KKP : ประเด็นสำคัญจากการประชุมนักวิเคราะห์ (1Q25)

มุมมองของเราหลังการประชุม : คงคำแนะนำ "ถือ" สำหรับ KKP โดยมูลค่าที่เหมาะสมเท่ากับ 55.00 บาท แม้ว่าคุณภาพสินทรัพย์อาจไม่แย่อย่างที่ตลาดกังวล แต่ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจอาจสร้างแรงกดดันต่อรายได้ โดยเฉพาะในธุรกิจตลาดทุน

คำชี้แจงจาก CEO ของ KKP
• CEO อธิบายถึงผลประกอบการที่อ่อนแอใน 1Q25 โดยระบุว่าการลดลงของต้นทุน (credit cost, ต้นทุนเงินทุน, ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน) ไม่เพียงพอที่จะชดเชยรายได้ที่ลดลง
• คุณภาพสินทรัพย์โดยรวมยังคงเป็นไปตามที่คาดการณ์ การขาดทุนจากการขายรถยึดดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากการปล่อยสินเชื่อที่เข้มงวดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ส่งผลให้มีรถที่ถูกยึดน้อยลง ในขณะที่การเพิ่มขึ้นของต้นทุนเครดิตในไตรมาสนี้สะท้อนถึงอัตราการตัดหนี้สูญที่ต่ำลง แต่ควรจะมีการเพิ่มขึ้นของการตัดหนี้สูญประมาณ 200-300 ล้านบาทต่อเดือน ในอนาคต
• คุณภาพสินทรัพย์ของลูกค้า SME อ่อนแอลง บางส่วนเป็นผลมาจากการคำนวณ ECL ใหม่สำหรับ SME ภายใต้โครงการค้ำประกันสินเชื่อจากบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (TCG) KKP อ้างถึงผลประโยชน์จาก CGP ใน 4Q24 จึงจำเป็นต้องคำนวณ ECL ใหม่ ส่งผลให้ต้องตั้งสำรองเพิ่มเติม
• สินเชื่อที่มีสิทธิ์เข้าร่วมโครงการ "คุณสู้ เราช่วย" มีมูลค่ารวม 5.8 พันล้านบาท (1.6% ของสินเชื่อทั้งหมด) โดย 4.8 พันล้านบาทได้ถูกแปลงสภาพแล้ว อย่างไรก็ตาม ผลกระทบสุทธิยังไม่แน่นอน
• CEO ชี้แจงว่าต้นทุนเงินทุนลดลงอย่างช้าๆ เนื่องจาก KKP ต้องการรักษาบัญชี CASA และไม่ได้ลดอัตราดอกเบี้ย CASA เพราะกังวลเรื่องการสูญเสียส่วนแบ่งตลาด แต่เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยในตลาดการเงินที่ต่ำลง มีโอกาสที่อัตรา CASA อาจจะถูกปรับลด สำหรับเงินฝากประจำ ส่วนนี้จะเริ่มกระบวนการปรับราคาใหม่ และต้นทุนเงินทุนควรจะลดลงตามไปด้วย
• การลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานยังคงเป็นไปอย่างแข็งตัว ในขณะที่การลงทุนเชิงกลยุทธ์เป็นสิ่งที่ยากจะตัด ธนาคารมีแผนที่จะลดจำนวนพนักงาน (จำนวนพนักงานลดลงประมาณ 100 คนเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว) และลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่ไม่จำเป็น โดยมีเป้าหมายที่จะมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่ต่ำลงในช่วงต่อไป
• CEO กล่าวว่าความอ่อนแอในธุรกิจตลาดทุนสอดคล้องกับความผันผวนของตลาดการเงิน ที่น่าสนใจคือ บางธุรกิจมีการปรับตัวดีขึ้นใน 1Q25
• ทั้งนี้ KKP มีเงินลงทุนในเวียดนามประมาณ 1 พันล้านบาท ดังนั้น การลดลงของมูลค่าในตลาดเวียดนามอาจนำไปสู่การขาดทุนใน FVTPL ในไตรมาสถัดไป