยของโรงกลั่นในไทยที่ 19.8% หนุนให้ผลประกอบการในไตรมาส 2 แข็งแกร่งเมื่อเทียบกับโรงกลั่นอื่น
• ในเชิง Valuation ยังอยู่ในจุดที่ถูกเกินไป จากการซื้อขายบน PBV 0.48 เท่าต่ำกว่าเฉลี่ย -1.3 S.D. (ต่ำกว่าจุดต่ำสุดในช่วง Covid-19 PBV ที่ 0.6 เท่า) ของค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี นอกจากนี้ Market Cap ในปัจจุบัน ที่ 2.4 หมื่นล้านบาท มีมูลค่าใกล้เคียงกับเงินทุนหมุนเวียนสุทธิทั้งสองปัจจัยดังกล่าวช่วยจำกัด Downside

OSP (เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 18.70 บาท)
• เรา OSP คาดกำไร 1Q68E ขยายตัว 51%YoY และ 120%QoQ จากกำไรขั้นต้นที่คาดว่าจะทำจุดสูงสุดที่ 40% หนุนจากสัดส่วนยอดขายต่างประเทศและผลิตภัณฑ์ดูแลส่วนบุคคลที่เพิ่มขึ้น
• นอกจากนี้ยังมีสัญญาณบวกจากการเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดเครื่องดื่มในประเทศที่ปรับตัวขึ้น 3 เดือนติดต่อกัน ล่าสุด มี.ค.68 อยู่ที่ 44.9% ปรับตัวจากจุดต่ำสุดเมื่อ ธ.ค.67 ที่ 44.5% เนื่องจากปรับกลยุทธ์ M-150 (ฝาเหลือง) ขวด 10 บาท ที่กระแสตอบรับดี ขณะที่เดือน เม.ย. การกระจายสินค้าฝาเหลืองจะครอบคลุมมากขึ้น เป็นปัจจัยที่ทำให้โอกาสการเพิ่มส่วนแบ่งตลาดยังมีต่อเนื่อง
• เราคาดกำไรปี 68 เติบโต 9%YoY ราคาปัจจุบันซื้อขายบน PER 14.3 เท่า (ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลัง -2.1 S.D.) พร้อมปันผล ปี 68 ที่สูง 7.6% เป็นปัจจัยช่วยจำกัด Downside ราคาหุ้น

 


Analyst
ธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์
Theerasate.p@maybank.com
ชาญชัย พันทาธนากิจ
Chanchai.p@maybank.com

ออมทรัพย์ โง้วศิริ
Aomsub.ngowsiri@maybank.com

บมจ.หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย)
TEL : 02-658-5000

 

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้