AT THE OPEN (#ATO)
SET Index ปรับขึ้นไปที่ 1155
กลยุทธ์เลือกหุ้นที่ช่องว่างการฟื้นตัวเปิดกว้าง

Market Strategy
SET Index ปรับขึ้นตามกรอบ 1140-1155 จุด แม้ IMF ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจโลกและไทย แต่ผลต่อตลาดหุ้นจำกัดเพราะให้น้ำหนักไปที่ความหวังเจรจาสหรัฐฯ–จีน วันนี้เลือกหุ้น BCP และยังชอบ WHA

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ วานนี้ปรับขึ้นเฉลี่ย 2.6% จาก รมว.คลังสหรัฐฯเผยความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ-จีนจะคลี่คลายลงในอนาคตอันใกล้ ขณะที่การตั้งกำแพงภาษีที่สูงระหว่างกันจะไม่ยั่งยืน นอกจากนี้ยังได้แรงหนุนความเห็นของคุณทรัมป์ที่ยังไม่มีความตั้งใจจะปลดประธาน FED จากตำแหน่งก่อนครบวาระ (พ.ค. 69) สถานการณ์ที่ผ่อนคลายลงชั่วคราวข้างต้นเชื่อว่าเป็นแรงหนุนต่อทิศทาง SET Index ช่วงเช้านี้ โดยหุ้นที่จะขึ้นนำตลาดวันนี้คาดเป็นกลุ่มที่ช่องว่างในการฟื้นตัวเมื่อเทียบกับวันที่ 2 เม.ย. 68 ยังเปิดกว้าง เช่น หุ้นกลุ่มนิคม WHA AMATA กลุ่มพลังงาน PTTEP SPRC BCP กลุ่มท่องเที่ยว AOT เป็นต้น
IMF เผยคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจโลก ที่รวมถึงผลกระทบต่อกำแพงภาษีสหรัฐฯ (สมมติฐาน รวมนโยบายภาษีตอบโต้สหรัฐฯ ที่ประกาศระหว่างวันที่ 1-4 เม.ย.68) ที่คาด GDP โลกปี 68/69 ขยายตัว 2.8%/3.0%YoY ลดลงจาก รอบก่อนเดือน ม.ค. -0.5%/-0.3% ตามลำดับ โดยเป็นการปรับลงเกือบทุกประเทศทั้งสหรัฐฯ ยุโรป จีน สำหรับไทย IMF คาด GDP ปี 68/69 ขยายตัว 1.8%/1.6%YoY ลงจาก รอบก่อน -1.1%/-1% ซึ่งถือเป็นความเสี่ยงระยะยาวในเศรษฐกิจบ้านเรา แต่สำหรับผลต่อตลาดหุ้นไทย เรามองว่าจำกัด เนื่องจาก GDP Growth ที่ปรับลงถือว่าใกล้เคียงกับสำนักเศรษฐกิจต่างๆ ที่ออกมาคาดการณ์ในช่วงก่อนหน้า และเชื่อว่านักลงทุนจะให้น้ำหนักไปกับการเจรจาเพื่อลดภาษีกับสหรัฐฯมากกว่า ซึ่งวานนี้ รมว.คลัง ชี้แจงการเลื่อนเจรจากับสหรัฐฯ เพื่อรอดูสถานการณ์และระหว่างนี้จะศึกษาข้อมูลให้รอบคอบ ขณะที่กำหนดการเจรจายังไม่ได้กำหนดการที่ชัดเจน และสถานการณ์ปัจจุบันถือว่าไม่เร็วไม่ช้าจนเกินไป

Market Summary
SET Index ปรับขึ้น 9.34 จุดหรือ 0.8% โดยการฟื้นตัวเกิดในภาคบ่ายหลังคลังออกมาชี้แจงเหตุผลที่เลื่อนการเจรจากับสหรัฐฯ เพื่อประเมินสถานการณ์ (ไม่ได้เลิกเจรจา) โดยหุ้นกลุ่มที่ Outperform วานนี้กลุ่มอิเล็คทรอนิกส์ +1.8% นำโดย CCET +2.9% DELTA +1.8% กลุ่มนิคม WHA +2% AMATA +1.4% กลุ่มที่โรงไฟฟ้าที่ได้ Sentiment บวกจากบาทแข็งค่าและราคาก๊าซที่ปรับลงหนุน GULF +2.3% GPSC +7% กลุ่มเกษตรฯ จาก GFPT +7% จากงบ 1Q68 คาดเติบโต QoQ/YoY กลุ่มที่ Underperform กลุ่มธนาคาร -0.3% หมดประเด็นขับเคลื่อนหลังการรายงานงบ 1Q68

DAILY Stock Pick
BCP
เก็งกำไรค่าการกลั่นฟื้นตัว
ก่อน US Driving Season
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 55.00 บาท

2QTD ค่าการกลั่นสิงคโปร์ อยู่ในระดับ 3.05 US$/bbl (-1.4SD ของค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 20 ปี) ซึ่งระดับดังกล่าวใกล้เคียงกับ Cash cost ที่ประมาณ 2 US$/bbl โดยหากค่าการกลั่นสิงคโปร์ ต่ำกว่าระดับดังกล่าวมันจะ rebound เนื่องจากมีโรงกลั่นลดกำลังการผลิต เป็นปัจจัยช่วยจำกัด Downside อีกทั้งการเข้าสู่ US Driving Season ในเดือนถัดไปมักหนุนให้ค่าการกลั่นปรับตัวขึ้น
เราชอบ BCP เป็น Top pick กลุ่มพลังงาน เนื่องจาก คาดกำไรเติบโตเด่นในปี 68/69 ที่ 43%/14% ตามลำดับ หลังจาก โครงการ SAF เปิดดำเนินการใน 2Q68 และค่าการกลั่น ที่ปรับตัวขึ้น โดย ณ ราคาปัจจุบัน ถูกซื้อขาย PBV68 ที่ 0.67 เท่า พร้อมอัตราเงินปันผล ปี 68 ที่ 5.6%

KEY FACTOR
แม้ว่าสถานการณ์สงครามการค้าและการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ จะยังคงเป็นปัจจัยกดดันต่อเศรษฐกิจโลกในระยะยาว แต่ตลาดหุ้นเอเชียกลับแสดงสัญญาณฟื้นตัวได้อย่างโดดเด่นในช่วง 10-22 เม.ย. ที่ผ่านมา หลังทรัมป์ชะลอการเก็บภาษีออกไป 90 วัน ในทางตรงข้ามกับตลาดหุ้นสหรัฐฯ รวมถึงดอลลาร์ ที่เผชิญแรงกดดันอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากความกังวลต่อประเด็นประธาน Fed ที่กระทบต่อความเชื่อมั่น และล่าสุดการประกาศขึ้นภาษีสินค้าแผง โซล่าร์เซลล์ ที่สูงสุดแตะระดับ 3,500% ซึ่งสร้างแรงกระเพื่อมต่อผู้ประกอบการค้าปลีกในสหรัฐฯ เอง (กลุ่มค้าปลีกรายใหญ่ อย่าง Walmart, Home Depot และ Target เข้าร่วมประชุมกับทรัมป์เพื่อหาทางออก) และเพิ่มความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจในประเทศ

นักกลยุทธ์ : ธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์, ชาญชัย พันทาธนากิจ, ออมทรัพย์ โง้วศิริ