Market Wrap-Up
- SET วันที่ 29 เม.ย.68 ปิด +11.59 จุด อยู่ที่ 1,171.12 จุด มูลค่าการซื้อขาย 35,334 ลบ.สถาบันซื้อ 113 ลบ. พอร์ตโบรกซื้อ 175 ลบ. ต่างชาติซื้อ 597 ลบ. และรายย่อยขาย 885 ลบ. NVDR มียอดซื้อสุทธิ 1,501 ลบ.โดยมียอดซื้อในหุ้น BH,GULF,BBL,DELTA,ADVANC และยอดขายหุ้น PTTEP,CPN,TU,MINT,ITC มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 2,143 ลบ.หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ NDX01,CPN,SCC โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Long ใน Index Futures จำนวน 4,803 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 56,532 สัญญา และต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตรไทย 4,595 ลบ.
- ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA +0.75%, S&P500 +0.58%, Nasdaq +0.55% ได้แรงหนุนจากกลุ่มการเงิน +0.97%,วัสดุ +0.92% จากความหวังเชิงบวกต่อการเจรจาการค้ากับญี่ปุ่น & อินเดีย กอปรรายงานกำไร Q1/68 ของ Coca Cola, Pfizer ดีกว่าคาด ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 +0.36% ได้แรงหนุนจากกลุ่มอวกาศ & กลาโหม นำโดย Rheinmetall +8.5% หลังยอดขายยุทธภัณฑ์ Q1/68 ดีกว่าคาด, เฮลแคร์ +1.2% และกลุ่มการเงินปรับขึ้น
Market View
- ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ปรับขึ้น นำโดยกลุ่มการเงิน & วัสดุ จากความคาดหวังเชิงบวกต่อการเจรจาข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐกับญี่ปุ่น & อินเดีย ขณะที่ ปธน.ทรัมป์ได้ผ่อนปรนการเก็บภาษีชิ้นส่วนรถยนต์ต่างประเทศ ที่ใช้ในการผลิตรถยนต์ภายในสหรัฐ เพื่อหนุนแผนการย้ายฐานการผลิตมายังสหรัฐ ซึ่งบ่งภาวะสงครามการค้ามีแนวโน้มผ่อนคลายลง โดยดัชนีหุ้นสหรัฐยังได้แรงหนุนจากรายงานกำไร Q1/68 ของ Coca Cola , Pfizer ที่ดีกว่า และยังรอการรายงบของกลุ่ม Big Tech เช่น Microsoft, Apple, Meta Platform, Amazon ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจวานนี้ JOLTs เผยตัวเลขเปิดรับสมัครงานสหรัฐ มี.ค.ลดลงอยู่ที่ 7.19 ล.ราย & ก.พ. 7.48 ล.ราย และค่ำวันนี้ติดตาม ADP เผยตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนสหรัฐ เม.ย. คาด 123,000 & มี.ค.155,000 ราย, US GDP Q1/68 คาด +0.4% & Q4/67 +2.4% QoQ และ US Core PCE มี.ค. คาด 6% & ก.พ. 2.8% YoY
- ตลาดหุ้นยุโรปวานนี้ได้แรงหนุนจากกลุ่มอวกาศ & กลาโหม ที่ได้ปัจจัยงบด้านการทหารที่มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น ขณะที่กลุ่มธนาคารปรับขึ้น นำโดย HSBC +3% รับข่าวการซื้อหุ้นคืนมูลค่า 3 พัน ล.ดอลลาร์ และ Deutsche Bank +5% หลังรายงานกำไร Q1/68 +39% ส่วนค่ำวันนี้ติดตามรายงาน GDP ยูโรโซน Q1/68 คาด 1.1% & Q4/67 ที่ 1.2% YoY และวันศุกร์ Core CPI ยูโรโซน เม.ย. คาด 2.5% & มี.ค. 2.4% YoY
- ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ ดัชนีเซี่ยงไฮ้ปิดทรงตัว, ฮั่งเส็ง +0.16% โดยนักลงทุนยังรอ ม.กระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลจีน ในระหว่างที่ยังไม่มีการเจรจาการข้อตกลงการค้ากับสหรัฐ ส่วนดัชนี Kospi วานนี้ +0.65% ได้แรงหนุนจากกลุ่มยานยนต์ เช่น Hyundai, Kia หลังสหรัฐได้ยกเว้นการเก็บภาษีชิ้นส่วนรถยนต์นำเข้าจากต่างประเทศ ประเด็นที่ต้องติดตามวันนี้ คือ การเจรจาข้อตกลงการค้าสหรัฐ – ญี่ปุ่นรอบที่ 2
- SET วานนี้ +1.0% ปริมาณการซื้อขาย 3.53 หมื่น ลบ. สถาบันซื้อ 113 ลบ. พอร์ตโบรกซื้อ 175 ลบ. ต่างชาติซื้อ 597 ลบ. และรายย่อยขาย 885 ลบ. โดยดัชนีได้แรงหนุนจากกลุ่มอิเล็ก ฯ +5.1% หลัง DELTA รายงานกำไร Q1/68 ยังขยายตัวได้ดี จากยอดขายสินค้าในกลุ่ม Data Center ที่เติบโตดี ขณะที่กลุ่ม รพ.ก็ปรับขึ้น นำโดย BH +6.3% แม้ว่ากำไร Q1/68 จะต่ำกว่าคาด แต่นักลงทุนคาดกำไรในงวด Q2/68 มีโอกาสฟื้นตัว QoQ จากผู้ป่วยจากตะวันออกที่คาดจะเพิ่มขึ้น หลังผ่านเทศกาลรอมฎอน ส่วนกลุ่มท่องเที่ยว +1.2%, ขนส่ง +1% หลังรายงานจำนวนนักท่องเที่ยวชาติสัปดาห์ที่ผ่านมา +6.6% WoW โดยนักท่องเที่ยวจีน +40.9% และเกาหลีใต้ +32% WoW ขณะที่วานนี้ Moody’s ได้ประกาศคงอันดับเครดิตไทยที่ Baa1 แต่ปรับลดมุมมองจาก Stable เป็น Negative จากความกังวล ม.ปรับขึ้นภาษีของสหรัฐ อาจกระทบด้านลบต่อเสถียรภาพของเศรษฐกิจไทยในระยะถัดไป ประเด็นสำคัญวันนี้ติดตามผลการประชุม กนง. ซึ่งคาดมีโอกาสลดดอกเบี้ยลง 0.25% อยู่ที่ 1.75% ซึ่งถือว่าเป็น Upside ต่อดัชนี รวมถึงรายงานกำไร Q1/68 ของ SCC คาดที่ 695 ลบ. +236% QoQ, -71% YoY
Daily Strategy
- ประเมินแนวรับดัชนี SET ที่ 1,155 - 1,160 แนวต้าน 1,180 คาดดัชนีมีโอกาสปรับขึ้นต่อ จากคาดการณ์ กนง.มีโอกาสปรับลดดอกเบี้ยลง 0.25% และปีนี้อาจจะลดดอกเบี้ยต่อได้อีก 1 – 2 ครั้ง แนะนำซื้อเก็งกำไร ไฟแนนท์ SAWAD,MTC,KTC,GULF,DIF,CPNREIT,3BBIF ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาลง และกลุ่มที่มี ESG เรตติ้งสูง เช่น AMATA,WHA,GSPC,BEM,CPN,CPALL คาดได้แรงหนุนจากเม็ดเงินกองทุน Thai ESGX
- SNNP* (ซื้อเก้งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 15.20 บาท) ปี 68 ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้รวม +15%YoY จากการเติบโตในประเทศ +10%YoY โดยออกสินค้าใหม่กลุ่ม Beverage แบรนด์ Magic X (น้ำผลไม้ผสมวุ้นมะพร้าว) และแบรนด์เจเล่รสชาติใหม่ ส่วนต่างประเทศ +25%YoY จะมาจากรายได้ในเวียดนามจะกลับมาเติบโตเท่าปี 66 หลังปรับโครงสร้างกับ distributor เสร็จแล้ว และคาดการณ์ GPM ในระดับ 30% แนวโน้มระยะสั้น 1Q68 คาดกำไรยังโต QoQ, YoY จากรายได้ในประเทศเป็นหลัก GPM ขยายตัวตามอัตราการใช้กำลังการผลิตและ product mix และการควบคุม SG&A ทั้งนี้ consensus คาดกำไรสุทธิปี 68 ที่ 714 ล้านบาท (+10%YoY) และปี 69 ที่ 781 ล้านบาท (+9%YoY
- PR9* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย Bloomberg Consensus 28.51 บาท) Bloomberg Consensus คาดกำไร 1Q68 อยู่ที่ 194 ลบ.(+22%YoY, -6%QoQ) อ่อนตัว QoQ ตามฤดูกาล แต่ยัง +YoY ดี คาดจากแรงหนุนในประเทศ(เช่น ไข้หวัดใหญ่, ฝุ่น PM 2.5) และกลยุทธของ PR9* ที่ทำการตลาดไปหาผู้ป่วยต่างชาติมากขึ้น(อย่างเช่น ชาติตะวันออกกลาง) ด้านPR9*เอง ปี68 นี้ ตั้งเป้ารายได้เติบโต +10 ถึง 20%YoY โดยบริษัทยังคงเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนคนไข้ต่างประเทศขึ้นราว 20% จากฐานคนไข้รวม ทั้งนี้ตลาดคาด กำไรสุทธิ ปี68 และ ปี69 ของ PR9* จะขยายตัวมาอยู่ที่ 816 ลบ.(+15%YoY) และ 903 ลบ.(+11%YoY) ตามลำดับ
Daily Key Factors
Oil Update(-)WTI มิ.ย.-$1.63 อยู่ที่ $60.42 / บาร์เรล, Brent มิ.ย. -$1.61 อยู่ที่ $64.25/บาร์เรล กังวลภาวะสงครามการค้า อาจส่งผลให้อุปสงค์ความต้องการใช้น้ำมันลดลง และผลการประชุมโอเปกพลัสวันที่ 5 พ.ค. ซึ่งอาจจะเพิ่มกำลังการผลิตใน มิ.ย.
Gold Update(-) Comex Gold มิ.ย.-$14.10 อยู่ที่ $3,333.60 /ออนซ์ ถูกกดดันจาก Dollar Index แข็งค่า +0.23% อยู่ที่ 99.237 กอปรภาวะสงครามการค้าเริ่มมีสัญญาณผ่อนคลายลง
Fund Flow(+) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ซื้อสุทธิ +24 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นไทย +17.87 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นอินโดฯ +1.22 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และซื้อหุ้นฟิลิปปินส์ +4.91 ล.ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ค่าเงินบาทเช้านีอ่อนค่าเล็กน้อยอยู่ที่ 33.42 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(+) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ลดลงอยู่ที่ 4.159 %
(-) ดัชนี BDI วานนี้ปิด -5 อยู่ที่ 1,398 จุด
(-) BitCoinเช้านี้ -0.38% อยู่ที่ 94,545 ดอลลาร์สหรัฐ
(-) PMI ภาคการผลิตจีน เม.ย. 49.0 & มี.ค. 50.5 / ภาคบริการ เม.ย. 50.4 & มี.ค. 50.8
Economic Calendar
ในประเทศ
30 เม.ย. ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ครั้งที่ 2/2568
ธปท. รายงานภาวะเศรษฐกิจและการเงินไทย
สัปดาห์ที5 สศอ.แถลงดัชนีอุตสาหกรรม
สศค.รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง, ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค,
ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค
ต่างประเทศ
29 เม.ย. US รายงานความเชื่อมั่นผู้บริโภคจากซีบี (เม.ย.)
US ตำแหน่งงานว่างเปิดใหม่จาก JOLTS (มี.ค.)
30 เม.ย. CN ดัชนี PMI ภาคการผลิตของจีน (เม.ย.)
US ดัชนีจีดีพี (ไตรมาสต่อไตรมาส) (ไตรมาส 1)
US การเปลี่ยนแปลงการจ้างงานภาคนอกภาคเกษตรกรรม(ADP)(เม.ย.)
US ดัชนีราคาด้านการบริโภคส่วนบุคคล (PCE Price Index (มี.ค.)
01 พ.ค. US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ
US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก
US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต (เม.ย.)
02 พ.ค. EU ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) (ปีต่อปี) (เม.ย.)
US อัตราการว่างงาน (เม.ย.)
US การจ้างงานนอกภาคการเกษตร (เม.ย.)
US รายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมง (เดือนต่อเดือน) (เม.ย.)
Theme Strategy
Theme หุ้นเด่น 1H68 เน้น หุ้นในธุรกิจใหม่ที่เป็น Trend ในอนาคต อย่าง Data Center รวมถึงหุ้นที่มีแนวโน้มกำไรปกติ 4Q67-1Q68 คาดออกมาดี และ หุ้นที่รับความผันผวนได้ดีจากความเสี่ยง Trade War/ธนาคารกลางหลักมีแนวโน้มชะลอการลดดอกเบี้ย
(1) กลุ่มธนาคารที่มี Sentiment บวกจากธนาคารกลางหลักมีแนวโน้มชะลอการลดดอกเบี้ย/มี Yield สูง BBL, KTB, KBANK, TISCO*, TTB*
(2) กลุ่มการอุปโภคบริโภค ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ CPALL, CPAXT*, CRC, NSL*, TNP*, OSP*
(3) กลุ่มโรงพยาบาล BDMS, BH, PR9*, SKR
(4) กลุ่มมีโอกาสเกี่ยวข้องกับการลงทุน Data Center/ธุรกิจ Trend อนาคต ADVANC,INTUCH*,TRUE,GULF*,AMATA
(5) กลุ่มสินค้า IT ที่ได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนถ่ายเทคโนโลยี(เช่น AI function/ 4G to 5G) SYNEX*, ADVICE*, SIS*
(6) กลุ่มที่มี Sentiment บวกจาก Entertainment Complex BTS*, VGI*, MBK*, BA
**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย
Asset Allocation: Equity 50% Fixed Income 35% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%
Today Fundamental Research: -
Monthly Portfolio May 2025: KLINIQ, TASCO*, TFG*, OKJ*, NSL*
Analysts
Apichai Raomanachai
Fundamental and Technical Investment Analysis ID No. 002939
Tel 02-829-6999 Ext 2200
Email : apichai.ra@kfsec.co.th
Nopporn Chaykaew
Fundamental Analysis ID No. 043964
Tel 02-829-6999 Ext 2203
Email : noppoen.ch@kfsec.co.th
Nattawat Poosunthornsri
Fundamental Analysis ID No. 087077
Tel 02-829-6999 Ext 2204
Email : nattawat.po@kfsec.co.th